9 ม.ค.62 - นายนคร มาฉิม อดีตส.ส.พิษณุโลก โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ความยุติธรรม แบบ ป้อมๆ คือ ตัวอย่างหนึ่งของการใช้กระบวนการยุติธรรมทำลายล้างฝ่ายประชาธิปไตย
เห็น ท่านนายกทักษิณ ทวิตตอบ พลเอกประยุทธ์ หัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่ปล้นอำนาจประชาชนไป และเรียกตัวเองว่า นายกรัฐมนตรี กับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ คณะคสช ที่เรียกตัวเองว่า รองนายกรัฐมนตรี ว่า ความยุติธรรมแบบ ป้อมๆแล้ว เห็นภาพชัดเจนต่อปรากฎการณ์ การเมืองไทยเลยทีเดียว ผมจึงขออนุญาตมีส่วนร่วมที่จะแสดงความคิดเเห็นและฉายภาพเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ว่า ทำไมจึงเป็นที่มาของคำว่า ความยุติธรรมแบบป้อมๆ
โครงสร้างอำนาจการเมืองการปกครองไทย มันไม่ใช่ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ที่อำนาจเป็นของประชาชน โดยประชาชน และ เพื่อประชาชน อย่างแท้จริง ตามหลักการการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ทั่วโลกเขาเป็น แต่มันมีอำนาจซ้อนอำนาจ อำนาจเหนืออำนาจของประชาชน แฝงตัวอยู่ในทุกองคาพยพของสังคมไทย รัฐไทย จึงเป็นรัฐพันลึกที่แตกต่างจากประชาธิปไตยที่ทั่วโลกเขาเป็นกัน ระบอบการปกครองเดิม ที่แฝงตัวและมีอำนาจที่แท้จริงนี้ เพื่อรักษาสถานะความเป็นชนชั้นปกครอง มีอำนาจ ที่จะปกครอง เพื่อให้ตัวเองและเครือข่ายระบอบของตนได้ประโยชน์สูงสุดต่อไป จึงขยายอำนาจและอิทธิพลของฝ่ายเผด็จการของตนเอง เข้าไปในทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และทีใช้เป็นเครื่องมือในการสังหาร ทำลายล้างฝ่ายประชาธิปไตย โดยเฉพาะผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยที่กล้าลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจของระบอบเผด็จการ ก็คือ นายทุนศักดินา ขุนศึก ศักดินาอำมาตย์ ข้าราชการระดับสูง องค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรมไทย
เมื่อประชาชนคนไทยรู้เท่าทัน ระบอบเดิมมากขึ้น และ เห็นถึงความสำคัญของสิทธิ เสรีภาพความเสมอภาคและภราดรภาพในวิถีประชาธิปไตย ว่า ตนเองควรจะได้อำนาจในการปกครองตนเอง ในวิถีประชาธิปไตย ที่มีความเสมอภาค เท่าเทียม มีความเป็นธรรม มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยจึงเติบใหญ่และเข้มแข็งขึ้นโดยลำดับ ฝ่ายระบอบเผด็จการเดิม ก็ใช้ ทุกองคาพยพของตน ต่อสู้ ขัดขวาง ทำลายนักการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน หากพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการชนะการเลือกตั้ง ก็ปล่อยไป โดยฝ่ายเผด็จการสนับสนุนและสมประโยชน์กัน แต่หากว่า พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง หรือ อำนาจประชาชนจะพัฒนาต่อเนื่องเข้มแข็งเกินไป ฝ่ายเผด็จการก็จะใช้ทหาร เป็นเครื่องมือทำการยึดอำนาจของประชาชนไปแบบดื้อๆ ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้ระบอบประชาธิปไตยต้องล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเป็นวงจรอุบาทว์ ของการเมืองไทยตลอดมา เป็นมรดกบาปที่ฝ่ายเผด็จการมอบให้สังคมไทย ที่ทำให้บ้านเมืองของเราไปไม่ถึงไหนเสียที
จวบจนตั้งแต่ปี 2544 ฝ่ายประชาธิปไตยเริ่มเข้มแข็ง โดยการนำของ พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย สามารถถือธงนำฝ่ายประชาธิปไตยต่อกรกับระบอบเผด็จการได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ได้รับความนิยมจากประชาชนท่วมท้น เมื่อ นายกทักษิณ มีทั้ง เงิน มีทั้งมวลชน และมีทั้งอำนาจรัฐ นายกทักษิณ จึงเป็นผู้ท้าทายอำนาจของรัฐพันลึก อำนาจชนชั้นปกครอง อำนาจระบอบเผด็จการการเดิม ทำให้ระบอบเผด็จการเดิมหวาดกลัว เกลียดชัง และต้องทำลายผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยที่ชื่อ ทักษิณ และ ฝ่ายประชาธิปไตยทิ้งให้ได้ เพื่อไม่ให้มาเป็นเสี้ยนหนามต่อฝ่ายเผด็จการอีกต่อไป
ใช้กำลังทหารยึดอำนาจ แล้วสร้างกฎหมายที่เอารัดเอาเปรียบทุกอย่าง คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังเลือกทักษิณ และฝ่ายประชาธิปไตยให้ชนะ ตั้งแต่ ไทยรักไทย ต่อมา ใช้กระบวนการยุติธรรม ยุบพรรคทิ้ง ตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค ฝ่ายประชาธิปไตยรวมตัวกันใหม่เป็นพรรคลังประชาชน ก็ชนะอีก ยุบพรรคพลังประชาชนทิ้ง ฝ่ายประชาธิปไตยรวมตัวกันใหม่เป็นพรรคเพื่อไทย ก็ชนะการเลือกตั้งอีก สุดท้ายให้คณะ คสช มายึดอำนาจประชาชนไป เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ฝ่ายเผด็จการก็ได้ครองอำนาจมาจนถึงวันนี้ สร้างกฎ กติกา ที่เป็นของเผด็จการ โดยเผด็จการ และเพื่อเผด็จการอย่างอัปลักษณ์ที่สุด ผ่านเครือข่ายของระบอบเผด็จการ ที่ อยู่ใน คสส ค.ร.ม. สนช สปช /สปท กรธ. และทายาทอสูรที่กำลังจะแต่งตั้งขึ้น 250 คน คือ สมาชิกวุฒิสภา เพื่อสืบทอดอำนาจของระบอบเผด็จการเดิม ใช้กดขี่ข่มเหง ประชาชนต่อไป
กระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งรับใช้ระบอบเผด็จการมาแต่เดิม อย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่อดีต ที่ศาลฎีกา เคยรับรองความชอบด้วยกฎหมายและ ความชอบธรรม ของคณะรัฐประหารที่ว่า เมื่อ คณะรัฐประหารยึดอำนาจปล้นอำนาจประชาชนคนไทยได้สำเร็จ ถือว่าเป็นรัฎฐาธิปัตย์ คำสั่ง และกฎทุกอย่างที่คณะรัฐประหารออกมา ถือว่าเป็นกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมไทย บังคับใช้ทุกอย่าง โดยที่กระบวนการยุติธรรม และศาลไทยไม่เคยเคารพ และรักษาอำนาจของประชาชน คุ้มครองอำนาจประชาชนเลยแม้แต่น้อย
คงจะไม่เกินเลย ที่นักวิชาการทั่วโลกจะมองว่า กระบวนการยุติธรรมไทยคือเครื่องมือหนึ่งของระบอบเผด็จการ ที่ฝ่ายเผด็จการใช้เป็นเครื่องจักรสังหารฝ่ายประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น นายกทักษิณ นายกสมัคร นายกสมชาย และล่าสุด นายกยิ่งลักษณ์ จึงกลายเป็นเหยื่อ แห่งสงครามของ 2 ระบอบระหว่าง ประชาธิปไตย กับ เผด็จการ
นายกทักษิณและ นายกยิ่งลักษณ์ สามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก และได้รับเกียรติจากทุกประเทศทั่วโลก โดยที่ทั่วโลก ไม่ได้เห็นหัว หรือให้ความสำคัญต่อคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมไทย เพราะชาวโลกเขารู้ว่า นี่มันเป็นคดีการเมือง มันเป็นการต่อสู้กันทางการเมือง และ ชาวโลกเขาก็ประเมินสถานการณ์ออกว่า ถ้าเลือกตั้ง ฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะ และครั้งนี้จะชนะอย่างถล่มทลายมากด้วย
พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร พวกคุณ ไม่มีความชอบธรรมมาตั้งแต่ต้น เพราะพวกคุณปล้นอำนาจประชาชนคนไทยไป รวมไปถึงตัวผมด้วย พวกคุณอย่าพยายามอ้างองค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรมไทยให้ทั่วโลกเขาหัวเราะเลย ถ้าแน่จริง พวกคุณลาออกจากคสช. ลาออกจากตำแหน่งหัวโขน และอย่าใช้มาตรา 44 สิครับ แล้วมาสู้กันอย่างแฟร์ๆบนหลักการและกระบวนการยุติธรรมที่ทั่วโลกเขายอมรับ ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมแบบไทยๆ ค่อยไปท้า ท่านนายกทักษิณ มาสู้ มันถึงจะแฟร์ครับไมใช่ตัวเอง เอาเปรียบทุกอย่าง แล้วมาอ้างกระบวนการยุติธรรมไทย
แก่แล้ว ปล่อยวาง นึกถึงส่วนรวมบ้าง คนไทยอาจให้อภัยเมื่อพวกคุณหมดอำนาจ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |