ยุทธศาสตร์เปลี่ยนภัยคุกคามเป็นโอกาสของตุรกี


เพิ่มเพื่อน    

ภาพ : แผนที่อาณาจักรออตโตมัน
ที่มา : https://www.worldatlas.com/articles/why-did-the-ottoman-empire-fall.html


รัฐบาลแอร์โดอานเลือกเผชิญหน้าภัยคุกคาม มองเป็นโอกาสตักตวงผลประโยชน์ ไม่เกรงกลัวขัดแย้งชาติมหาอำนาจ ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นยุทธศาสตร์เปลี่ยนภัยคุกคามเป็นโอกาส
    ตุรกีชี้ว่าตัวเองเป็นผู้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในซีเรีย เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะปกป้องตัวเองเมื่อซีเรียกับอิรักกลายเป็นแหล่งชุมนุมของผู้ก่อการร้าย ISIS และอีกสารพัดกลุ่มจากคนร้อยสัญชาติ ผู้ก่อการร้ายนับหมื่นเดินทางเข้าซีเรียผ่านตุรกีๆ กลายเป็นแหล่งพักชั่วคราว แหล่งเตรียมพร้อมก่อนเข้าสมรภูมิ
    ผู้ก่อการร้ายจำนวนหนึ่งก่อเหตุในตุรกีด้วย มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตไม่น้อย มีข่าวเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวอยู่เนืองๆ
    เมื่อสงครามกลางเมืองซีเรียกับอิรักร้อนแรง ISIS ประกาศรัฐอิสลาม (Islamic State) ตุรกีกลายเป็นทางผ่านที่ผู้อพยพลี้ภัยนิยมใช้ เพราะเป็นเส้นทางบก สื่อสารกันได้ ผู้อพยพรุ่นก่อนๆ ประสบความสำเร็จในการใช้เส้นทางนี้ จึงพูดปากต่อปาก เป้าหมายสุดท้ายคือยุโรป โดยเฉพาะยุโรปตะวันตก ผู้ลี้ภัยอีกส่วนตกค้างหรืออยู่ในตุรกี ปัจจุบันมีผู้อพยพในตุรกีราว 3 ล้านคนทั้งจากซีเรีย อิรัก อัฟกานิสถานและอื่นๆ 
    การเข้ามาเกี่ยวข้องของหลายประเทศในภูมิภาค ชาติมหาอำนาจ ทำให้ซีเรียกลายเป็นสมรภูมิสำคัญ เป็นพื้นที่แห่งการช่วงชิงของประเทศเหล่านี้ 
    ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่รัฐบาลตุรกีไม่อาจนิ่งเฉย จำต้องเข้าพัวพัน
ยุทธศาสตร์ใช้ภัยคุกคามให้เป็นโอกาส :
    ประเด็นน่าสนใจคือแทนที่จะเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับ รัฐบาลตุรกีอาศัยภัยคุกคามจากสถานการณ์สร้างผลประโยชน์แก่ตน ภัยคุกคามจึงกลายเป็นโอกาส ดังนี้
    ประเด็นแรก ภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้าย
    รัฐบาลตุรกีไม่เพียงปราบปรามผู้ก่อการร้ายในประเทศเท่านั้น ยังส่งกองทัพเข้าดินแดนซีเรีย (Operation Olive Branch) อ้างเหตุเพื่อเข้าปราบปรามผู้ก่อการร้ายที่อยู่ใกล้แนวพรมแดน เป็นจุดเริ่มต้นที่ตุรกีสร้างเขตอิทธิพลของตนในซีเรีย
ต่อเมื่อกองกำลังเคิร์ดเริ่มขยายเขตอิทธิพล กองทัพตุรกีเดินทัพลึกเข้าไปในซีเรียมากขึ้น (Operation Euphrates Shield) คราวนี้ใช้เหตุผลเคิร์ดเป็นภัยความมั่นคง รัฐบาลตุรกีเห็นว่า PYD หรือ Democratic Union Party ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของพวกเคิร์ดซีเรียเป็นกลุ่มก่อการร้าย ด้วยเหตุใกล้ชิดกับกลุ่มก่อการร้ายพวกเคิร์ดในตุรกี ประธานาธิบดีแอร์โดอานกล่าวว่า “ตุรกีมีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ที่จะทำการรบในซีเรียและที่ต่างๆ ที่องค์กรผู้ก่อการร้ายตั้งฐานอยู่” ไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศใด เนื่องจากรัฐเหล่านั้นไม่สามารถควบคุมบูรณภาพแห่งดินแดนของตน “เป็นการที่ตุรกีปกป้องอธิปไตยของตน”
ล่าสุดเมื่อกองกำลังเคิร์ดควบคุมพื้นที่ฝั่งตอนเหนือและตะวันออกของซีเรีย ตุรกีเตรียมส่งกองทัพชุดใหญ่รุกเข้าไปอีกครั้งพร้อมกับทรัมป์ประกาศถอนทหารสหรัฐ นี่คือเหตุการณ์ล่าสุด
    ประเด็นที่ 2 ภัยคุกคามจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
    ชนเชื้อสายเคิร์ดในตุรกีบางส่วนมีความคิดแบ่งแยกดินมาเรื่อยมา ตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมามีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่หลายรอบ ซ้ำร้ายกว่านั้นเคิร์ดตุรกีมีสัมพันธ์กับเคิร์ดซีเรีย เมื่อรัฐบาลสหรัฐใช้เคิร์ดซีเรียเป็นกองหน้ารบกับผู้ก่อการร้าย กองกำลังเคิร์ดจึงได้รับอาวุธทันสมัยและรับการฝึกจากสหรัฐกลายเป็นภัยที่น่ากลัวสำหรับตุรกี
    ภัยคุกคามยิ่งเด่นชัดเมื่อพื้นที่ควบคุมของเคิร์ด (พูดอีกอย่างคือของฝ่ายสหรัฐ) ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทางตอนเหนือกับตะวันออก จุดนี้มองได้หลายแง่มุม ข้อแรกคือพื้นที่อิทธิพลของเคิร์ด กับอีกมุมมองคือโอกาสที่ “ต่างชาติ” เข้าแทรก เพราะที่เคิร์ดควบคุมได้เพราะมีทหารต่างชาติหนุนหลัง เมื่อสหรัฐคิดถอนกำลังจึงเกิดสุญญากาศว่าใครจะเข้าแทน รัฐบาลแอร์โดอานเห็นโอกาสจึงเจรจากับประธานาธิบดีทรัมป์และทรัมป์เห็นดีเห็นงามด้วย (ก่อนคิดเปลี่ยนใจในเวลาต่อมา-จากข่าวล่าสุด)
    จะเห็นว่ารัฐบาลตุรกีอาศัยเหตุผลปราบปรามพวกคิดแบ่งแยกดินแดนเป็นโอกาสรุกเข้าไปในประเทศซีเรีย
ถ้ายึดหลักการ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติมีมติให้ทุกประเทศร่วมกันปราบปรามผู้ก่อการร้ายในซีเรียซึ่งเท่ากับยอมให้ละเมิดอธิปไตย แต่เคิร์ดไม่อยู่ในรายชื่อผู้ก่อการร้ายที่คณะมนตรีความมั่นคงระบุ การปราบปรามเคิร์ดจึงละเมิดข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงอย่างชัดเจน
ดังที่นำเสนอข้างต้นแล้วว่ารัฐบาลแอร์โดอานเห็นว่าตุรกีมีความชอบธรรมที่จะปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายทุกกลุ่มที่ตุรกีเห็นว่าเป็นภัย ถ้ายึดตามหลักการนี้เท่ากับว่าตุรกีสามารถส่งกองทัพ หน่วยรบพิเศษ ทิ้งระเบิดใส่ที่ใดๆ ในโลก ถ้าตุรกีเห็นว่ามีผู้ก่อการร้ายที่นั่น
แนวทางที่ถูกต้องคือ ต้องให้เป็นความรับผิดชอบหลักของแต่ละประเทศที่จะดำเนินการ ไม่ใช่เรื่องที่ตุรกีจะดำเนินการเอง เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของประเทศนั้น หรือต้องได้รับมติจากคณะมนตรีความมั่นคง
    แต่รัฐบาลแอร์โดอานตีความว่าประเทศตนมีสิทธิ์ ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยผู้อื่น แม้ละเมิดกฎเกณฑ์สหประชาชาติ เป็นแนวทางเดียวกับที่บางประเทศใช่ เช่น สหรัฐ อิสราเอล
    ประเด็นที่ 3 ขยายอิทธิพลเข้าไปในซีเรีย
    ไม่เพียงส่งกองทัพเข้าดินแดนซีเรีย รัฐบาลแอร์โดอานได้สร้างหรือสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธชาวซีเรียที่เป็นพวกเดียวกับตน (ไม่ใช่พวกอัสซาด สหรัฐหรือประเทศใด) บางส่วนเป็นชาวซีเรียเชื้อสายเติร์ก
    รัฐบาลตุรกีเคยพูดว่าต้องส่งกองทัพเข้าซีเรียเพื่อปกป้องชาวซีเรียเชื้อสายเติร์ก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลนี้กับเหตุผลอื่นๆ รัฐบาลแอร์โดอานพยายามสร้างฐานอิทธิพลในซีเรีย
    ประธานาธิบดีแอร์โดอานปฏิเสธว่าตนกำลังแบ่งแยกซีเรีย “เราไม่เห็นด้วยกับการแบ่งซีเรีย เป้าหมายของเราคือต้านผู้ก่อการร้ายที่นั่น” รัฐบาลของนานาประเทศต่างพูดทำนองนี้ แต่ต้องพิจารณาการกระทำ วาระซ่อนเร้น ถ้ารัฐบาลแอร์โดอานมีเป้าหมายเดียวคือต่อต้านก่อการร้ายควรขออนุญาตจากรัฐบาลอัสซาดก่อนและร่วมมือกับซีเรียอย่างใกล้ชิด แต่แอร์โดอานคิดเองทำเอง ส่อมีเจตนาแอบแฝง
    วิเคราะห์โดยรวม รัฐบาลตุรกีใช้แนวคิดยึดผลประโยชน์ตนฝ่ายเดียว ประกาศว่าจำต้องรักษาอธิปไตยของตนจึงละเมิดอธิปไตยซีเรีย แอร์โดอานย้ำว่าต้องการให้ซีเรียสงบสุข คำถามคือ สิ่งที่ทำส่งเสริมความสงบจริงหรือไม่ หรือว่าแท้จริงแล้วแอร์โดอานไม่ได้หวังความสงบจริง แต่หวังผลประโยชน์จากความไม่สงบ ส่วนคำว่าสงบสันติในซีเรียจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อตุรกีได้ประโยชน์ดังหวังแล้ว ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นซีเรียจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องน่าคิด เพราะรัฐบาลแอร์โดอานปฏิเสธไม่ยอมรับรัฐบาลอัสซาดตั้งแต่ต้น
    ประเด็นที่ 4 แสดงตัวมีบทบาทในภูมิภาคตะวันออกกลาง-เติร์กไม่แพ้อาหรับ
    ความวุ่นวายในซีเรียเกี่ยวข้องกับประเทศในภูมิภาค พวกยุโรปตะวันตกและมหาอำนาจ ประเทศเหล่านี้ต่างแสดงบทบาทตามแนวทางของตน ตุรกีก็เช่นกัน กล่าวได้ว่าตุรกีมีบทบาทโดดเด่นในเวทีโลกขณะนี้ก็ด้วยประเด็นซีเรีย
    ในเชิงประวัติศาสตร์ แม้ชนชาวเติร์กเป็นมุสลิม ส่วนใหญ่นับถือนิกายซุนนี แต่มีความเป็นชาตินิยมด้วย ชนชาวเติร์กมองว่าตนไม่ด้อยกว่าพวกอาหรับหรือเปอร์เซีย (ทำนองเดียวกับพวกเคิร์ดที่เป็นมุสลิมแต่ไม่คิดว่าตนเป็นอาหรับ ไม่ยอมเข้าพวกกับเปอร์เซีย)
เมื่อศตวรรษที่ 16 จักรวรรดิออตโตมัน (ตุรกีในปัจจุบัน) ขยายดินแดนไปถึงตะวันออกของอานาโตเลีย ตอนเหนือของอิรัก ซีเรีย อียิปต์และอาระเบีย (Arabia)
สังเกตว่าออตโตมันทำสงครามขยายดินแดนในเขตที่เป็นมุสลิมด้วย เป็นการเข่นฆ่าระหว่างมุสลิมด้วยกันเอง รัฐบาลแอร์โดอานกำลังซ้ำรอยประวัติศาสตร์ แม้อาจไม่ยิ่งใหญ่เท่าออตโตมันแต่กำลังขยายอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลายเช่นเคย
เข้าเผชิญหน้าความท้าทาย :
    ทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีหลายแนวคิด บางทฤษฎีเห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลตุรกี มองว่าใครดีใครอยู่ การรุกรานอีกประเทศเป็นเรื่องปกติและสมควร เพียงแต่อาจเลือกใช้วิธีดูเนียน ใช้ถ้อยคำฟังดูสุภาพเป็นผู้ดี แม้กำลังทำลายล้างประเทศอื่นๆ แต่ยังแสดงตัวว่าเป็นคนดีมีศีลธรรม 
    เรื่องหนึ่งที่น่าชื่นชมคือรัฐบาลแอร์โดอานเลือกที่จะเผชิญหน้าภัยคุกคาม มองเป็นโอกาสตักตวงผลประโยชน์ แก้ปัญหาพวกเคิร์ด ไม่คิดหลบหลีกชาติมหาอำนาจ เดินหน้าเจรจาต่อรอง ไม่กลัวขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นนโยบายที่มีความเสี่ยงสูง สร้างขยายอิทธิพลในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เป็นยุทธศาสตร์เปลี่ยนภัยคุกคามเป็นโอกาส ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ต้องติดตามต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"