"ประยุทธ์" ส่ายหน้าเปิดโต๊ะเจรจา  "ทักษิณ" ลั่นไม่เจรจาคนหนีคดี เย้ยถ้ามั่นใจไม่ผิดกลับมาสู้คดี "แม้ว" โผล่ทวีตฉะ "บิ๊กป้อม" เหน็บนาฬิกายืมเพื่อนกระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ  "ประวิตร" สวนแบบป้อมๆ คืออะไร "ไปถามไอ้ทักษิณมันสิ" กร้าวแค่รุ่นน้อง ตท. ไม่ใช่น้อง สื่อจีนเผย "ยิ่งลักษณ์" ซื้อกิจการท่าเรือตู้คอนเทนเนอร์ซัวเถา "ป.ป.ช." ปัดเร่งคดี "ชัชชาติ" ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีโพสต์ยอมรับการตรวจสอบ ขอแค่อย่าอคติ
    เมื่อวันอังคารที่ 8 ม.ค.62 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ปฏิเสธตอบคำถามถึงกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ปราศรัยระบุจะพานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับบ้าน พร้อมเสนอให้เปิดโต๊ะพูดคุยกับนายทักษิณ โดย พล.อ.ประยุทธ์เพียงแต่ส่ายหน้าเท่านั้น 
    พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการประชุม ครม. ถึงข้อเสนอตั้งโต๊ะเจรจากับนายทักษิณว่า ตนไม่ได้สนใจ เพราะยึดมั่นในหลักการของรัฐบาล การเจรจากับใครสักคน ทำไมจะต้องเจรจา เราไปสู้รบกับเขาหรือ
    "เขาไม่ได้สู้รบกับผม ไม่ใช่สงคราม เพราะฉะนั้นหลักการของรัฐบาลก็คือจะเจรจากับผู้หลบหนีคดีไม่ได้ ถ้าคิดว่าไม่มีความผิดก็กลับมาสู้คดี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และกฎหมายที่มีความผิดก็เป็นกฎหมายปกติ ไม่ใช่เป็นคำสั่งมาตรา 44 ของผมเสียเมื่อไหร่หรือเป็นอะไรของผมสักอย่างเลย เป็นกฎหมายปกติทั้งสิ้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการตั้งโต๊ะเจรจากับนายทักษิณว่า เจรจาเรื่องอะไร ถ้าเขาทำตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างก็จบแล้ว
    ซักว่า มีการต่อรองอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ต่อรองได้อย่างไร เป็นเรื่องของศาล เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เราจะไปทำอะไรได้ ถึงอย่างไร คสช.ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
    ต่อมานายทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์ Thaksin Shinawatra ระบุว่า "ป้อมบอกให้ผมกลับเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ทั้งๆ ที่ป้อมส่งคนของป้อมเข้าไปนั่งทั้งนั้น ผมว่าป้อมทำเรื่องของตัวเองให้เคลียร์ดีกว่ามั้ยครับ  เอาเด็กหน้าห้องป้อมออก แล้วปล่อยให้คนอื่นเข้ามาพิจารณาเรื่องนาฬิกายืมเพื่อนแทน เพราะกระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ มันหมดความน่าเชื่อถือไปแล้วครับ"
    นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร  ก็ได้รีทวีตข้อความที่ผู้เป็นบิดา โพสต์ตอบโต้พล.อ.ประวิตร พร้อมโพสต์ข้อความติดแฮชแท็ก #ความยุติธรรมแบบป้อมๆ ทั้งนี้ นายพานทองแท้ยังปักหมุดทวีตข้อความดังกล่าวด้วย
ทักษิณไม่ได้เป็นน้อง
    จากนั้นหลังการประชุม ครม. พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่นายทักษิณทวีตพาดพิงคดีถือครองนาฬิกาหรูว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ ว่าเรื่องการตรวจสอบนาฬิกาเป็นเรื่องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)
    “ที่บอกว่าเป็นแบบป้อมๆ เป็นอย่างไร ก็ไปถามไอ้ทักษิณมันสิ ไปถามมันเอง ไปถามเขาเอง” พล.อ.ประวิตรกล่าว
    ถามว่า การตอบโต้เช่นนี้จะทำให้กระบวนการปรองดองสะดุดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะคุยเรื่องอะไร จะคุยอย่างไง ไปคุยกับศาล เพราะไม่ใช่เรื่องของตน 
    ซักว่า การที่นายทักษิณใช้คำว่ากระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ รู้สึกว่าเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ จะไปรู้ได้อย่างไร เมื่อถามย้ำว่าแล้วจะเอาเรื่องหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามกลับว่า จะเอาเรื่องอะไร โอ้ย ก็เป็นเรื่องของมัน ก็ให้เขาอยู่ไป
    เมื่อถามว่า มองว่าเหตุใดนายทักษิณจึงชอบออกมาตอบโต้ตัวท่าน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็เขาอยากพูด จะให้ทำอะไรได้ ตนไม่ทราบ เขาคงอยากมาตอบโต้ และที่ผ่านมานายทักษิณไม่เคยพยายามติดต่อเข้ามา ถามอีกว่า สายสัมพันธ์นักเรียนเตรียมทหาร (ตท.)ด้วยกันขณะนี้ยังสามารถคุยกันได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีสายสัมพันธ์ มันคนละเรื่องกัน เรื่องของพี่น้องคือเรื่องของพี่น้อง ก็ว่าไป แต่เขาไม่นับถือเราเป็นพี่หรอก เรื่องของการทำงานก็ต้องว่าไป ไม่เกี่ยวกัน
    “เขาเป็นรุ่นน้อง แต่ไม่ได้เป็นน้อง เป็นรุ่นหลัง และผมไม่มีอะไรอยากจะฝากไปถึงนายทักษิณ ไม่รู้จะพูดอะไร” พล.อ.ประวิตรกล่าว
    วันเดียวกัน www.thepaper.cn ของจีน รายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บุคคลหลบหนีคำพิพากษาจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำคุก 5 ปี จากคดีปล่อยทุจริตจำนำข้าว เข้าไปซื้อกิจการบริษัท ซัวเถาคอนเทนเนอร์เทอร์มินัล (Guangdong Shantou International Container Terminal) จำกัด ในเมืองซัวเถา  มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา
    อย่างไรก็ตาม นายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สองพี่น้องเดินทางไปเมืองซัวเถา ระบุเพียงว่าเป็นการไปเยี่ยมญาติพี่น้องฝั่งพ่อในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศในแถบเอเชีย
    สำหรับบริษัท ซัวเถาคอนเทนเนอร์เทอร์มินัลฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2537 ด้วยทุนจดทะเบียน 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารท่าเรือตู้คอนเทนเนอร์ Shantou ได้เปลี่ยนจาก Lin Daqi เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา 
    ท่าเรือซัวเถาเป็น 1 ใน 25 ท่าเรือหลักของประเทศตามแนวชายฝั่งของจีนและเป็น 1 ใน 5 ท่าเรือฮับสำคัญในมณฑลกวางตุ้ง มีพื้นที่ท่าเรือ 7 แห่งในซัวเถาพอร์ต ปริมาณสินค้าทั้งหมดของท่าเรือถึง 50 ล้านตัน และปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ถึง 1.3 ล้าน TEU (หน่วยกล่องมาตรฐานสากล) คิดเป็น 55% และ 99% ของทั้งหมดของพอร์ตกวางตุ้งตะวันออก 
    นอกจากนี้ เฟซบุ๊กกรุงเทพ กรุงเทพ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า แต่งบ้านใหม่ที่ดูไบ ต้อนรับท่านประธานคุมท่าเรือจีน "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ใครว่างก็มานะ (#ลุงแม้วไม่ได้พูด) 
    ในส่วนความเคลื่อนไหวประเด็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมดำเนินคดีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมและคดีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.6 หมื่นล้านบาท หลังจากได้รับความนิยมในช่วงนี้นั้น 
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า นิยมอะไร นิยมความขัดแย้งหรือ ทำไมต้องสร้างคะแนนนิยมในเรื่องนี้ เขาเป็นอย่างไรละ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กล่าวกันขึ้นมาผ่านทางโซเชียลมีเดีย มีหลักฐานอะไรหรือเปล่า เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ให้เขาไปตรวจสอบมา
    "เฮ้อ มันก็แปลกดีเหมือนกัน ไอ้โน้นทำตรงนี้หน่อยก็มาขยาย หรือคนนี้ทำนิดเดียวก็ขยายกันออกไป เสร็จแล้วสื่อก็มาตั้งคำถามว่า จะมีการต่อต้านกันหรือไม่ มีการกลัวกันหรือเปล่า ก็ถามกันอยู่แค่นี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ปปช.ปัดเร่งคดีชัชชาติ
    ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงกระแสข่าว ป.ป.ช.รื้อคดีบริหารจัดการน้ำและเยียวยาม็อบเพื่อสกัดนายชัชชาติว่า ไม่ทราบเรื่องว่ามีการเร่งคดีนายชัชชาติ ไม่มีแน่ เพราะทุกเรื่องที่จะถูกบรรจุวาระการประชุมกรรมการ ป.ป.ช.นั้น จะต้องผ่านประธาน ป.ป.ช.ก่อน ดังนั้นยืนยันว่าไม่มีและเวลาจะเลือกตั้งเพียงอีกแค่สองเดือนเรารอได้  
    "ป.ป.ช.เราไม่อยากเป็นเครื่องมือใคร ตอนนี้ทำงานซ้ายก็โดนขวาก็โดน โดนทั้งหมด ดังนั้นเราจะต้องยืนหลักของเราให้ได้ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นนั้นตรงกันข้ามกับที่เป็นข่าว หน่วยงานเราทำงานอยู่ตรงนี้ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมากในเรื่องแบบนี้ ถ้าบอกว่าเราไปเป็นเครื่องมือของใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เรายิ่งต้องระวัง เพราะฉะนั้นที่บอกว่าพอคุณชัชชาติดังขึ้นมา แล้วไปดึงเรื่องของเขาขึ้นมา เพราะเป็นคู่แข่งของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งนั้น คิดว่าเป็นประเด็นที่ถูกยกขึ้นมาเพื่อจะให้ชนกัน ถ้าจะบอกว่าเร่งคดีก็คือเร่งการดำเนินงานในปี 62 เพราะเราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าในปี 62 นี้ จะมีเรื่องใดที่ต้องจบบ้าง ซึ่งเป็นไปตามแผนปฏิบัติงาน เพื่อเร่งรัดการทำงานว่ามีคดีสำคัญใดบ้างที่แต่ละสำนักจะต้องดำเนินการให้เสร็จ ต้องประกาศเป็นคำมั่นสัญญาต่อคณะกรรมการฯ แต่ไม่ได้บอกว่าให้เร่งช่วงก่อนการเลือกตั้ง อย่างนั้นไม่ใช่" พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว
    ประธาน ป.ป.ช.กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะพูดอะไรโดยที่เขาไม่รู้ในรายละเอียด ก็เป็นการคาดเดาของเขา แต่ข้อเท็จจริงจะต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายใหม่ของ ป.ป.ช. การจะเข้าสู่ข้อมูลข่าวสารในการดำเนินการของ ป.ป.ช. ถือเป็นความลับ และมีขั้นตอนซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เมื่อวินิจฉัยแล้ว ก็สามารถขอดูได้จากรายงานการประชุมหรือคำวินิจฉัย ซึ่งตรงนั้นจะเป็นหลักฐานยืนยันการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่วนใครจะวิพากษ์วิจารณ์หรือจะเอาประเด็น ป.ป.ช.ไปหาเสียงในการเลือกตั้งเพื่อให้สังคมเอาสนุก เอามัน ทำให้เกิดความเสียหาย เราก็คงห้ามไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของเขา 
    "ป.ป.ช.ถือเป็นบุคคลสาธารณะ เราก็ต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ การวิพากษ์วิจารณ์ไหนมีเหตุมีผลเราก็ต้องนำมาปรับปรุงการทำงานของเราเองเพื่อให้โปร่งใส ซึ่งผมบอกว่าเป็นเรื่องปกติ และเข้าใจว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง ทุกคนก็อยากจะแสดงบทบาท และ ป.ป.ช.ก็น่าจะเป็นอาหารอันโอชะ”ประธาน ป.ป.ช.กล่าว
    ช่วงค่ำ นายชัชชาติโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงกรณี ป.ป.ช.รื้อคดีเก่าตอนหนึ่ง ระบุว่า "การตรวจสอบของ ป.ป.ช.เป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นที่จะช่วยให้การทำงานของภาครัฐโปร่งใสขึ้น แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม ปราศจากอคติ ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งครับ ล่าสุดทาง ป.ป.ช.ก็ได้ออกมาชี้แจงชัดเจนขึ้นแล้วครับ".