9 ม.ค.62 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้บังคับการสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง( ผบก.สส.สตม.) นายดนย์วิศว์ พูลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองตรวจลงตราและเอกสารเดินทางคนต่างด้าว ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการต่างชาติใช้หนังสือเดินทางที่ประทับตราโดยผิดกฎหมายเพื่อลักลอบอยู่ในประเทศไทยและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ผู้ลักลอบประทับตราโดยผิดกฎหมาย ชาวแอฟริกา จำนวน 5 ราย

พล.ต.ท.สุรเชษบ์ ผบช.สตม.เผยว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเส้นทางการเดินทางไปยังประเทศอื่นๆหลายประเทศ ส่งผลให้ในปัจจุบันมีคนร้ายหรืออาชญากรแฝงตัวมาในรูปแบบนักท่องเที่ยว และใช้ประเทศไทยเป็นที่กบดานหรือเป็นทางผ่าน จึง ได้สั่งการและกำชับการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้มีความเข้มงวดในการตรวจสอบการเข้ามาในราชอาณาจักรและการอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ถูกต้องของคนต่างด้าวซึ่งส่วนใหญ่จะแฝงตัวเข้ามาประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ เป็นผลให้ผู้กระทำความผิดหาช่องทางหลบเลี่ยงและพัฒนาวิธีการใหม่ๆมากขึ้น จึงได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) ขึ้นมาทำหน้าที่สืบสวนปราบปรามอย่างจิงจัง

ประกอบกับมีเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอำนาจหน้าที่บางรายให้ความร่วมมือกับผู้กระทำความผิดทำให้การตรวจสอบลำบากมากยิ่งขึ้น   ศปชก.ตร. ร่วมกับ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ตม.ทอ.) จึงได้รับคำสั่งให้ทำการสืบสวน เนื่องจากกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้รายงาน กรณีมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ยศ “ด.ต.” สังกัด ตม.ทอ. ทำหน้าที่ตรวจอนุญาตบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ได้บันทึกข้อมูลการตรวจอนุญาตการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยบุคคลต่างด้าวมิได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรจริง แต่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรโดยพนักงานเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 ผบช.สตม.เปิดเผยต่อว่า จากนั้น บก.ตม.2 ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคนดังกล่าวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หลังจากนั้น ศปชก.ตร. ได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลจับกุมบุคคลต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และจับกุมขบวนการต่างชาติใช้หนังสือเดินทางที่ประทับตราโดยผิดกฎหมายเพื่อลักลอบอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด  กระทั่งเข้าทำการจับกุม 1.นายโอลาวาเล ราอิมี่  ( Mr.OLAWALE RAIMI ) อายุ 33 ปี สัญชาติไนจิเรีย 2. นายโจนาส ซิลวา ( Mr.JONAS SILVA ) อายุ 39 ปี สัญชาติกีนีบิสเซา  3.นายริเชส อองบอนน่า  โอนู  (Mr.Riches Ogbonna Onu ) อายุ 44 ปี สัญชาติไนจีเรีย4.นายชาโพ ซูมา (MR.TSHEPO ZUMA) อายุ 39ปีสัญชาติ แอฟริกาใต้ และ 5.นายโอควาทาร่า เบน อิบราฮิม (MR.OUATTARA BEN IBRAHIM) อายุ 21 ปี สัญชาติไอวอรีโคสต์

จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย มีการกระทำความผิด 2 ลักษณะ ผู้ต้องหา 1 คน ถือหนังสือเดินทางมากกว่า 1 เล่ม โดยแต่ละเล่มเป็นหนังสือเดินทางคนละประเทศกัน อีกทั้งหนังสือเดินทางแต่ละเล่มนั้นมี ข้อมูล ชื่อ นามสกุล สัญชาติ และรายละเอียดอื่นๆ แตกต่างกัน แต่ภาพใบหน้าซึ่งปรากฏในหนังสือเดินทางแต่ละเล่มนั้น กลับเป็นบุคคลเดียวกัน เมื่อตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึก ประกอบกับ การประทับตราอนุญาตในหนังสือเดินทางเล่มที่ผู้ต้องหาถือเล่มล่าสุดแล้ว พบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้เดินทางเข้า หรือออก ประเทศ ตามที่มีการประทับตราอนุญาตแต่อย่างใด  อีกกรณีคือผู้ต้องหา 1 คน ถือหนังสือเดินทาง 1 เล่ม ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ปรากฏว่า มีการประทับตราเดินทางออกนอกประเทศไทย และเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกแล้ว พบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้เดินทางเข้า หรือออก ประเทศ ตามที่มีการประทับตราอนุญาตแต่อย่างใด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.ทอ. ที่เข้าไปมีส่วนในการกระทำความผิดได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนและส่งเรื่องให้ ปปช.พิจารณา ส่วนการกระทำความผิดพบว่าเคยก่อเหตุรับประทับตราตรวจคนเข้าเมืองมาแล้ว12 ครั้ง ครั้งละ 5,000 บาท

ด้าน นายดนย์วิศว์ พูลสวัสดิ์ เผยว่า ได้ร่วมกับ สตม.ในการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ที่ผ่านมาระบบตรวจดวงตราส่วนใหญ่จะเป็นระบบแมนนวลจะทำให้มีจุดบกพร่อง มีการใช้ตราประทับปลอม แต่ปัจจุบันได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็คทรอนิกส์ ซึ่งทางกรมการกงสุลตรวจสอบชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ส่วนสตม.ตรวจสอบประวัติอาชากรรมสามารถตรวจสอบได้ 100 เปอร์เซ็นต์