"หน่วยข่าว" เตือนพบ "มายาโก๊ะ ลาเต๊ะ" แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบเข้าเคลื่อนไหวในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลาเชื่อมต่อ 3 จว.ใต้ หวั่นมีแผนก่อเหตุรุนแรง "สงขลา" สั่งยกระดับ รปภ.สูงสุด "ปัตตานี" รวบ 5 ผู้ต้องสงสัยบุกยิง อส.ยะรัง "ผู้การ" เผยมีระดับผู้นำท้องถิ่นรู้เห็นด้วย "เอ็นจีโอ" ออกแถลงการณ์ประณามคนร้าย
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. หน่วยงานข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แจ้งว่า สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.สงขลา ยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากในทางการข่าวยังคงได้รับรายงานความเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาในพื้นที่อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา ที่เชื่อมต่อกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งล่าสุดพบความเคลื่อนไหวของ นายมายาโก๊ะ ลาเต๊ะ แกนนำระดับปฏิบัติการเข้ามาในพื้นที่ชายแดนสงขลา ซึ่งอาจจะมีการวางแผนเตรียมก่อเหตุร้ายขึ้นในระยะนี้
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงใน จ.สงขลา ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด ทั้งในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา ทั้ง อ.จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย รวมทั้งเมืองเศรษฐกิจทั้ง อ.หาดใหญ่ สะเดา และ อ.เมืองสงขลา ทั้งจัดชุดลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อป้องกันกลุ่มคนร้ายก่อเหตุสร้างสถานการณ์และตอบโต้เจ้าหน้าที่ รวมทั้งลอบทำร้ายประชาชน หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์หน้าหน่วยเฉพาะกิจสงขลา และล่าสุดยิง อส. 4 ศพ ที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานีเมื่อวานนี้ เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ
ที่ จ.ปัตตานี พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เรียกประชุมหัวหน้าชุดปฏิบัติการและชุดสืบสวนสอบสวน สรุปเหตุการณ์และติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกเข้าไปยิงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เสียชีวิต 4 นาย ขณะดูแลความปลอดภัยภายในโรงเรียนบ้านบูโกะ ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และเหตุคนร้ายยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ขณะปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่บ้านกรือเซะ หมู่ที่ 3 ต.ตันหยงลุโละ อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี จนสามรถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย
ทั้งนี้ ชุดสืบสวนรายงานว่า คนร้ายที่ก่อเหตุทั้งหมดมีประมาณ 7-8 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการหลบหนี จำนวน 4 คัน ซึ่งช่วงเกิดเหตุนั้นคนร้ายมีการแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่เข้ามาก่อเหตุ 4 คน จากนั้นได้ขโมยอาวุธปืน 4 กระบอกของ อส.ไป โดยเชื่อว่าการหลบหนีของคนร้ายมีการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกได้นำอาวุธปืนที่ขโมยไป 4 กระบอกหลบหนีไป ส่วนอีกกลุ่มเป็นชุดจัดเสบียงและดูต้นทาง ซึ่งขณะหลบหนีเข้ามายังเขต อ.เมืองปัตตานี ก็ได้มีการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ จนสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 รายคือ นายมะกรี อิสอปุเต๊ะ
"จากการตรวจสอบประวัติพบมีพฤติกรรมเป็นแนวร่วม และเคยถูกจับกุมได้เมื่อปี 61 และยังยึดของกลางอีกหลายรายการ โดยเฉพาะปลอกกระสุนปืนสงครามกว่า 50 ปลอกของกลุ่มคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุขณะนี้ได้นำไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นปืนกระบอกที่เคยก่อเหตุใดบ้าง และจะรู้ตัวผู้ที่ก่อเหตุ" ชุดสืบสวนรายงาน
พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์กล่าวว่า การติดตามกลุ่มคนร้ายยังมีต่อเนื่อง และยังคงกดดันเพื่อต้องการจับกุมตัวมาดำเนินคดี เพราะถือว่าเป็นการก่อเหตุที่โหดร้ายต่อความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะไม่เคารพสถานที่ของโรงเรียน ซึ่งคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้รู้ตัวแล้วบางคน เนื่องจากหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่มีการกดดันพื้นที่และบุคคลต้องสงสัยที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ล่าสุดได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 5 ราย ในจำนวนนี้มีทั้งผู้รู้เห็นกับการก่อเหตุ ผู้สนับสนุนในการก่อเหตุ รวมไปถึงบางคนที่มีตำแหน่งระดับผู้นำท้องถิ่นอาจจะรู้เห็นกับการก่อเหตุครั้งนี้
"โดยเฉพาะเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่อ้างว่าถูกคนร้ายดักปล้นเพื่อหลบหนี ซึ่งจากการสอบปากคำเจ้าของรถพบพิรุธ จึงได้เชิญตัวไปสอบสวน เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้สนับสนุนให้คนร้ายหลบหนี โดยอ้างว่าถูกคนร้ายปล้นรถจักรยานยนต์ ในส่วนการสอบปากคำพยานและผู้ต้องสงสัยบางคนปรากฏว่าได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยเฉพาะ 1 ในกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุนั้นคือ นายอัมรัน มะฮีเระ ซึ่งเป็นกลุมก่อความไม่สงบระดับปฏิบัติการและมีหมายจับคดีความมั่นคง เนื่องจากพยานระบุว่าเป็นคนร้ายที่ชิงรถจักรยานยนต์แล้วหลบหนีไป" พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์กล่าว
ผบก.ภ.จ.ปัตตานีกล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบจากดีเอ็นเอคือ เลือดของคนร้ายที่ถูก อส.ยิงช่วงที่มีการปะทะนั้น เมื่อนำมาเทียบในสารบบคดีความมั่นคงแล้ว ปรากฏเป็นเลือดของผู้ต้องสงสัยคนหนึ่ง ชื่อเล่น "เลาะ" เป็นคนพื้นที่ตันหยงลูโละ อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม แต่เนื่องจากคนร้ายได้รับบาดเจ็บ จึงได้ประสานทางโรงพยาบาลต่างๆ และแพทย์ตำบล ถ้าพบผู้มารักษาให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ
ต่อมา พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ตันหยงลุโละ อ.เมืองปัตตานี กระจายกำลังปิดล้อมติดตามคนร้ายที่ยังหลบหนี โดยเฉพาะคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวได้ให้ข้อมูลว่าหนึ่งในคนร้ายที่หลบหนีคือ นายอับดุลเลาะ เจะหลง และยังให้เบาะแสอีกว่าอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ อส. น่าจะถูกซุกซ่อนไว้บริเวณดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ลงไปในคลองที่คนร้ายกระโดดน้ำหลบหนีขณะเข้าหน้าที่ไล่ติดตามพบอาวุธปืนอาก้า จำนวน 1 กระบอก อยู่ในสภาพใช้การได้ จึงได้นำขึ้นมาตรวจสอบหาความเชื่อมโยงกับกลุ่มใดบ้าง
พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์กล่าวว่า อาวุธปืนที่พบน่าจะเป็นของคนร้ายที่หลบหนีจากการปะทะ นอกจากนี้ยังได้ยึดของกลางเพิ่มเติมหลายรายการที่คนร้ายได้ทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ ที่ได้มีการปิดล้อมตรวจค้น ประกอบด้วย เสื้อสีน้ำเงิน เสื้อคลุมแขนยาวสีดำแบบมีที่ครอบศีรษะ กระติกน้ำร้อนพลาสติกสีส้ม เป้สนาม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ผ้าพันคอระบุหน่วยงานทหารพราน แม็กกาซีบรรจุกระสุน 5.56 จำนวน 2 อัน ภายในมีกระสุนปืนเต็มแม็ก และกระสุนจำนวน 20 นัด
"ส่วนที่คนร้าย 5-6 คนที่หลบหนีเข้ามาในหมู่บ้าน ต.คลองมานิง และได้ขโมยรถจักรยานยนต์ชาวบ้าน 3 คันหลบหนีไป ตอนนี้สามารถยึดรถทั้ง 3 คันคืนมาได้แล้ว หลังจากคนร้ายไม่สามารถขับขี่รถหลบ จึงจอดทิ้งไว้ท้ายหมู่บ้าน จึงได้เชิญเจ้าของรถทั้ง 3 คันมาสอบปากคำเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้นั้นพบว่าคนร้ายใส่เสื้อสีดำ จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุยิง อส.ทั้ง 4 นาย" ผบก.ภ.จ.ปัตตานีกล่าว
ที่ จ.สงขลา มีรายงานความคืบหน้าการสอบสวน 5 ผู้ต้องสงสัยเหตุฆ่าชิงรถไปวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่หน้าหน่วยเฉพาะสงขลา พื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา ว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยยอมรับสารภาพแล้วว่าเป็นแกนนำที่ทำหน้าที่ปลุกระดมแนวร่วมในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย แต่ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าแขวนคออดีตครูแล้วชิงรถไปทำคาร์บอมบ์ ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคนเป็นคนสนิทของนายอมตะ สโมทานทวี อายุ 62 ปี หรือครูจ้อง ที่ถูกฆ่าโดยเป็นคนช่วยเลี้ยงไก่ชนที่บ้านพักของครูจ้อง แต่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเช่นกัน และถึงกับร้องไห้ในระหว่างถูกซักถามด้วยความสงสารครูจ้อง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทราบว่าผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนที่หลบหนีไปเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวงจรประกอบระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามไล่ล่า เพราะเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการที่จะขยายผลไปถึงขบวนการก่อความไม่สงบทั้งเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.เทพา และเหตุการณ์อื่นๆ ได้
วันเดียวกัน มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกแถลงการณ์การใช้ความรุนแรงทางอาวุธในโรงเรียน
และการแขวนคอชายเจ้าของรถที่ใช้ทำระเบิดคาร์บอมบ์ ที่เป็นความผิดทั้งต่อกฎหมายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ เรียกร้องขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน โดยเฉพาะเด็กและผู้หญิงโดยทันที ขอให้ทุกฝ่ายแสวงหาทางออกของความขัดแย้งทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ชุมชน และระดับประเทศ โดยกระบวนการสันติวิธี และในระหว่างการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |