11 ม.ค.62 - ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวในการเสวนาเรื่องการศึกษาว่า แนวคิดทำนโยบายการศึกษาของพรรค มุ่งพัฒนาคนให้ทันโลก ไม่ทิ้งลูกหลานไทยไว้ข้างหลัง นโยบายจะแก้ปัญหาพื้นฐานสำคัญ 3 เรื่องคือ 1.สร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เด็กไทยจะยากดีมีจนอยากเรียนต้องได้เรียน 2.ยกระดับคุณภาพการศึกษาทุกช่วงชั้น ตั้งแต่เด็กอ่อน จนถึงมหาวิทยาลัย 3.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ การใช้งบประมาณ และกระจายอำนาจการจัดการศึกษาให้โรงเรียน ชุมชน เข้าร่วมจัดการศึกษา โดยแนวคิดของพรรคมีเป้าหมายให้คนไทยมีสมรรถนะและทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะ 3 ภาษา ไทย อังกฤษ จีน เรียนจบแล้วมีงานทำ โดยเฉพาะอาชีวะศึกษาให้คนเรียนมีฝีมือและทักษะตามที่ตลาดต้องการ
พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการศึกษาปฐมวัยหรือเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงอายุ 8 ขวบเพราะการศึกษาของเด็กเล็กเปรียบเหมือนเสาเข็มแรกของชีวิต โดยแนวคิดเชิงนโยบายบางส่วนที่มีการนำเสนอ เพื่อแก้ปัญหาพื้นฐานการศึกษาไทย เช่น เรียนฟรี 15 ปีต้องฟรีจริง ไม่ทิ้งเด็กไทยไว้ข้างหลัง เด็กจะยากดีมีจนต้องได้เรียนหนังสือสนับสนุนให้แก่ นักเรียนที่ออกจากโรงเรียนเพราะยากจนให้เรียนจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน สนับสนุนให้เด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษากลับเข้าสู่ระบบการศึกษาและพัฒนาอาชีพ 8ปีชี้ทางชีวิต เพิ่มงบประมาณและให้ความสำคัญการศึกษาปฐมวัย มีมาตรการ ช่วยเหลือตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาถึงอายุแปดขวบ ยกระดับให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอัจฉริยะ 20,000 แห่ง เรียนก่อนผ่อนทีหลังเมื่อมีงานทำ ด้วยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต ผ่อนคืนเมื่อมีรายได้
นายนพดลกล่าวว่า โรงเรียนออนไลน์ คนไทยต้องเข้าถึงการศึกษาคุณภาพ ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยการเรียนรู้ แบบดิจิทัล ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ด้วยเนื้อหาระดับโลก ปฏิรูปหลักสูตรหลักสูตรศตวรรษที่ 21 เลิกท่องจำก้าวล้ำคิดสร้างสรรค์ ให้เด็กไทยมีทักษะคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ สร้างสมรรถนะ เลิกการเรียนแบบท่องจำ คนรุ่นใหม่ต้องคิดเป็น แก้ปัญหาได้ สอนน้อยลง แต่เก่งมากขึ้น ลดชั่วโมงเรียนทั้งปีลง แต่ไปเรียนรู้ทักษะและฝึก สมรรถนะอนาคตมากขึ้น เด็กไทยได้สามภาษา ไทย อังกฤษ จีน พลิกโฉมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้ สามารถสื่อสารได้ตั้งแต่ชั้น ม. 3 ผ่านครูเจ้าของภาษาและแอปพลิเคชั่นฝึกภาษา หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนสองภาษาไทยและอังกฤษ เพื่อเพิ่มทักษะด้านภาษาและการเรียนรู้ให้นักเรียนทั่วประเทศ
ด้านที่เกี่ยวกับครูต้องสร้างครูพันธุ์ใหม่ และคืนครูให้ห้องเรียน เวลาอย่างน้อย 90% ของครู ต้องใช้เพื่อ การเรียนการสอน ไม่ใช่ไปทำงานธุรการ เรียนฟรีสำหรับผู้เรียนอาชีวศึกษาในสาขาขาดแคลน มีศูนย์ฝึกทักษะฝีมืออัจฉริยะในทุกภูมิภาคเพื่อฝึกทักษะฝีมือครู นักเรียน ประชาชน มีกองทุนอาชีวะสตาร์ทอัพ เพื่อมีเงินทุนตั้งต้นส่งเสริมให้นักเรียนอาชีวะไปเป็นผู้ประกอบการ ในส่วนของมหาวิทยาลัยต้องให้บริการเรียนรู้ตลอดชีวิต และรองรับสังคมผู้สูงอายุ ฝึกทักษะใหม่ให้ คนทำงาน และโรงเรียนของเรา ชุมชนของเรา กระจายอำนาจ เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและ ชุมชนท้องถิ่นในการจัดการศึกษาของโรงเรียน
นายนพดล ยังกล่าวถึงกรณีโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ให้นักเรียนชั้นม.1 - ม.6 ใส่ชุดไปรเวตมาเรียนทุกวันอังคารเป็นเวลา 1 ภาคเรียน เพื่อวิจัยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพัฒนาการของเด็กว่า เป็นเรื่องดีที่เด็กๆ ได้มีสิทธิเลือกแต่งกายมากกว่าไปจำกัดสิทธิ เพราะในต่างประเทศเองก็ให้เด็กแต่งกายด้วยชุดไปรเวตได้ ขอชื่นชมทางโรงเรียนและจะรอดูผลการศึกษาว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ถึงแม้ทางพรรคไม่ได้มีนโยบายในเรื่องแต่งกาย แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องของสังคมที่ต้องถกเถียงกันว่าต้องการให้ลูกหลานแต่งกายอย่างไร ซึ่งพรรคพร้อมรับฟัง โดยส่วนตัวเห็นว่าการแต่งกายด้วยชุดยูนิฟอร์มก็อาจจะช่วยเรื่องของการลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ต้องมาประกวดประขันกัน แต่ไม่ว่าจะแต่งกายด้วยชุดแบบใด เชื่อว่าไม่มีผลกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างแน่นอน เพราะความรู้ความสามารถอยู่ที่หัวของเรา ที่สำคัญตนให้ความสำคัญในเรื่องของอาหารมากกว่าเครื่องแบบ หากแต่งกายดีแต่ท้องหิวก็คงไม่ช่วยอะไร.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |