ขอขึ้นต้น สกู๊ป วันนี้ด้วยคำว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ ครูอมตะ สโมทานทวี เหยื่อสถานการณ์ ไฟใต้ ที่เป็นชาว ไทยพุทธ รายล่าสุด ที่ถูก โจรใต้ หรือ แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นจับแขวนคอ เสียชีวิตอย่างทารุณโหดเหี้ยม ในบ้านพักที่ ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ก่อนที่ โจรใต้ จะโจรกรรม รถยนต์ ของคุณครู ไปประกอบเป็น คาร์บอมบ์ เพื่อก่อวินาศกรรม ที่หน้าหน่วยเฉพาะกิจสงขลา หรือ ฉก.สงขลา แรงระเบิดทำให้ ตชด.ชาย-หญิง จำนวน 6 นาย ได้รับบาดเจ็บ
เหตุเกิดเมื่อกลางคืนของวันที่ 8 มกราคม 2562 ซึ่งเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา เป็นวันเดียวกันกับที่ ครูจูหลิง ปงกันมูล ครูโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ถูก โจรใต้ จับตัว และทุบตีจนเสียชีวิตในห้องเรียน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นวันเวลาที่ประจวบเหมาะ หรือเป็นการวางแผนล่วงหน้าของ โจรใต้ ก็ยากที่จะคาดเดา
และก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา โจรใต้ ก็ได้ประกบยิงหญิงชาวไทยพุทธ อายุ 59 ปี ที่ ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เสียชีวิต ซึ่งเพิ่งจะมีการฌาปนกิจศพไปเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการสูญเสียของคนไทยพุทธ ที่มี นัย เป็นเหมือนกับการส่งสัญญาณจากฟากฝั่งของบีอาร์เอ็นว่า นับแต่นี้ ไทยพุทธ จะกลับมาเป็น เหยื่อ สถานการณ์อีกครั้ง
ที่ผ่านมาบีอาร์เอ็นเคยใช้ ยุทธศาสตร์ ในการฆ่าคน ไทยพุทธ อย่างโหดเหี้ยม ทั้งการฆ่าตัดคอ ฆ่าแล้วเผา บางศพยังไม่ตาย แต่มีการราดน้ำมันเพื่อเผาทั้งเป็น เพื่อต้องการให้คนไทยพุทธหวาดกลัว ย้ายออกจากพื้นที่ เพื่อให้เหลือแต่ มุสลิม จะได้ง่ายต่อการยึดหมู่บ้าน ตำบล และเพื่อสร้างความโกรธแค้นให้กับคน ไทยพุทธ เพื่อให้จับอาวุธเข่นฆ่า มุสลิม แบบ แก้แค้น ให้เกิดความขัดแย้ง นำไปสู่สงครามศาสนา
แต่...ที่ผ่านมา ย่างเข้า 15 ปี ความประสงค์ของบีอาร์เอ็นเป็นเสมือน ฟืนเปียก จุดไฟไม่ติด เพราะไม่ว่าบีอาร์เอ็นจะใช้ ยุทธศาสตร์ ของความโหดเหี้ยมอย่างไร คน ไทยพุทธ ในพื้นที่ก็ไม่หลงกล ในการจับอาวุธขึ้นมาทำร้าย หรือฆ่าคน มุสลิม เนื่องจากคน ไทยพุทธ เชื่อว่า มุสลิม ส่วนใหญ่ในพื้นที่ไม่ใช่ โจร และไม่มีความต้องการที่จะแบ่งแยกดินแดน มีเพียงคนไทยพุทธส่วนน้อยที่มากด้วยอารมณ์ และขาดเหตุผลเท่านั้น ที่จะพยายามปลุกระดมให้คนไทยพุทธ และเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ ใช้ระบบ ตาต่อตา กับบีอาร์เอ็น เพื่อความสะใจ เพราะวิธีการดังกล่าวไม่ได้แก้ปัญหาของ ไฟใต้ อย่างถาวร
ดังนั้นบีอาร์เอ็น ซึ่งนำโดย ดุลเลาะ แวมะนอ ที่กำลังใช้ ยุทธศาสตร์ ความรุนแรง ฆ่าคนไทยพุทธ และปล้นชิงอาวุธจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เป็นกองกำลังท้องถิ่น อย่างอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.), ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่เป็นเป้าหมายอ่อนแอ กลับมาใช้อีกครั้ง ต้องตระหนักให้มากว่า ยุทธศาสตร์ ความรุนแรง ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากคนไทยพุทธรู้ทันถึงจุดมุ่งหมายของบีอาร์เอ็น และไม่หลงกลในการใช้ความรุนแรงเพื่อแลกกับความรุนแรง สิ่งที่บีอาร์เอ็นได้ตามความมุ่งหมาย คือการสร้างความหวาดระแวงระหว่าง พุทธ และ มุสลิม ในพื้นที่ และอาจจะนำไปสู่การเป็น สังคมเชิงเดี่ยว มากขึ้นเท่านั้น
แต่... สิ่งที่บีอาร์เอ็นจะได้รับคือ การถูกประณามจากทุกภาคส่วนของสังคม และแม้แต่มวลชนของบีอาร์เอ็นที่ไม่ สุดโต่ง อย่างแท้จริง ก็ไม่เห็นด้วยกับ ยุทธศาสตร์ การใช้ความรุนแรงในพื้นที่ เพียงแต่มุสลิมส่วนใหญ่ในพื้นที่ตกอยู่ในสภาพของความหวาดกลัว จึงไม่มีการแสดงออกเท่านั้น ดังนั้นการใช้ความรุนแรงกับ ไทยพุทธ จึงไม่ใช่เส้นทางที่จะนำบีอาร์เอ็นไปสู่ความสำเร็จของการแบ่งแยกดินแดนอย่างแน่นอน
คล้อยหลังการฆ่า ครูจ้อง อย่างโหดเหี้ยม และการทำ คาร์บอมบ์ ที่หน้า ฉก.สงขลาแล้ว เพียง 2 วัน โจรใต้ ก็แสดงความ ฮึกเหิม ตบหน้าฝ่ายความมั่นคง ฉาดใหญ่ ด้วยการ แต่งเครื่องแบบเลือนแบบทหาร เข้าไปยังโรงเรียนบ้านบูโกะ ม.5 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ทำทีเหมือนเข้าตรวจเยี่ยม อส.ที่ รปภ.โรงเรียน ก่อนที่จะกราดยิง อส.เสียชีวิต 4 ศพ และปลดอาวุธปืนหลบหนีไป
เป็นความสูญเสียอีกครั้งหนึ่งของกองกำลังท้องถิ่นชุดคุ้มครองตำบล ชคต. ซึ่งบรรทัดนี้ก็แสดงความเสียใจกับการ สูญเสีย ของครอบครัวอาสาสมัครทั้ง 4 ท่าน และขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ เป็นบทเรียนที่ต้องจดจำ กับกองกำลัง อส., ชรบ. รวมทั้งทหาร ตำรวจในพื้นที่
ประเด็นที่ต้องตั้งข้อสังเกตต่อสถานการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนสิ้นปี 2561 ตั้งแต่การวางระเบิดแสวงเครื่อง นางเงือก ที่แหลมสมิหลา เขตเทศบาลนครสงขลา การวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ อ.บางกล่ำ และ อ.ควนเนียง จ.สงขลา ต่อด้วยการวางระเบิดเสาไฟ เสาโทรศัพท์ การยิงถล่ม ชคต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และเหตุอื่นๆ ใน จ.ปัตตานี และยะลา เกิดจากอะไร
1.เป็นวงรอบของบีอาร์เอ็นในการก่อเหตุที่เป็นเหตุปกติของการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี จนกลายเป็นปีปฏิทิน ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าคุ้นเคย และเรียกว่า ปฏิทินโจร 2.เป็นการปฏิบัติการเพื่อตอบโต้การปราบปรามยาเสพติด และสินค้าเถื่อน ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เนื่องจากผู้อยู่ใน วงจร ยาเสพติด และสินค้าเถื่อน เป็น ส่วนหนึ่ง ของบีอาร์เอ็น ที่เป็นเสมือนกระเป๋าเงินของบีอาร์เอ็น ที่ใช้ในการก่อการร้าย และ 3.เป็นการส่งสัญญาณการไม่เข้าร่วมเวทีการ พูดคุยสันติสุข ที่ฝ่ายเราพยายามให้มาเลเซีย กดดันให้บีอาร์เอ็น ปีกทหาร เข้าร่วมโต๊ะ พูดคุย เป็นการส่ง นัย จากดุลเลาะ แวมะนอ ถึง พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ หัวหน้าคณะ พูดคุย ฝ่ายไทย ให้เลิกกำหนดเวลา 6 เดือน เพื่อขับเคลื่อนเวทีพูดคุยสันติสุขหรือไม่
