ปัญญาฉายส่องให้ทำได้ดี


เพิ่มเพื่อน    

      อือมม์ม์ม์...ก็กลายเป็นอาหารปาก อาหารเต่า ปู ปลา ขึ้นมาจนได้ สำหรับกรณี บิ๊กตู่ปีนหลังคา ตอกโป๊ก ตอกโป๊ก อันเนื่องมาจากความห่วงใย เวทนา ผู้ที่กำลังซ่อมบ้าน ซ่อมช่อง ในช่วงที่พายุ ปาบึก ท่านโผล่เข้ามากระชากบ้าน กระชากหลังคาใครต่อใครไปเป็นแถบๆ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา...

                                                             -------------------------------------------------

      คือถ้ามองกันในแง่บวก หรือในแง่ดี เอาไว้ก่อน...การลงทุนปีนหลังคาของท่านนายกรัฐมนตรี บิ๊กตู่ ในคราวนี้ ท่านคงไม่ได้คิดจะเอาเท่ เอาแอค หรือหวังจะเอาเสียง เอาคะแนนนิยม อย่างที่ท่านพยายามชี้แจงแถลงไขกันไปแล้ว อย่างมากที่สุด...ก็อาจหนักไปทาง เอามันซ์ซ์ซ์ คือเห็นใครกำลังตอกโป๊ก ตอกโป๊ก อาจพลอยรู้สึกคันไม้ คันมือ ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เลยจำต้องหันไปสั่งให้หน่วยอารักขา ผู้ติดตาม รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ให้จัดสรร จัดหา กระไดมาพาดขอบหลังคา ปีนขึ้นไปจับโน่น จับนี่ ตอกโน่น ตอกนี่ ตามอารมณ์ ความรู้สึก กันไปตามสภาพ...

                                                              ---------------------------------------------------

      แต่อันที่จริงแล้ว...ถ้าท่านจะใช้เวลาคิดๆ เอาไว้ซักนิด มันน่าจะถอดสูท ถอดเนคไท เพื่อไม่ให้มัน คอนทราสต์ กับกิจกรรม กิจการ งานซ่อมหลังคาจนเกินไป คืออาจไม่ต้องถึงกับต้องถอดเสื้อเปลือยอก โชว์กล้าม โชว์ซิกแพ็กเป็นมัดๆ เอาแค่ถอดเสื้อ ถอดเนคไท หรืออาจถลกแขนเสื้อขึ้นมานิดๆ อันนั้นนั่นแหละ...อาจเป็นอะไรที่สอดคล้อง กลมกลืนอยู่มั่ง ไม่ถึงกับสะดุดตา สะดุดใจ แต่ถ้าเล่นแบบปีนขึ้นไปทั้งสูท ทั้งเนคไท มันก็เลยหนีไม่พ้นต้องไปเตะตา เตะใจ ของบรรดาพวกเต่า ปู ปลา ทั้งหลาย ที่มันต่างกำลังจดๆ จ้องๆ กะจะหาจุดอ่อน จุดน็อก ของผู้ที่กำลังเต้นไป-เต้นมา ผู้ที่ยืนถือไมค์ไฟส่องหน้าอยู่บนเวที จนนำไปสู่การออกอาวุธ การสาดสากกะเบือบิน เข้าใส่ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

                                                                 --------------------------------------------------

      คือตราบใดที่ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็น ผู้เล่น หรือ กรรมการ...ทุกสิ่งทุกอย่างมันคงต้องออกมาในรูปนี้นั่นแหละทั่น หรือออกจะเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ กับการแยกแยะกิจกรรม กิจการ ในแต่ละอย่าง ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วคือการหาเสียง หาคะแนนนิยม หรือการแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย สงสาร ความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ใจ ต่อบรรดาผู้ตกทุกข์ได้ยากทั้งหลาย ทั้งปวง โดยไม่ได้คิดจะหวังผลตอบแทนอะไรเอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                               -------------------------------------------------------

      แม้แต่บรรดารัฐมนตรีของท่านเองก็เถอะ...โดยเฉพาะ กุมารทั้ง 4 ที่ต้องกะจังหวะถอดสูท หันมาใส่เสื้อแจ็กเกต ประทับตรายี่ห้อพรรค รวมพลังประชารัฐ กันในช่วงไหน จังหวะไหน ถึงจะทำให้ความเป็น ผู้เล่น กับความเป็น กรรมการ มันไม่ถึงกับซ้อนทับจนเกินไป ระหว่างกำลังเตะๆ กำลังเขี่ยไป-เขี่ยมา กำลังสับขาหลอกใครต่อใคร จะวิ่งไปหยิบนกหวีดข้างสนามมาเป่าปรี๊ด เป่าปรี๊ด แล้วกลับไปเล่นใหม่ โดยลักษณะอาการมันออกจะอีหลักอีเหลื่ออยู่พอสมควร หรือเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องถูกซุบซิบ นินทา ถูกกล่าวหา ถูกครหา อย่างมิอาจปฏิเสธได้ด้วยประการทั้งพวง...

                                                                 ----------------------------------------------------------

      ยิ่งถ้าหากกวาดเสียง กวาดเก้าอี้ เข้ามาในระดับ 200-300 อย่างที่ กุมารสนธิรัตน์ ท่านปลุกจิต ปลุกใจ มาก่อนหน้านี้ บรรดาข้อกล่าวหา ข้อครหาเหล่านี้ มันจะทวีความเข้มข้น ดุเดือด รุนแรง ขึ้นไปอีกถึงขั้นไหน??? อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องคิดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า เพราะถ้าหากมันเข้มพอ แรงพอ ระดับเดียวกับที่เคยทำให้การเลือกตั้งในอดีต หรือในยุค จอมพล ป. กลายสภาพไปเป็น การเลือกตั้งสกปรก กันจนได้ ซิเนริโอ...หรือฉากสถานการณ์ในอดีต จะสามารถนำมาปรับใช้ รับมือกับฉากสถานการณ์ที่อาจต้องเกิดขึ้นในอนาคตเบื้องหน้า ได้มาก-น้อยเพียงใด???

                                                                    --------------------------------------------------------

      จะต้องไหว้วานให้ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เดินทางไปปราศรัยกับนิสิต นักศึกษา ผู้ซึ่งกำลังหงุดหงิด รำคาญ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกันเลยหรือไม่??? และถ้าหาก จอมพลสฤษดิ์ยุคใหม่ ท่านพยายามผ่อนคลายความหงุดหงิด ความไม่พอใจ ด้วยการอนุญาตให้บรรดานักศึกษาสามารถเดินขบวนประท้วงได้ ก็ยังต้องตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วจะต้องหาใครมารับบทเป็น วีรบุรุษสะพานมัฆวานฯ กันอีกหรือเปล่า??? นี่...ต้องเรียกว่า มันคงไม่ใช่อะไรง่ายๆ กล้วยๆ แบบหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง สองบวกสองเป็นสี่ หรือแบบสวมสูทขึ้นไปตอกโป๊ก ตอกโป๊ก แทนช่างซ่อมหลังคาแบบสบายๆ...

                                                                  ----------------------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้...ก็เอาเถอะ ในเมื่อท่านนายกฯ ท่านได้ชื่อว่ามีขีดความสามารถในการ โลดโผนโจนทะยาน หรือการ ลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์ อยู่พอสมควร จะไป สอนหนังสือสังฆราช หรือ เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน คงไม่ถูกเรื่อง ถูกราว กันซักเท่าไหร่นัก เอาเป็นว่า...ยังไงๆ คงต้องคิดๆ ให้ถ้วนถี่ หรือให้เป็นไปอย่างที่ สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงประทานพรเอาไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละว่า... เรื่องหมูหมูอย่าคิดว่าเป็นหมู-พิเคราะห์ดูไม่มีอะไรง่าย-รายละเอียดซับซ้อนและมากมาย-ปัญญาฉายส่องให้ทำได้ดี-ปีกุนหรือปีหมูดูให้แน่-ว่าของแท้งามเลิศเกิดศักดิ์ศรี-กุศลกรรมเป็นทุนหนุนชีวี-ให้สุขีปีหมูอยู่ยั่งยืน ด้วย....เทอญญ์ญ์ญ์...

                                                                   --------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Myers... Life like the peeling of an onion. One skin after another of self-deception and pretence do I strip off. In the process my eyes water and my vanity smarts.-ชีวิตเหมือนกับการลอกหัวหอม ข้าพเจ้าลอกผิวแห่งการหลอกตนเองและการเสแสร้งออกทีละชิ้นๆ ขณะน้ำตาของข้าพเจ้าไหล กิเลสก็เพิ่มพูน

                                                                     ----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"