ท่ามกลางข้อมูลข่าวสาร "ออกสื่อ" เกี่ยวกับนักเรียนหญิงสมาชิกโรงเรียนสายปัญญา ..หายออกไปจากบ้าน!!! ซึ่งวันนี้ได้บานปลายกลายเป็นหัวข้อวิเคราะห์วิจารณ์กันมากมายในรูปแบบต่างๆ นานานั้น อยากจะบอกเล่าเก้าสิบว่า บรรดามนุษย์ป้าที่เป็นศิย์เก่า สป. อันมีเครื่องหมาย "สายฟ้า" เป็นสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน ต่างรู้สึกสะท้อนใจและเป็นห่วงดวงใจน้อยๆ ของรุ่นน้องรุ่นหลานอย่างมาก
กว่าจะมีวันนี้ ...ทุกห้องไลน์การสื่อสารระหว่างศิษย์เก่า ล้วนเป็นการขอความช่วยเหลือให้มองหาน้องโยโย่ ซึ่งเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติตั้งแต่พ่อแม่ของน้องออกประกาศหาทางโซเชียลในวันแรก
ชาว สป.ลูกสายฟ้าทุกห้องไลน์ส่งข่าวสารนี้ต่อๆ กัน เพื่อช่วยกันกระจายข่าวก่อให้เกิดตาสับปะรดทั่วทุกหนแห่ง และมีการเช็กข่าว สอบถามกันตลอดเวลา ...เพียงแต่ไม่เคยเป็นข่าว และมิได้ต้องการออกสื่อ
หัวอกคนเป็นพ่อแม่และครูบาอาจารย์ รวมทั้งทุกคนที่ติดตามข่าวนี้ ต้องยอมรับว่า...โล่งใจ!! ที่พบน้องแล้ว ส่วนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงต้องเป็นเรื่องส่วนตัวของคนในครอบครัว ที่คนนอกไม่ควรที่จะเข้าไปสอดแทรก หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ..นะจ๊ะ
แต่ในฐานะของคนที่เคยเป็น "คนใน" รั้ว สป.เมื่อ 45 ปีที่แล้ว มนุษย์ป้าจดจำได้ว่า รั้วรอบขอบชิดของโรงเรียนอาจจะสามารถป้องกันคนภายนอกมิให้เข้ามาวุ่นวายกับเด็กๆ ได้ แต่พอเดินก้าวออกไปนอกรั้ว เพียงแค่ประตูเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวา หรือแม้กระทั่งเดินข้ามถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษมนั้น เด็กหญิงและนางสาวในชุดนักเรียนมีความจำเป็นอย่างยิ่งทีเดียวที่จะต้องรู้จักดูแลป้องกันตัวเอง เพราะสภาพแวดล้อมรอบๆ โรงเรียนนั้น มีแต่รถบรรทุก รถกระบะ และพนักงานของบริษัทขนส่งสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายวัยฉกรรจ์ เพราะต้องแบกหามใช้แรงงานยกของขึ้น-ลง หน้าตาดูถมึงทึงน่ากลัวพอตัวทีเดียวในสายตาของเราเมื่อยังผูกคอซอง
มองมุมบวกแล้ว ชีวิตที่ต้องผจญภัยตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากรั้วโรงเรียนเพื่อเดินไปที่ป้ายรถเมล์ในอีกถนนหนึ่งทุกวี่ทุกวัน ทำให้เราคล่องแคล่วว่องไว รู้จักระแวดระวังภัยรอบตัวได้ไม่มากก็น้อย พอต้องไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ที่มหาวิทยาลัย ก็ถือว่าเป็นเรื่องสิวๆ เลยทีเดียว เพราะไม่มีที่ไหนจะตื่นเต้นกว่าการไปโรงเรียนสายปัญญาอีกแล้ว
ขับรถผ่านไปแถวนั้นในวันนี้ สังเกตว่ายังมิได้แตกต่างจากเมื่อ 45 ปี ถึงแม้ฟุตปาธจะสะอาดสะอ้านขึ้น มุมอับตามซอกตึกจะลดน้อยถอยลง แต่ดูเหมือนว่าวิถีผู้คนและผู้ใช้แรงงานยังไม่แตกต่าง นั่นก็คงเป็นเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้สถานีรถไฟหัวลำโพง ที่มีผู้คนหลากหลายใช้ชีวิตสัญจรอยู่อย่างมากมาย
มองไปมองมา ก็อยากจะสรุปว่า ไม่ว่ารอบรั้วโรงเรียน สภาพแวดล้อมโรงเรียน จะดูหมิ่นเหม่ ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงสักเท่าไร ก็มิได้ทำให้คุณภาพของเด็กและเยาวชนตามปรัชญาของโรงเรียนนั้นด้อยค่าลง เพราะคุณค่าของคนนั้นอยู่ที่ผลงานและจิตใจ ไม่ใช่หน้าตา..นะจ๊ะ..ขอยืนยัน.
"ป้าเอง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |