จริงหรือลวง?
ข่าวที่ว่า "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ไปเป็นทั่นประธานบริษัทท่าเรือซัวเถา แท้จริงแล้ว มันคืออะไรกันแน่
"อาม่า" แถวๆ ซัวเถากระซิบมาว่า จริงนะ แต่ไม่รู้ว่าแค่ไหน
เพราะมีทั้งสั่งปล่อยข่าว สั่งเบรกข่าว เป็นระยะๆ
แบบว่า...มีเป้าหมายอย่างหนึ่ง แต่ผลกลับเป็นอีกอย่าง
เขาเรียกว่า โรคใกล้เลือกตั้ง!
ต้นตอข่าวนี้มาจากเว็บไซต์ข่าวในจีน
สำนักแรกๆ ที่เผยแพร่คือ www.thepaper.cn
รายละเอียด ตามที่เว็บไซต์ไทยโพสต์เผยแพร่ไป คือ...
...น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บุคคลหลบหนีคำพิพากษาจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำคุก ๕ ปีจากคดีปล่อยทุจริตจำนำข้าว เข้าไปซื้อกิจการ บริษัทซัวเถาคอนเทนเนอร์เทอร์มินัล (Guangdong Shantou International Container Terminal - SICT) จำกัด ในเมืองซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา
บริษัทซัวเถาคอนเทนเนอร์เทอร์มินัลก่อตั้งขึ้นในปี ๒๕๓๖ ด้วยทุนจดทะเบียน ๘๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบันผู้ถือหุ้น และข้อมูลการลงทุนยังคงแสดงให้เห็นว่า (ฮ่องกง) ฮัทชิสันพอร์ตซัวเถา จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คิดเป็น ๗๐%
และ ๓๐% หลังเป็นการร่วมทุนระหว่าง China Merchants Port Development (เซินเจิ้น) จำกัด และคณะกรรมการสินทรัพย์ซัวเถา
ในปี ๑๙๙๔ Hong Kong International Terminals ซึ่งเป็นหน่วยงานของ Hutchison Port Holdings เป็นเจ้าของโดย Li Ka-shing มหาเศรษฐีของฮ่องกงและสำนักกิจการท่าเรือ Shantou ได้ร่วมกันก่อตั้ง SICT
Hong Kong International Terminals (HIT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท Li Jiacheng ฮัทชิสันพอร์ตกรุ๊ป จำกัด
การท่าเรือของ Shantou., Ltd. เป็นผู้ให้บริการตู้คอนเทนเนอร์มืออาชีพที่เร็วที่สุดในท่าเรือซัวเถา
ตามข้อมูลการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารท่าเรือตู้คอนเทนเนอร์ Shantou ได้เปลี่ยนจาก Lin Daqi เป็น ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ที่ผ่านมา
ท่าเรือซัวเถาเป็นหนึ่งใน ๒๕ ท่าเรือหลักของประเทศตามแนวชายฝั่งของจีนและเป็นหนึ่งในห้าท่าเรือฮับสำคัญในมณฑลกวางตุ้ง
มีพื้นที่ท่าเรือ ๗ แห่งในซัวเถาพอร์ต
ปริมาณสินค้าทั้งหมดของท่าเรือถึง ๕๐ ล้านตัน
ปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ถึง ๑.๓ ล้าน TEU (หน่วยกล่องมาตรฐานสากล) คิดเป็น ๕๕% และ ๙๙% ของทั้งหมดของพอร์ตกวางตุ้งตะวันออก
ท่าเรือดังกล่าวตั้งอยู่ที่ เขตเศรษฐกิจพิเศษชานโถว มณฑลกวางตุ้ง ตั้งอยู่ที่ ๑๘๗ ไมล์ทะเลทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮ่องกง และ ๒๑๔ ไมล์ทะเลทางตะวันตกของไต้หวัน....
เป็นข้อมูลพื้นฐานที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะตัวละครที่เพิ่มขึ้นมา
นั้นคือ ลี กา-ชิง (Li Ka-shing)
คนส่วนใหญ่รู้จัก ลี กา-ชิง ในฐานะมหาเศรษฐีลำดับ ๒ ของเอเชีย รองจาก "แจ็ก หม่า"
แต่ ลี กา-ชิง วางมือทางธุรกิจไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำอาณาจักรธุรกิจที่สร้างขึ้นมาในช่วงเวลากว่า ๗ ทศวรรษ ให้ นายวิกเตอร์ ลี หรือหลี่ เจ๋อจี้ว์ ลูกชายคนโตวัย ๕๓ ปี เป็นผู้บริหารบริษัท ซีเค ฮัทชิสัน (CK Hutchison) และซีเค แอสเสต (CK Asset) รับไม้ต่อ
กระนั้นก็ตาม ลี กา-ชิง ไม่ได้ล้างมือเสียทีเดียว ยังคงวนเวียนในอาณาจักรที่ตัวเองสร้างขึ้นมา
“พรุ่งนี้ผมจะยังคงเข้ามาสำนักงานตามปกติ เพราะมีงานของมูลนิธิที่ต้องจัดการอีกมากมาย”
เป็นคำแถลงในวันที่ประกาศวางมือ
นั่นเท่ากับว่า ลี กา-ชิง ยังคงมีบทบาทในธุรกิจ รวมทั้งใน ฮัทชิสันพอร์ตซัวเถา จำกัด
เมื่อไปดู สายสัมพันธ์ระหว่าง ลี กา-ชิง กับ ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีอะไรชัดเจนนัก แต่เป็นคนรู้จักกันในแวดวงมหาเศรษฐี
หลายปีก่อนหนังสือพิมพ์สแตนดาร์ดของฮ่องกง รายงานว่านายทักษิณ ที่ถูกทางการไทยสั่งอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า ๕ หมื่นล้านบาท ได้ซื้อทาวน์เฮาส์หรูพื้นที่ ๔๗๕ ตารางเมตร ราคา ๒๑๐ ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
หรือราว ๙๔๕ ล้านบาท
ทาวน์เฮาส์หรูอยู่บนยอดเขาวิกตอเรีย พีก เป็นย่านที่พักอาศัยที่หรูหราที่สุดของเกาะฮ่องกง
การซื้อขายทาวน์เฮาส์หรูหนึ่งใน ๘ ห้องซึ่งเป็นโครงการของบริษัท ซัน ฮุง ไค พร็อพเพอร์ตีส์ มีขึ้นเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๕๐ ได้สร้างความฮือฮาขึ้นในวงการอสังหาริมทรัพย์
เพราะเป็นการทำลายสถิติซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาแพงที่สุดในเอเชีย
การซื้อบ้านหลังนี้ในราคาแพงสูงลิบลิ่วได้สร้างความประหลาดใจให้หลายคน เพราะราคาแพงกว่าบ้านหลังอื่นๆ ในโครงการเดียวกัน และแม้จะมีสระว่ายน้ำแต่ก็ต้องใช้ร่วมกับบ้านหลังอื่นๆ
ขณะที่ทางโครงการบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังมุม จึงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยกว่าหลังอื่น อีกทั้งยังเงียบและมีสภาพแวดล้อมดีกว่าด้วย
ในตอนแรกไม่มีการเปิดตัวผู้ซื้อบ้านหลังนี้ สื่อรายงานแต่เพียงว่าเป็นนักธุรกิจ และคาดกันว่า มาร์ติน ลี กา-ชิง อภิมหาเศรษฐีของฮ่องกง เป็นคนจองบ้านหลังนี้ เพื่อเป็นเรือนหอให้ลูกชายคนเล็ก
แต่หนังสือพิมพ์สแตนดาร์ดระบุว่าที่แท้เจ้าของบ้านผู้ลึกลับก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีของไทยนั่นเอง
ถึงจะไม่มีอะไรชัดเจนนัก แต่ดีล SICT คาดว่าเป็นผลมาจากการพูดคุยระหว่าง ลี กา-ชิง กับ ทักษิณ
ส่วน "ยิ่งลักษณ์" คงนั่งจิบน้ำส้มอยู่ห่างๆ
เมื่อเป็นข่าว
แต่ข่าวกลับถูกลบหมายความว่าอย่างไร
เฉพาะเว็บไซต์ในประเทศจีน ข่าวนี้ถูกลบเกือบทุกเว็บไซต์
มันเกิดอะไรขึ้น
แค่ดีลธุรกิจธรรมดา แล้วใครสั่งให้ลบ
มองได้หลายมุม
ประการแรก ดีลนี้แท้จริงแล้ว ไม่เคยเกิดขึ้น แต่เป็นการปล่อยข่าว หวังผลการเลือกตั้งในไทย
เป็นการบอกใบ้ว่า "นายใหญ่" ยังมีเงินกองพะเนิน หลังมีข่าววงในเริ่มมีการตรวจสอบ และตัดท่อน้ำเลี้ยงจากต่างชาติ
เงินเข้ามาไม่ได้!
ประการถัดมา การทำธุรกิจกับลี กา-ชิง เป็นเรื่องจริง แต่รัฐบาลจีนจับตาดูด้วยความไม่สบายใจ
เพราะทักษิณคือบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัว
เขตเศรษฐกิจซัวเถา มีที่มาน่าสนใจ
เมื่อปี ๒๕๕๗ รัฐบาลอนุมัติให้เมืองซานโถว หรือซัวเถา ในมณฑลกวางตุ้งทางใต้ของจีน เป็นเขตเศรษฐกิจสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมกับชาวจีนโพ้นทะเล
เป็นภูมิลำเนาของชาวจีนมากกว่า ๑๕ ล้านคนที่อพยพไปทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ กว่า ๔๐ ประเทศ รวมทั้งมหาเศรษฐีฮ่องกง ลี กา-ชิง
แต่ ลี กา-ชิง ไม่เป็นที่ชื่นชมของคนจีนเท่าไหร่นัก
เมื่อปี ๒๕๕๘ หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขียนบทวิจารณ์ในสื่อออนไลน์โจมตีลี กา-ชิง กรณีเทขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเผชิญกับภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่อง
ทำให้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกมาตั้งคำถามถึงความรักชาติของ ลี กา-ชิง
นับแต่รัฐบาล คสช.บริหารประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน โดยเฉพาะกองทัพของทั้ง ๒ ประเทศมีความแน่นแฟ้นมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
จนมีเสียงเตือนว่า การที่ คสช.คบกับจีนมากเกินไป อาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลจีนเห็นข่าวนี้แล้ว จึงสั่งลบ
บวกกับ ช่วงหลังมานี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้รับความชื่นชมเรื่องการปราบคอร์รัปชันสูงมาก ขณะที่ ทักษิณ คือคนโกงจากประเทศไทย
ลำพัง ทักษิณ ไปเยี่ยมญาติ เดินทางเข้า-ออกจีน ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลสำหรับรัฐบาลจีน
แต่การเปิดทางให้เข้าไปทำธุรกิจขนาดใหญ่ มันคนละเรื่องกัน
ก็อย่างที่รู้กัน ธุรกิจในต่างแดนของ ทักษิณ ไม่เป็นที่เปิดเผยในรายละเอียดนัก
จนไม่มีใครรู้แน่ชัดถึงความมีอยู่จริง
เช่นเหมืองในแอฟริกา
เมื่อต้นปีที่แล้ว เฟซบุ๊ก กรุงเทพ กรุงเทพ อวดรวยแทนนาย บอกว่าทักษิณ มีธุรกิจเหมืองทองใน ๕-๖ ประเทศ
เหมืองเพชร ในแอฟริกา เหมืองแพลตินัม (ทองคำขาว) น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ในประเทศยูกันดา มีถึง ๓๑ เหมือง อีก ๕ ประเทศ มีอย่างละ ๑-๒ เหมือง รวมมูลค่ากว่า ๕ หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จ่ายค่าสัมปทานให้รัฐบาลแล้ว ก็ยังมีรายได้เหลืออีกนับหมื่นล้านบาท
ไม่มีรายละเอียดอื่น ไม่มีใครเคยเห็นเหมืองที่แท้จริงของทักษิณ
แต่เงินระดับ ๕ หมื่นล้านเหรียญ คือโม้จนเพลิน เพราะมูลค่ามันไปเตะตัวเลขล้านล้านบาท เกือบเท่างบประมาณแผ่นดินของประเทศ
ช่างบังเอิญ วานนี้ (๙ มกราคม) หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ของฮ่องกง แฉว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือพาสปอร์ตกัมพูชา
ก่อนนี้ทางกัมพูชาปฏิเสธว่า ยิ่งลักษณ์ เป็นคนไทย ไม่ใช่กัมพูชา จึงไม่ออกพาสปอร์ตให้
ที่มาของเรื่อง เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ บอกว่าตามเอกสารของบริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น บริษัทจัดการการลงทุน ในฮ่องกง ระบุว่า ยิ่งลักษณ์ ได้ใช้พาสปอร์ตกัมพูชา เพื่อลงทะเบียนเป็นผู้อำนวยการแต่เพียงผู้เดียวของบริษัท
บริษัทนี้ตั้งขึ้นเมื่อ ๒๔ สิงหาคม ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ เซาท์ ไชน่า มอร์นิง ตรวจสอบแล้ว ไม่ชัดเจนว่าธุรกิจของบริษัทคืออะไร ที่อยู่ก็เป็นของบริษัทอื่น แต่ผู้บริหารใกล้ชิดกับ ยิ่งลักษณ์
ให้หลังเพียง ๔ เดือน ยิ่งลักษณ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานของ SICT
เป็นท่านประธานท่าเรือซัวเถา
บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด ชื่อคุ้นๆ ว่า ในประเทศไทยก็มี ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์-ก่อสร้าง
มีชื่อของลูกๆ ในตระกูลชินวัตรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
และ บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในไทย ถือหุ้นวอยซ์ ทีวี ในชื่อของ "พินทองทา ชินวัตร"
มูลค่า ๒๙๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท
สรุปแล้ววันนี้ท่ามกลางความสับสนของข่าวสารนั้น มีสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ ทั่นประธานท่าเรือซัวเถา ที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์...
เธอเป็นสาวชาวกัมพูชา.
ผักกาดหอม
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |