“สนธิรัตน์” เผย อคส.ส่งหลักฐานถึงมืออัยการให้ฟ้องแพ่งโครงการจำนำข้าวแล้ว ไม่เกินเส้นตายสิ้นปีจอ อึ้ง! เรียกค่าเสียหายรวมกว่า 3 แสนล้านบาท
    เมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยว่า เมื่อเดือน ธ.ค.2561 องค์การคลังสินค้า (อคส.) รัฐวิสาหกิจในสังกัด พณ. ได้ส่งเอกสารหลักฐานที่คู่สัญญาของ อคส. ทั้งเจ้าของโกดังที่รัฐเช่าเพื่อฝากเก็บข้าวสารในสต๊อก และบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) กระทำความผิดและการทำผิดสัญญาในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่ปีการผลิต 2551/2552, ปี 2554/2555, ปี 2555/2556 และปี 2556/2557 จนส่งผลให้รัฐเกิดความเสียหาย ให้พนักงานอัยการแล้ว โดยอัยการจะรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อทำสำนวนส่งฟ้องทางแพ่งต่อศาลต่อไป ซึ่งถือว่า อคส.ได้ส่งอัยการทันตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กำหนดภายในวันที่ 31 ธ.ค.2561 ก่อนที่คดีจะหมดอายุความ ส่วนคู่สัญญาของ อคส. จะต้องชดใช้ความเสียหายให้รัฐหรือไม่อย่างไร อยู่ที่ศาลจะตัดสิน
    มีรายงานจาก พณ.แจ้งว่า อคส.ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานที่คู่สัญญาของ อคส.กระทำผิดสัญญา เช่น ทำข้าวหาย ข้าวเสื่อมคุณภาพ เป็นต้น ส่งให้พนักงานอัยการครบทั้งหมด 246 สัญญาแล้ว แบ่งเป็นคดีของเจ้าของโกดังทำผิดสัญญา 167 สัญญา ส่งอัยการเมื่อเดือน พ.ย.2561 และคดีของเซอร์เวเยอร์อีก 79 สัญญา ส่งอัยการเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2561 คิดเป็นมูลค่าความเสียหายที่ อคส.เรียกจากคู่สัญญาสูงถึงกว่า 300,000 ล้านบาท
    มีรายงานอีกว่า หลังจากนี้ อัยการจะรวบรวมเอกสารหลักฐาน และทำสำนวนส่งฟ้องศาลต่อไป ซึ่งอัยการต้องเร่งส่งฟ้องศาลให้ทันก่อนคดีหมดอายุความ โดยแต่ละคดีจะทยอยหมดอายุความตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.-5 ส.ค.2562 หรือภายใน 5 ปี นับจากวันที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐบาล ที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ตรวจสอบข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเมื่อวันที่ 3 ก.ค.-5 ส.ค.2557
    “ในระหว่างนี้หากมีข้อมูลที่ยังไม่ครบถ้วน อัยการสามารถขอมายัง อคส.ได้ ล่าสุดอัยการขอให้ อคส. ทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสียหายต่างๆ เช่น ความเสียหายที่เกิดจากคู่สัญญาทำให้ข้าวสูญหาย หรือข้าวเสื่อมคุณภาพรวมดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าตรวจสอบคุณภาพ ค่ารมยา ค่ากระสอบ ค่าเช่าโกดัง รวมดอกเบี้ย ซึ่ง อคส.อยู่ระหว่างการรวบรวมและจัดส่งให้อัยการ” รายงานระบุ
    มีรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้ อคส.ได้ส่งหนังสือทวงถาม (โนติส) ไปยังคู่สัญญาทั้งหมดที่ทำผิดสัญญา เพื่อให้มาชดใช้ความเสียหายให้กับ อคส. และหากไม่ชดใช้ อคส.จะยึดหนังสือสัญญาค้ำประกัน (แอลจี) นั้น ปรากฏว่าธนาคารบางแห่งซึ่งเป็นผู้ออกแอลจีให้คู่สัญญา อคส. ยอมให้ยึด แต่บางแห่งไม่ยอม คาดว่าคู่สัญญาไม่น่าจะสามารถชดใช้ค่าเสียหายได้ เพราะส่วนใหญ่ต้องชดใช้ตั้งแต่กว่า 1,000 ล้านบาทถึงกว่า 9,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน คู่สัญญาบางรายได้ฟ้องศาลขอให้คุ้มครองชั่วคราว โดยให้ศาลระงับผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวของคณะกรรมการตรวจสอบฯ ของ ม.ล.ปนัดดา เพราะไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงไม่สามารถนำมาอ้างได้ว่าคู่สัญญาเป็นผู้ทำให้ข้าวในสต๊อกเสื่อมคุณภาพ ขณะที่บางรายยังฟ้องร้อง อคส.ฐานไม่จ่ายเงินค่าเช่าโกดังและค่ารมยาให้ด้วย
    สำหรับคดีอาญาที่เกิดจากการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่ปี 2551/2552, ปี 2554/2555, ปี 2555/2556 และปี 2556/2557 รวม 884 คดีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะมีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันกระทำผิด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึงราว 115,000 ล้านบาท โดยบางคดีได้ส่งฟ้องศาลแล้ว.