วิษณุลั่นมี.ค.ได้เลือกตั้ง


เพิ่มเพื่อน    

    “วิษณุ” กางปฏิทิน ระบุพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งประกาศแน่ในเดือนนี้ ส่วนวันหย่อนบัตรไม่เกินมีนาคมแน่ “รองเลขาธิการ กกต.” รับโอกาสริบหรี่ที่ 24 ก.พ.เข้าคูหา “เนติบริกร-กรธ.”  ประสานเสียงชัด 150 วันแค่จัดเลือกตั้ง 60 วันประกาศผลแยกต่างหาก “อิทธิพร” ยังกระต่ายขาเดียวบอกจะทำให้เบ็ดเสร็จใน 150 วัน นโยบายที่ดินทองคำของ พปชร.ส่อเค้าแห้ว “ประยุทธ์” ซัดขายฝัน เกินจริงยิ่งกว่าซื้อลอตเตอรี่ พื้นที่ภาคเหนือระอุ “หญิงหน่อย” เดือดถูก อบจ.พะเยายกเลิกให้ใช้สนามกีฬาปราศรัย เพื่อไทยประเมินเข้มหวั่นเชียงใหม่ถูกเจาะเก้าอี้
    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างเป็นประธานในงานมหกรรมการแสดงผลการดำเนินงานโครงการตามแนวทางประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ว่าการเลือกตั้งต้องดำเนินการให้สงบเรียบร้อยที่สุด และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินนี้ บ้านเมืองนี้ เป็นจารีตประเพณีทุกคนต้องช่วยกัน อย่าเอาอะไรมาพันกันทั้งสิ้น เป็นเรื่องการทำงานที่ต้องทำให้ได้เพื่อความสงบเรียบร้อย ทั้งการเลือกตั้ง และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกต้องไปด้วยกันได้ 
    “อะไรที่มีปัญหาให้ปรับแก้กันไป ไม่ใช่มันจะเป็นจะตายกันหมด และผมไม่ได้ต้องการจะยืดเยื้อ เพราะผมก็เหนื่อยเต็มทีที่ต้องมาพูดแบบนี้ เราต้องทำวันนี้เพื่อลูกหลาน ทุกอย่างต้องรักษาสืบไปให้เขาด้วย ถ้าเราไม่ห่วงเขาแบบนี้จะหายไปทั้งหมดในสมัยเรา และวันหน้าเขาจะลำบากยิ่งกว่าเรา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวหลังประชุมเพื่อเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ถึงการกำหนดวันเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าได้รายงานหมายกำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้ กกต.ทราบเป็นระยะแล้ว และจะรายงานให้ทราบเพิ่มเติมด้วย เชื่อว่า กกต.จะนำไปประกอบการพิจารณาได้มาก จากนี้คงไม่ต้องพูดอะไรกับ กกต. เขาดูหมายกำหนดการก็คงคิดเองได้
    เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่พระราชกฤษฎีกาจัดให้มีการเลือกตั้งจะประกาศก่อนวันที่ 26 ม.ค.นี้ นายวิษณุตอบว่า เอาเป็นว่าประกาศในเดือนมกราคม และการเลือกตั้งไม่เกินเดือนมีนาคม กกต.จะเป็นผู้กำหนด และเชื่อว่า กกต.จะตัดสินใจก่อนวันที่ 26 ม.ค. ส่วนจะพูดได้หรือไม่ว่า 24 ก.พ.2562 จะไม่มีการเลือกตั้ง ไม่ทราบ ไม่กล้าพูด สื่อฟังก็ไปสรุปเอาเองได้
    ซักต่อว่าจะรู้วันเลือกตั้งเมื่อใด นายวิษณุกล่าวว่า อยากรู้เช่นกัน เพราะไม่รู้เรื่องนี้ ถามที่ทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ ต้องไปถามที่อื่น ส่วนการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งจะมีเมื่อใดนั้น รัฐบาลไม่อยู่ในฐานะที่จะประกาศได้ ไม่ใช่เก็บเอาไว้ไม่ประกาศ และขณะนี้ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมา 
150 วันไม่รวมประกาศผล
    นายวิษณุยังชี้แจงถึงข้อถกเถียงการจัดเลือกตั้งภายใน 150 วัน ต้องรวม 60 วันที่ กกต.จะประกาศผลเลือกตั้งด้วยหรือไม่ ว่าการจัดเลือกตั้ง 150 วันเป็นเรื่องหนึ่ง การประกาศผล 60 วันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะกฎหมายคนละมาตรา ไม่ใช่เอาสองมาตรามารวมกัน ต้องเลือกตั้งให้เสร็จก่อน จากนั้นถึงนับระยะเวลาการประกาศผลต่อไป อีก 60 วัน โดยในส่วนนี้คิดว่า กกต.ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะคาดว่าผู้ชนะเลือกตั้งอาจร้องผู้แพ้เพื่อตัดคะแนนไม่ให้นำไปรวมในปาร์ตี้ลิสต์ แต่หากประกาศผลก่อนเพื่อสอยทีหลังไม่ควร เพราะอันตราย กระทบการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า จะไม่มีการใช้มาตรา 44 เพื่อขยายกรอบ 150 วันใช่หรือไม่ นายวิษณุยืนยันว่า ไม่มี เพราะใช้ไม่ได้ ที่เขาพูดกันไม่ใช่การเรียกร้อง แต่อยากดูว่าจะกล้าใช้หรือไม่ ที่ผ่านมา คสช.ไม่เคยใช้ ม.44 ขัดกับรัฐธรรมนูญ หรือแก้รัฐธรรมนูญ 
    ด้านนายอุดม รัฐอมฤต อดีตโฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าให้ กรธ.เป็นผู้ชี้ขาดกรณีกรอบเวลา 150 วันรวมประกาศผลเลือกตั้งด้วยหรือไม่ ว่ายืนยันเจตนารมณ์ของ กรธ.ตั้งแต่ต้น คือกรอบเวลา 150 วันไม่นับรวมถึงการประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องนี้ได้ชี้แจงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในช่วงทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไปแล้ว จึงได้บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลมาตรา 171 ของกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น กกต.สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ตั้งแต่กฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ครบ 4 ฉบับไปอีก 150 วันได้ก็คือภายในวันที่ 9 พ.ค. โดยไม่ต้องนับรวมเวลาในการประกาศผล ทั้งนี้ เห็นว่าคนที่พยายามตีความให้รวมวันประกาศผล น่าจะตีความเพื่อต้องการอยากเลือกตั้งโดยเร็ว
    “ผมว่าคนที่ตีความ เขาหาเรื่อง ต้องการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่เรายืนยันเจตนารมณ์ของ กรธ. และไม่ใช่เพิ่งมาตีความตอนนี้ เราตีความตั้งแต่ต้น โดยก่อนมีกฎหมายลูก มีการพูดกันถึงเรื่องพวกนี้ กกต.ก็ถาม พอถามมาเราก็ตอบไปว่า เราไม่ได้เป็นคนตีความเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่ความตั้งใจของ กรธ.เป็นอย่างนี้” นายอุดมกล่าว
    ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีนายกฯ ให้ กรธ.ชี้ขาดเรื่อง 150 ว่าเป็นความเห็นเชิงแนะนำของนายกฯ เพราะ กรธ.เป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญก็สามารถสอบถามความเห็นได้ แต่เบื้องต้น กกต.ยังไม่มีการพูดคุยหรือประสานไปยัง กรธ. และเคยให้สัมภาษณ์มาก่อนหน้านี้ว่ากรอบการเลือกตั้ง 150 วันได้พูดคุยในชั้นของคณะกรรมการ กกต.แล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นว่าจะตัดสินใจอย่างใดว่า 150 วันหมายถึงอะไรกันแน่ ซึ่งเรายังไม่ก้าวล่วงว่าศาลรัฐธรรมนูญ กรธ. หรือคณะกรรมการกฤษฎีกาจะคิดอย่างไร รวมทั้ง กกต. และยังไม่ตัดสินใจว่าจะไปปรึกษาฝ่ายใด เพราะเราตั้งใจจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จรวมถึงประกาศผลเลือกตั้งภายใน 150 วัน
    เมื่อถามว่า วันเลือกตั้งยังสามารถจัดในวันที่ 24 ก.พ.ได้หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ต้องรอให้มี พ.ร.ฎ.ออกมาเสียก่อน เมื่อออกมาเมื่อใด กกต.ต้องประชุมเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 5 วัน จะเลย 5 วันไม่ได้
24 ก.พ.โอกาสริบหรี่
    นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. กล่าวตอนหนึ่งระหว่างประชุมชี้แจงการดำเนินกิจกรรมให้แก่พรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ 8 พรรคการเมือง ซึ่งมีการสอบถามความชัดเจนว่าจะยังมีการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.หรือไม่ว่า อย่าให้ตอบเลย ซึ่งตามกฎหมายให้ กกต.ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 5 วัน หลังมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งประกาศในราชกิจจานุเบกษา  ตอนนี้ พ.ร.ฎ.ยังไม่ประกาศ เวลามันก็กินมาเรื่อย วันนี้ก็วันที่ 10 ม.ค. พ.ร.ฎ.ยังไม่ประกาศ ความเป็นไปได้มันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ 
    ทั้งนี้ ในการประชุม 8 พรรคการเมืองทั้งหมดอยากให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพื่อไม่ให้กระทบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยอยากให้มีขึ้นหลังพระราชพิธี เพื่อพรรคจะได้มีความพร้อมในการส่งผู้สมัคร รวมทั้งสมาชิกพรรคจะได้สังกัดพรรคครบ 90 วัน 
    ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ส่งหนังสือถึงหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2562 เพื่อแจ้งให้ดำเนินการในกรณีที่พรรคจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ว่าต้องดำเนินการใน 4 เรื่องสำคัญ คือ 1.พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ถ้าจะส่งผู้สมัครต้องจัดให้มีเงินทุนประเดิม 1 ล้านบาท และแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ 2.จัดให้มีสมาชิกซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 จำนวนไม่น้อยกว่า 500 คน ชำระค่าบำรุง พรรคการเมืองและให้พรรคการเมืองแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ 3.จัดประชุมใหญ่เพื่อแก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อบังคับ คำประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง และนโยบายพรรค ให้สอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และแจ้งการเปลี่ยนให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ และ 4.จัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิก นายทะเบียนสมาชิก และกรรมการบริหารของพรรคการเมือง ตามข้อบังคับพรรคการเมือง โดยหากพรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินการทั้ง 4 ข้อได้ครบถ้วน จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ได้   
    สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองในการลงพื้นที่นั้น เริ่มมีความร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยในเวลา 21.00 น. วันที่ 9 ม.ค. หลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค พท. ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ จ.เชียงรายหลายจุด ก่อนจะแวะรับประทานอาหารที่ร้านภูแล ได้มีเจ้าหน้าที่ 2 นายติดตามบันทึกภาพตลอดเวลา จวบจนมาถึงที่ร้านอาหาร ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์เดินไปสอบถามว่า มาจากหน่วยงานใด มีบัตรไหม เอามาดู มีวัตถุประสงค์อะไรในการมาติดตามการลงพื้นที่ มาถูกต้องหรือไม่ ใครเป็นผู้บังคับบัญชา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ตอบว่าสืบกองเมือง จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ได้ให้นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตรวจสอบว่าถูกต้องจริงหรือไม่
    ต่อมาในช่วงเช้า ที่หน้าสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา อ.ดอกคำใต้ บรรยากาศโดยรอบสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายห้ามเข้าและขึงเชือกโดยรอบพื้นที่ ทำให้พรรค พท.ไม่สามารถปราศรัยบนเวทีได้ ทั้งที่เตรียมการล่วงหน้าไว้แล้ว ทำให้ประชาชนที่เดินทางมารอรับฟังการปราศรัยต้องปักหลักอยู่บริเวณริมถนนหน้าสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เพื่อฟังการชี้แจงแทน  
พท.โวยกลั่นแกล้ง    
    นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค พท. ในฐานะอดีต ส.ส.พะเยา กล่าวว่า ตั้งแต่เป็นผู้แทนราษฎร ไม่เคยพบเหตุการณ์ลักษณะนี้ ซึ่งถือเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เป็นการทำร้ายความรู้สึกของประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ใช่เฉพาะผู้สนับสนุนพรรคเท่านั้น แต่เป็นการทำร้ายความรู้สึกของคนทั้งประเทศ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ จึงอยากสื่อสารไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่า พรรคและประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร รวมทั้งอยากสื่อสารไปถึงผู้ว่าฯ และต้องการคำตอบจากนายก อบจ.พะเยา ว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่
    สำหรับเหตุการณ์นี้นั้น นายสวัสดิ์ หอมนาน รองนายก อบจ.พะเยา รักษาราชการแทนนายก อบจ.พะเยา ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึงนายไพโรจน์ ตันบรรจง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย เรื่องขอยกเลิกการอนุญาตให้ใช้สถานที่ โดยอ้างว่าตามที่ อบจ.พะเยาได้อนุญาตใช้สนามกีฬา อบจ.พะเยา วันที่ 10 ม.ค. เพื่อใช้ปราศรัยของพรรค พท.เพื่อไทยนั้น นายกฯ อบจ.พะเยาได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การใช้สถานที่ราชการเพื่อจัดกิจกรรมทางการเมือง อาจมีการได้เปรียบเสียเปรียบในทางการเมืองระหว่างพรรคการเมือง ประกอบกับเป็นการไม่เหมาะสมที่จะใช้สถานที่ราชการเพื่อจัดกิจกรรมทางการเมือง ดังนั้น อบจ.พะเยาจึงขอยกเลิกหนังสือขออนุญาตให้ใช้สนามกีฬา อบจ.พะเยา        
    ต่อมาเวลา 10.43 น. คุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นรถกระบะปราศรัยกับประชาชนที่หน้าสนามกีฬา อบจ.พะเยา โดยได้ยกมือไหว้ขอโทษพร้อมกล่าวว่า ประชาชนที่มารอและไม่สามารถเข้าไปภายในสนามกีฬาที่จัดเตรียมไว้ให้ ต้องมาพบกันในสภาพที่นั่งริมถนน ตากแดด เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง มีการใช้ชายฉกรรจ์นอกเครื่องแบบไม่ปรากฏสังกัดเดินตาม มาถ่ายรูป การติดตามในลักษณะนี้อย่าคิดว่าคนชื่อสุดารัตน์จะกลัว เพราะถ้ามาดีเราก็ขอบคุณ
    คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่อว่า วันนี้ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกระหว่างที่เดินทางมาพะเยา ได้รับข่าวจากข้าราชการผู้ใหญ่ของจังหวัด ว่ามีคำสั่งจากผู้มีอำนาจที่ใหญ่โตจากกรุงเทพฯ สั่งการโดยตรงมาที่จังหวัด ให้นายก อบจ.พะเยาทำหนังสือยกเลิกไม่ให้พรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ใช้สถานที่ปราศรัย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พท.ได้ทำหนังสือขออนุญาตถูกต้องตามขั้นตอน และได้อนุญาตเรียบร้อยแล้ว
    "ผู้สมัครและพรรคไม่อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการในจังหวัดต้องเดือดร้อน จึงไม่เข้าไปในสถานที่ที่มีคำสั่งห้าม เพราะทราบดีว่าอำนาจยิ่งใหญ่ของเขาคนนั้นจะไม่ยอมลงจากอำนาจ และอยากอยู่ต่อ จึงทำทุกวิถีทาง แม้กระทั่งเขียนกติกาที่เอารัดเอาเปรียบ แต่สิ่งที่จะชนะอำนาจล้นฟ้า คือหัวใจประชาชนหัวใจประชาชนที่มีต่อระบอบประชาธิปไตย"   คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
    มีรายงานว่า การตั้งเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยนั้น ห่างออกไปไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ภาคเหนือ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 เขตเข้าร่วม โดยใช้สถานที่วิทยาลัยเทคโนโลยีวงศ์กาญจนา ทั้งนี้ เวทีการปราศรัยของ พปชร.ก็มีเจ้าหน้าที่จาก อบจ.และตำรวจมาคอยอำนวยความสะดวก ซึ่งมีประชาชนมาร่วมฟังปราศรัยกว่า 5,000 คน
    โดย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวตอนหนึ่งว่า ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตของภาคเหนือมีทั้งสิ้น 64 เขต 17 จังหวัด และคาดว่าจะได้จำนวน ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 40 คน รวมทั้ง จ.พะเยาที่จะชนะแบบยกจังหวัดทั้ง 3 เขต
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงประเด็น อบจ.พะเยายกเลิกให้พรรคเพื่อไทยใช้พื้นที่สนามกีฬา อบจ.พะเยาปราศรัย ว่า แล้วมันใช้ได้หรือไม่ แต่ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าเจ้าหน้าที่เขาทำตามกฎหมายที่ไม่ให้ใช้สถานที่ราชการ และทุกพรรคต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน
บิ๊กป้อมสวนจะเอาอะไร
    เมื่อถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคุณหญิงสุดารัตน์ที่ลงพื้นที่ จ.เชียงราย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ต้องดูแลความสงบในพื้นที่ของเขา มาถามตนเองได้อย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ไปถาม เขาก็บอกว่าเป็นคนในพื้นที่ จะเอาอะไรอีก และจะไม่สบายใจเรื่องอะไร
    ส่วนนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ที่ปล่อยให้เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะได้ขออนุญาตล่วงหน้ามาเป็นเวลานานแล้ว และได้ชี้แจงวัตถุประสงค์ ว่าจะแลกเปลี่ยนนโยบายกับประชาชน แต่ช่วงดึกวันที่ 10 ม.ค. กลับมีหนังสือเพิ่งลงนามโดยรองนายก อบจ. ส่งถึงนายไพโรจน์ ในเวลาประมาณ 21.00 น. โดยอ้างว่าจะเกิดความไม่เป็นธรรม
    “ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ไม่อาจปล่อยให้เรื่องดังกล่าวผ่านไปได้ เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวอาจไม่ใช่คำสั่งการของนายก อบจ.พะเยา แต่น่าจะมีบุคคลที่อยู่เหนือนายก อบจ. ที่สามารถสั่งการนายก อบจ.ได้ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่เชื่อว่าต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวพันในทางการเมือง ซึ่งอาจเป็นนักการเมือง และนักการเมืองในที่นี้อาจเป็นรัฐบาลหรือไม่ เพราะระดับอธิบดีหรือระดับปลัดจะไม่พูดเรื่องการเมือง” นายปลอดประสพกล่าว และย้ำว่า พรรคจะไม่นิ่งเฉย เพราะหากเรื่องนี้เกิดขึ้น โดยผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ถ้าทำครั้งนี้ได้ต่อไปก็ทำได้เรื่อยๆ วิธีการแบบนี้ต้องการสื่อสารว่าจะไม่ให้พรรคร่วมในกระบวนการเลือกตั้งแบบใช่หรือไม่ และหากปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเท่ากับบังคับให้พรรคถอยออกจากการเลือกตั้ง ดังนั้น อบจ.ต้องเตรียมตอบพรรคเพื่อไทยว่าท่านคิดอย่างไรในเรื่องนี้ และพรรคจะแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ให้ฟ้องละเมิด เพราะได้อนุญาตและปล่อยให้ดำเนินการมาแล้ว และมาสั่งการให้ยกเลิกแบบฉุกเฉิน
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า กว่า 10 ปีที่ผ่านมาเมื่อมีการเลือกตั้ง การกระทำดังกล่าวถือเป็นประเพณีที่ทุกพรรคปฏิบัติได้ และส่วนราชการควรต้องสนับสนุน หากพรรคการเมืองใดขอใช้สถานที่ในการปราศรัย จะต้องให้ ไม่ใช่การใช้หลักเกณฑ์ที่อ้างว่าจะไม่เป็นธรรมต่อพรรคอื่นที่ไม่ได้มาจัดปราศรัย การกล่าวอ้างดังกล่าวน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า และเรื่องดังกล่าวคงไม่ใช่การตัดสินใจของ อบจ.พะเยาฝ่ายเดียว แต่น่าจะมีการหนุนหลังพรรคการเมืองอื่นและเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจแน่นอน 
“เป็นที่ทราบมาเป็นตลอดว่าในพื้นที่ภาคเหนือมีการใช้อิทธิพลข่มขู่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ถึงขั้นเอาชีวิต เรื่องแบบนี้ต้องพูดคุยกันให้รู้ว่าการใช้อำนาจรัฐการใช้อิทธิพลของคนที่มีกำลังพลในพื้นที่ ประสานกับผู้มีอำนาจแล้วมากกลั่นแกล้ง สกัดกั้น ขัดขวางการหาเสียงของพรรคการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ขอให้หยุดการกระทำเช่นนี้” นายจาตุรนต์กล่าว
    ส่วนบรรยากาศการหาเสียงของพรรคต่างๆ นั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมด้วยคณะได้นำทีมงานเดินเท้าเพื่อคารวะแผ่นดินใน จ.เชียงใหม่ทั้ง 9 เขต ซึ่งนายสุเทพระบุว่า ได้รับการต้อนรับอย่างดีเกินคาด แม้บางช่วงอาจมีผู้ไม่สนใจบ้าง และยอมรับว่าผู้สมัคร ส.ส.พรรคต้องเหนื่อยหน่อย แต่ก็ให้เดินหน้าเต็มที่ ยังเชื่อมั่นว่าพรรคจะปักธงในพื้นที่ภาคเหนือและทุกภาค รวมทั้งกรุงเทพฯ ด้วย
พท.ประเมินพื้นที่เชียงใหม่
    มีรายงานข่าวจากพรรค พท.แจ้งว่า แม้วันเลือกตั้งจะยังไม่ถูกกำหนดออกมาชัดเจน แต่พรรคได้เตรียมความพร้อมทั้งเรื่องนโยบาย ทิศทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงผู้สมัครเกือบครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว โดยจะส่งผู้สมัครประมาณ 250 เขตบวกลบ แต่ในจังหวัดที่เป็นฐานคะแนนหลัก เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง อาทิ จ.เชียงใหม่, อุดรธานี และขอนแก่น พรรคจะรักษาพื้นที่เดิมเอาไว้ให้ได้และส่งผู้สมัครครบทุกเขต โดยเฉพาะในเชียงใหม่ 9 เขต ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอดีตนายกฯ และมีความสำคัญเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ขณะที่คู่แข่งขันเองก็พยายามเจาะเก้าอี้ทุกรูปแบบ แต่พรรคได้วางกลยุทธ์ตั้งรับ พร้อมประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ และล่าสุดแกนนำพรรคได้ประเมินถึงสถานการณ์ในจังหวัดเชียงใหม่ แยกเป็นรายเขตทั้ง 9 เขตโดยเฉพาะ
    โดยในเขตเลือกตั้งที่ 1 จะส่ง น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ลงสมัคร และคาดว่า น.ส.ทัศนีย์จะชนะได้รับคะแนนเสียงประมาณ 4 หมื่นคะแนน, เขต 2 ส่งนายนพคุณ รัฐผไท ลง และคาดว่าจะชนะได้คะแนน 3.5 หมื่นคะแนน, เขต 3 ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ของตระกูลวงศ์สวัสดิ์นั้น ได้ให้นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม บุตรชายนายสุรินทร์ ตั้งสุทธิธรรม นักธุรกิจชื่อดังและเจ้าของตลาดต้นพะยอมลง ส่วนคู่แข่งขันคาดว่านายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชายนายสมชายและนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จะลงในนาม ทษช. ทำให้การแข่งขันในเขตนี้สูสี โดยคาดว่าผู้ชนะจะได้คะแนนเสียงประมาณ 3.4 หมื่นคะแนน 
    เขต 4 พรรคจะส่งนายวิทยา ทรงคำ ลงสมัคร โดยคู่แข่งสำคัญคือ นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ จาก พปชร. โดยคนที่ชนะจะได้คะแนนเสียง 3.5 หมื่นคะแนน, เขต 5 ส่งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ซึ่งกลับมาร่วมงาน พท.ลง และคาดว่าจะชนะ ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ จาก พปชร. โดยได้คะแนนมากถึง 6 หมื่นคะแนน, เขต 6 ส่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ บุตรชายนายสมพงษ์ลงสมัคร ซึ่งคู่แข่งคนสำคัญคือ นายสันติ ตันสุหัช จาก พปชร. แม้ว่านายสันติเป็นอดีต ส.ส.หลายสมัย แต่เชื่อว่านายจุลพันธ์น่าจะชนะแบบสูสี, เขต 7 ส่งนายประสิทธิ์ วุฒินันชัย ลงสมัคร มีฐานเสียงจากกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่เป็นหลัก คู่แข่งคนสำคัญคือ นพ.ไกร ดาบธรรม จากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ซึ่งทั้ง 2 คนมีโอกาสได้รับเลือกตั้งพอๆ กัน โดยคนที่ชนะจะได้คะแนนเสียงประมาณ 3.8 หมื่นคะแนน, เขต 8 จะให้นายสุรพล เกียรติไชยากร ลงสมัคร แต่ต้องเจอทั้งนายสุทัศน์ สุทัศนรักษ์ จาก ภท. และนายนเรศ ธำรงค์ทิพยกุล จาก พปชร. แต่เชื่อว่า พท.จะชนะได้ และเขต 9 ส่งนายศรีเรศ โกฏิคำลือ ลงสมัคร ซึ่งถือเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ และเชื่อว่าจะชนะคู่แข่งสำคัญคือนายนรพล ตันติมนตรี พปชร. โดยคะแนนเสียง 3.5 หมื่นคะแนน
บิ๊กตู่เมินนโยบาย สปก.
    วันเดียวกัน พรรคการเมืองยังคงมีเสนอนโยบายต่างๆ รวมถึงการวิเคราะห์นโยบายที่เปิดตัวมาแล้ว โดยเฉพาะกรณีปรับ สปก.4-01 เป็นใบสลักสิทธิ์ให้ซื้อขายถ่ายโอนได้ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่ง ระหว่างเป็นประธานในงานมหกรรมการแสดงผลการดำเนินงานโครงการตามแนวทางประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ว่าที่ดินของ ส.ป.ก. หรือที่ดินที่จัดสรรให้เป็นที่ดินส่วนกลางของประเทศ จำเป็นต้องสงวนไว้ให้กับลูกหลาน และเป็นพื้นที่ที่จัดไว้เพื่อทำการเกษตร หากวันหน้าพื้นที่เหล่านี้หายไปจะทำอย่างไร เพราะบางพื้นที่ก็เป็นที่ของเอกชน ซึ่งหากเขาขายไป การเกษตรก็จะหายไปแล้วใครหรือพื้นที่ไหนทำการเกษตรได้อีก 
    “เข้าใจว่าทุกคนอยากได้ แต่ถ้าทุกอย่างถูกขายไปทั้งหมดลูกหลานจะทำอย่างไร ที่พูดวันนี้ไม่ใช่จะไปคัดค้านกับใคร แต่เราต้องสร้างหลักคิดที่ถูกต้องให้กับประชาชน วันนี้เราเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง การหาเสียงต้องเป็นเรื่องของการหาเสียง ไม่ใช่การขายฝัน และฝันยังไม่เป็นจริง เพราะการซื้อลอตเตอรี่ก็ยังไม่ถูก ดังนั้นเมื่อฝันแล้วก็ต้องทำด้วย จะได้เป็นไปตามฝัน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางทำได้ ฉะนั้นต้องทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า นายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำ พปชร. พูด 2 วันไม่เหมือนกัน วันแรกนายสุชาติพูดชัดว่าจะแก้กฎหมาย ส.ป.ก.ให้เปลี่ยนวัตถุประสงค์จากเพื่อการเกษตรอย่างเดียวไปทำอย่างอื่นได้ด้วย แต่พอพรรคออกมาแย้งว่าสุดท้ายจะไปอยู่ในมือนายทุน นายสุชาติก็กลับมาว่าคล้ายนโยบายโฉนดสีฟ้าของ ปชป. ว่าต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในที่ดิน แต่โฉนดสีฟ้าไปไกลกว่า คือนำไปเป็นหลักประกันในทุกธนาคารได้ และประกันตัวในศาลได้ และรองโฆษก พปชร.ก็ออกมายอมรับว่าความคิดนี้ยังไม่ตกผลึก
    "ขณะนี้ที่พูดเรื่องแปลง ส.ป.ก.เป็นโฉนด มีนายทุนไปกว้านซื้อที่ ส.ป.ก.ที่ไหนบ้าง มีจำนวนเท่าไหร่ เป็นของใคร ส่วนนี้รัฐต้องยึดกลับคืนมา ผมเชื่อว่ามีการกว้านซื้อกันอยู่ โดยเฉพาะที่ดินในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)” นายสาทิตย์กล่าว
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษก พปชร. กล่าวถึงกรณีแนวคิดเปลี่ยน สปก.4-01 เป็นโฉนดว่า พรรคได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาและประชาชนต้องการ พรรคเลยให้ทีมนโยบายนำข้อหารือเพื่อกำหนดเป็นนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งนโยบายใกล้ตกผลึกแล้ว โดยจะคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับ และจะปิดทุกช่องทางในการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนเข้ามาฮุบที่ 
    "สิ่งที่พรรคเสนอ เพราะต้องช่วยเหลือเกษตรกร ชาวบ้านด้วยใจบริสุทธิ์ การที่เราเสนอ ส.ป.ก.เป็นโฉนด ต้องขอย้ำว่าเพื่อเกษตรกรเท่านั้น” นายธนกรกล่าว
พปชร.เอาแน่ที่ดินทองคำ
    นายจำลอง ครุฑขุนทด อดีต รมช.ศึกษาธิการ และอดีตแกนนำกลุ่ม 16  แกนนำ พปชร. กล่าวในประเด็นนี้ว่า ประชาชนจะมีความหวัง โดยเฉพาะเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ส่วนจะเป็นไปได้มากน้อยเพียงไรนั้น ก็อยู่ที่เสียงข้างมาก ถ้าพรรคเป็นเสียงข้างมาก และเป็นรัฐบาล ก็จะบรรจุไว้ในนโยบายแล้ว เหมือนสมัยรัฐบาลอื่นๆ ก่อนเป็นรัฐบาล ไม่ว่า 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ฉะนั้นทำนองเดียวกัน รัฐบาลนี้รับปากอะไรไว้ ถ้า พปชร.เป็นรัฐบาลก็ต้องทำตามที่ประกาศเอาไว้ 
    นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย แกนนำ พปชร. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 จ.นครราชสีมากล่าวว่า นโยบาย สปก.4-01 เป็นโฉนดมีความเป็นไปได้ เพราะทุกนโยบายของพรรคเกิดจากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และประชาชนที่ถือ ส.ป.ก.อยากได้เยอะมาก ซึ่งพรรคจะผลักดันให้เป็นนโยบายแน่นอน
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 2.45 นาที ผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อลูกชาวนาภาคอีสานที่ขายข้าวได้กำไรเล็กน้อย แต่ก็ต้องกลับมาซื้อข้าวสารกิน  พร้อมทั้งตีแผ่วงจรการค้าขายข้าวของไทยว่าสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยระบบกำไรแบ่งปัน หรือ Profit Sharing มาใช้
    น.ส.พรพรหม พรหมชาติ รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) กล่าวถึงนโยบายพรรคเพื่อลดความเหลื่อมล้ำว่า จากประสบการณ์ของนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ที่เคยจนมาก่อน และสร้างเนื้อสร้างตัว จนมีฐานะที่ดีขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งพรรคเห็นความสำคัญเรื่องนี้ จึงได้กำหนดนโยบายลดการผูกขาดทางการค้า เพิ่มโอกาสสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชน โดยจะสนับสนุนหน่วยงานของรัฐให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการผูกขาดอย่างเคร่งครัด 
    ส่วนที่รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายจาตุรนต์ พร้อมนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ในฐานะสมาชิกพรรค ทษช. ลงพื้นที่ โดยกล่าวว่า หากเป็นรัฐบาลจะเข้ามาดูแลเรื่องค่าโดยสารให้ถูกลง รวมถึงบัตรเดินทางที่จะทำให้เป็นบัตรเดียว
    น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ร่วมเวทีเสวนาในหัวข้อ พรรคการเมืองกับทิศทางการจัดสวัสดิการชุมชน โดยตอนหนึ่งกล่าวว่า พรรคจะเน้นเก็บภาษีจากคนรวย ยกเลิกผลประโยชน์จากกฎหมายของรัฐที่เอื้อให้คนรวยมีเงินมากขึ้น โดยนโยบายสวัสดิการของพรรคจะให้รัฐส่วนกลางสร้างหลักประกันชีวิตให้กับประชาชน ให้เงินอุดหนุนครอบครัวเด็กเล็ก 0-6 ปี 1,200 บาท เงินสนับสนุนเยาวชน 18-22 ปี จำนวน 2,200 บาทต่อเดือน และเบี้ยคนชราจะปรับเป็น 1,800 บาทต่อเดือน 
    ที่ จ.ปทุมธานี พรรคพลังไทสร้างชาติ ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2562 โดยมีนายณภัคธร ชัยสงคราม หัวหน้าพรรค พร้อมกรรมการบริหารพรรคแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยนายณภัคธรกล่าวว่า การก่อตั้งพรรคเกิดขึ้นจากแนวความคิดของเกษตรกรและบุคคลภาคส่วนต่างๆ ที่มีแนวความคิดเป็นอิสระทางการเมือง โดยพรรคมีนโยบายหลักๆ จะเน้นในเรื่องยางพารา ถนนลาดยางทุกเส้นในประเทศ ปาล์มน้ำมัน จะผลักดันให้ปาล์มน้ำมันไม่ต่ำกว่าบี 10 และโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากปาล์มน้ำมัน. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"