ข้อสังเกตต่อไปคือ การก่อเหตุของ โจรใต้ หรือ แนวร่วม ขบวนการบีอาร์เอ็นต่อเป้าหมายเป็นไปแบบง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการก่อเหตุด้วยอาวุธปืน โดยมีเป้าหมายต่อ เหยื่อ ที่เป็น ไทยพุทธ ทุกเส้นทางเป็นไปอย่าง ปลอดโปร่ง การเข้าไปจับ ครูจ้อง และนำรถไปประกอบคาร์บอมบ์เป็นไปอย่างง่ายดาย แสดงให้เห็นว่า ณ ขณะนี้ ทุกพื้นที่มี แนวร่วม ทั้ง 8 หน่วยงานของบีอาร์เอ็นปฏิบัติการเต็มพื้นที่ใช่หรือไม่
ข้อสังเกตต่อมา ฐานปฏิบัติการระดับ ฉก.สงขลา ซึ่งถือเป็นฐานปฏิบัติการระดับจังหวัด ทำไมจึงถูกก่อวินาศกรรมอย่างง่ายดาย ทำไม่จึงปล่อยให้คนร้ายนำ คาร์บอมบ์ มาจอดหน้าฐานได้ง่ายๆ ทำไมรัศมี 500 หรือ 1,000 เมตร หรือรอบๆ ฐาน จึงไม่มีกำลังตรวจตรา ลาดตระเวน หรือป้องกันอันตราย และบนเส้นทางดังกล่าวมีกล้องวงจรปิด หรือมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างไร เพราะถ้ามีการป้องกันตาม ยุทธวิธี การที่จะเกิด คาร์บอมบ์ หน้า ฉก. ไม่น่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ และเมื่อเกิดขึ้น ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ข้อสังเกตอีกอย่าง ชคต.ที่มีกำลัง อส.เป็นหลัก และชุดคุ้มครองหมู่บ้านที่มี ชรบ.เป็นหลัก ถูกโจมตี ถูกทำลาย ถูกปลดอาวุธ และถูกฆ่าด้วยวิธีง่ายๆ ทั้งแบบการ ล็อกคอ ปลดอาวุธทีละคน การแต่งกายเลียนแบบทหาร เข้าไปทำทีท่าตรวจเยี่ยม ก่อนยิงทิ้งและปลดอาวุธ เป็นยุทธวิธีที่เกิดขึ้น ซ้ำซาก ในเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ทำไม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงไม่มีการสรุปบทเรียนที่เกิดขึ้น เพื่อปิด จุดอ่อน และให้กำลังพลเข้าใจถึง ยุทธวิธี ของบีอาร์เอ็น เพื่อป้องกันความสูญเสีย
หรือถ้าเห็นว่า ชคต.และ ชรบ.ตรงไหนที่เอาตัวไม่รอด มีไว้เพียงเป็น ผักเหนาะ มีไว้เพื่อให้ โจรใต้ ปลดอาวุธ ก็ควรจะยุบทิ้ง เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตและอาวุธ หรือที่ง่ายๆ ในการแก้คือ ส่งทหารเข้าไปร่วมปฏิบัติการใน ชคต. เพื่อที่จะเพิ่มความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีคำถามว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า คิดผิดหรือไม่กับการที่เอากำลังท้องถิ่นมาแทนที่ ในการรักษาความสงบ แทนทหาร ตำรวจ เป็นการส่งคนไปตาย หรือเป็นการส่งอาวุธให้โจรหรือไม่
และสุดท้ายที่เป็นข้อพิจารณาคือ การพ่ายแพ้ ซ้ำซาก การสูญเสียแบบไม่จบสิ้น แบบศพแล้วศพเล่าของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นเพราะ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนต่อกำลังรบในพื้นที่ ว่า ศัตรู เป็นใคร จึงทำให้กำลังรบในพื้นที่ไม่รู้จัก ศัตรู ไม่มีการประเมิน ศัตรู ไม่รู้จักการก่อการร้ายแบบ จรยุทธ์ แบบ กองโจร
ดังนั้นตราบใดที่ ข้างบน ยังไม่ยอมรับว่า เรากำลังรบกับบีอาร์เอ็น และ ข้างล่าง ยังไม่รู้ว่าจะรบกับใคร ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาเป็น ผบ.ทบ. ไฟใต้ ก็ยังจะต้อง โชนแสง ต่อไป เพราะเรากำลังรบกับ ศัตูร แบบ ไม่รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งจึงแพ้ร้อยครั้ง อย่างที่กำลังเป็นอยู่ และกำลังเป็นไปในขณะนี้.
เมือง ไม้ขม รายงาน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |