โจรใต้เหิมหนัก!! ขี่รถ จยย. 3 คัน 6 คน  บุกถล่มโรงพักนาประดู่ จ.ปัตตานี กลางวันแสกๆ จ่อยิงตำรวจป้อมยามรักษาการณ์ดับ 1 ก่อนหลบหนีลอยนวล ภาพวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ชัด เชื่อแก้แค้นหลัง จนท.วิสามัญฯ 2 ศพที่ อ.ยะหริ่ง "ผบ.ตร." สั่งทุกโรงพักพื้นที่เสี่ยงเพิ่มมาตรการป้องกันโดยรอบ พร้อมเร่งติดตามจับกุมคนร้ายสร้างขวัญกำลังใจชาวบ้าน

    เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นอย่างรุนแรงต่อเนื่อง หลังเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ กว่า 100 นาย ปิดล้อมบ้านเลขที่ 152/2 บ้านท่าด่าน ม.3 ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และยิงปะทะกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งก่อเหตุบุกยิงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน อ.ยะรัง เสียชีวิต 4 นาย มาหลบซ่อนตัวภายในบ้านหลังดังกล่าว ทำให้กลุ่มก่อความไม่สงบถูกวิสามัญฯ เสียชีวิต 2 ราย
    โดยเมื่อวันอาทิตย์ เวลา 12.30 น. เกิดเหตุคนร้าย 6 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน สวมผ้าปิดบังใบหน้า ขี่รถเรียงตามกันมาจากถนนสายยะลาเก่า เลี้ยวผ่านประตูทางเข้าสถานีตำรวจนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และคันแรกขี่มาจอดหน้าป้อมยามรักษาการณ์ ใช้ปืนจ่อยิง ส.ต.ท.เฉลิมพล คมขำ อายุ 32 ปีทันทีขณะนั่งอยู่ในป้อมโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา 
    ขณะที่คนร้ายอีก 3 คนจอดรถตรงประตูทางเข้าแล้วลงจากรถใช้อาวุธปืนระดมยิงอย่างใจเย็น ทั้งปืนสงครามและปืนสั้น ส่วนคนร้ายอีกคันขี่รถไปตรงกำแพงรั้วด้านนอก คนที่นั่งซ้อนท้ายยืนขึ้นจากรถจักรยานยนต์ใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ตัวอาคารและเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้ออกมาช่วยเหลือ ส.ต.ท.เฉลิมพล ก่อนจะขี่รถย้อนกลับไปทางถนนสายยะลาเก่าที่มุ่งหน้ามาแต่แรก
    ต่อมา พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี,  พ.ต.อ.ธเรศ แก้วละเอียด รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี,  พ.ต.อ.ขวัญดี ฉิมพลี รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี, พ.ต.อ.จีระเศรษฐ์ ดาวเงินตระกูล รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี,  ร.ต.อ.สมชาย ด้วงตุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง ตรวจสถานที่เกิดเหตุระเบิด ถ่ายภาพทำแผนที่เกิดเหตุ และดำเนินการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์และผู้ที่เกี่ยวข้อง
    จากการตรวจสอบพบตัวป้อมยามมีรูกระสุนปืนจำนวนมาก และตัวอาคารโรงพักมีร่องรอยกระสุนและกระจกแตกหลายแห่ง นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกเกลื่อนกว่า 20 ปลอกห่างจากป้อมยาม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
    จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกติดตามไล่ล่าคนร้ายพร้อมตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ทุกตำบล เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง หวังแก้แค้นให้เพื่อนที่ถูกวิสามัญฯ เสียชีวิต 2 รายจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ยิงถล่มโรงพักนาประดู่ครั้งนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกพฤติการณ์และลักษณะของคนร้ายได้ตั้งแต่เริ่มต้น กระทั่งหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาเบาะแสคนร้ายในการติดตามตัวต่อไป
    เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมตรวจค้น บ้านกล้วย ม.2 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ พบรถคันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุบุกมายิงตำรวจโรงพักนาประดู่แล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด
    ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ถึงเหตุคนร้ายลอบยิงใส่โรงพักนาประดู่ จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตแล้ว โดยคนร้ายมีทั้งหมด 6 คน ขี่จักรยานยนต์ 3 คัน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่โรงพักนาประดู่ ซึ่งเบื้องต้นพล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 และ พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุแล้ว
    "ขอประณามผู้ก่อเหตุและผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำชับผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องดูแลสวัสดิการ สิทธิประโยชน์อย่างใกล้ชิด อย่าขาดตกบกพร่อง" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
    รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ผบ.ตร.ได้มีข้อสั่งการให้สถานีตำรวจในพื้นที่เพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังและการป้องกันเหตุความไม่สงบในพื้นที่โดยรอบของสถานีตำรวจและหน่วยราชการต่างๆ รวมไปถึงให้เพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราสถานที่ต่างๆ เช่น แหล่งชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว หรือสถานที่สำคัญ ที่อาจเป็นเป้าหมาย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าว ตลอดจนเพิ่มมาตรการเข้ม ทั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในการตรวจค้นรถทุกชนิดและบุคคลเป้าหมาย ตามเส้นทางหลักและเส้นทางรอง จัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจ และชุมชน 
    "พล.ต.อ.จักรทิพย์กำชับให้ยึดมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย ตามพยานหลักฐาน พยานบุคคล พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวน ซักถาม ขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมาย หากเกิดเหตุขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนจนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันท่วงที เพื่อสร้างความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยวและนักลงทุนในพื้นที่ รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยเป็นหูเป็นตา เฝ้าสังเกตบุคคล วัตถุต้องสงสัย หากพบให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที” รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าว.