ปาบึกคร่าแล้ว1ชีวิต เรือประมงล่มที่ปัตตานี/นครฯทั้งลมทั้งนํ้าคิวต่อไปสุราษฎร์ฯ


เพิ่มเพื่อน    

    ปาบึกขึ้นฝั่งแล้ว เข้าใจกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดฝนตกน้ำท่วม ไฟฟ้าดับ ต้นไม้โค่นเป็นบริเวณกว้าง อพยพกันวุ่น คิวต่อไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมอุตุฯ เตือนประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ขณะที่ลูกเรือประมงเสียชีวิตแล้ว 1 ราย เรือล่มปากอ่าวปัตตานี สูญหายอีก 1 ราย
    นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงข่าวสถานการณ์พายุโซนร้อน ปาบึก ณ ห้องบัญชาการกองพยากรณ์อากาศชั้น 11 อาคาร 50 ปีอุตุนิยมวิทยา เวลา 18.00 น. วันศุกร์ที่ผ่านมา โดยประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุ 'ปาบึก' (PABUK)" ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 4 มกราคม 2562
     ระบุว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 4 ม.ค. พายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) มีศูนย์กลางอยู่บริเวณอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช หรือที่ละติจูด 8.4 องศาเหนือ ลองจิจูด 99.7 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 13 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 
    คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนเข้าปกคลุมจังหวัดสุราษฎร์ธานีในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนได้  โดยมีผลกระทบดังนี้
    ในวันที่ 4 มกราคม 2562 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
    ในวันที่ 5 มกราคม 2562 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
    สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากลมแรง และคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรงดการเดินเรือจนถึงวันที่ 5 มกราคม 2562
    ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงประกาศ ณ วันที่ 4 มกราคม 2562 เวลา 17.45 น.
    นายภูเวียงเผยว่า การที่พายุปาบึกเคลื่อนช้า ทำให้ฝนตกสะสม ทำให้น้ำป่าไหลหลาก ให้ระมัดระวังช่วงกลางคืน
    มีข่าวร้ายจากเหตุเรือล่มปากอ่าวปัตตานี บริเวณแหลมตาชี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เกิดเหตุเรือประมงโชคมะลินี พร้อมลูกเรือประมงทั้ง 6 คน ได้เดินเรือจากท่าเทียบเรือสงขลาออกหาปลาตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.61 เมื่อมาถึงบริเวณอ่าวปัตตานีของวันที่ 4 ม.ค.62 เวลาประมาณ 02.00 น. ได้เกิดคลื่นสูง ลมกรรโชกแรง เป็นเหตุให้เรือประมงล่ม ลูกเรือประมงทั้ง 6 คนตกทะเล 
เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
    ทั้งนี้ ลูกเรือทั้งหมดได้สวมเสื้อชูชีพ โดยลูกเรือทั้ง 4 คนลอยคอมาขึ้นฝั่งบริเวณปลายแหลมตาชี และได้ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่ โดยลูกเรือประมงทราบชื่อดังนี้ 1.นายสุรินทร์ บินต้วน (ไต้ก๋งเรือ) ชาวจังหวัดสงขลา พักอยู่ที่ อบต.แหลมโพธิ์ 2.นายประจักษ์ สาระรัตน์ (ลูกเรือ) ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด พักอยู่ที่จุดอพยพ อบต.แหลมโพธิ์ 3.นายสันทัด มัชมลฐล (ลูกเรือ) ชาวจังหวัดนครปฐม พักอยู่ที่ อบต.แหลมโพธิ์ 4.นายธีระยุทธ์ ขุนพระบาท (ลูกเรือ) ชาวจังหวัดสงขลา พักอยู่ที่ ตม.ปัตตานี โดยทั้ง 4 คนปลอดภัยและได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
    ส่วนลูกเรือที่สูญหายและเสียชีวิตทราบชื่อ 1.นายปราโมทย์ วงศ์สุวรรณ ชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบศพในเวลาต่อมาที่แหลมตาชี ต.แหลมโพธิ์ 2.นายฉลอง (ไม่ทราบนามสกุล) ไม่แน่ใจภูมิลำเนา ขณะนี้ยังหาตัวไม่พบ กำลังดำเนินการประสานทุกฝ่ายเร่งค้นหาอย่างต่อเนื่อง
    สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจุดผ่านของพายุปาบึก พบว่าได้เกิดฝนตกหนักตลอดทั้งคืนวันที่ 4 ม.ค. กระจายไปทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะอำเภอชายฝั่งทะเล 6 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้มีการอพยพราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณชายฝั่งทั้ง 6 อำเภอคือ อ.ขนอม อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.เมืองฯ อ.ปากพนัง อ.หัวไทร ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหมดแล้วเพื่อเตรียมพร้อมรับมือพายุปาบึกที่จะพัดถล่ม จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงค่ำ
    ทั้งนี้ ชายฝั่งทะเล อ.หัวไทร ระดับคลื่นมีความสูง 2-3 เมตร และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะบริเวณริมถนนสายหัวไทร-ปากพนัง มีคลื่นทะเลถามโถมซัดขึ้นมาบนถนนตลาดเวลาอย่างน่ากลัว ซึ่งได้ จนท.ปภ.และ จนท.ท้องถิ่นใน อ.หัวไทรได้นำรถยนต์พร้อมสัญญาณไฟกะพริบประกาศเตือนให้ชาวบ้านที่ยังไม่อพยพออกจากบ้านให้รีบอพยพออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยเป็นการด่วนแล้ว เพราะลมและคลื่นเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
    เช่นเดียวกับกรณีพายุพัดกระหน่ำประตูม้วนเหล็กด้านหลังศูนย์กีฬาเทศบาลเมืองปากพนัง สถานที่อพยพหลบภัยพายุปาบึก โดยแรงลมพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง เสียงดังสนั่น ซัดประตูม้วนเหล็ก จุดที่เจ้าหน้าที่เตรียมอาหารกล่องให้กับผู้ประสบภัยจนเจ้าหน้าที่ต้องเร่งขนย้ายจุดทำข้าวกล้อง โดยแรงลมพายุพัดกระหน่ำจนบานประตูม้วนอ้าออกทั้งสองบาน ส่งผลให้น้ำฝนซัดเข้ามาภายใน 
    ส่วนชั้นบนของศูนย์อพยพแรงลมพัดหลังคาเสียงดังสนั่น และกระแสไฟฟ้าดับ สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้ประสบภัย เจ้าหน้าที่ รวมทั้งสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่มีการประเมินว่าศูนย์อพยพผู้ประสบภัยแห่งนี้มีความแข็งแรง ทนต่อแรงพายุอย่างแน่นอน ขณะที่ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมรถยีเอ็มซี ขนย้ายผู้ประสบภัยตามพื้นที่เสี่ยงเข้ามาศูนย์อพยพแห่งนี้ ล่าสุดยอดผู้ประสบภัยกว่า 1,000 คน
สิชลอพยพวุ่น
    ในขณะที่ อ.สิชล ที่ศูนย์อพยพวัดคงคาวดี หมู่ 2 ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีผู้อพยพจำนวน 400 คน จุดอพยพแห่งนี้ มีน้ำทะเลเริ่มหนุนสูงและคลื่นแรงมากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับผู้อพยพทั้ง 400 คน จนท.ทหารค่ายฝึกการรบพิเศษที่ 4 สิชล จึงรีบย้ายไปจุดอพยพแห่งใหม่ที่ อบต.เสาเภา ซึ่งปลอดภัยกว่ามาก
    ในขณะที่บนถนนสาย 408 นครศรีธรรมราช-หัวไทร เขต ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบทะเบียน ได้ขับจาก อ.หัวไทร มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองนครศรีธรรมราช ปรากฏว่ากระแสลมพายุได้พัดถล่มจนรถเก๋งเสียหลักปลิวตกร่องเกาะกลางถนน โชคดีที่คนขับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด 
    ขณะเดียวกัน ถนนสายต่างๆ ใน จ.นครศรีธรรมราชเกือบทุกสาย ทางตำรวจทางหลวงและขนส่งจังหวัดได้ประกาศปิดถนนทุกสายแล้ว เนื่องจากน้ำท่วม ลมพายุพัดแรง และมีเสาไฟฟ้าและต้นไม้ล้มขวางบนถนนจำนวนมากหลายต้นบนถนนหลายสายเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัยกับรถทุกคันแล้ว ในขณะที่ทางขนส่งจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ประกาศงดเดินรถสาธารณะทุกสายแล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารด้วย
    ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือพายุโซนร้อนปาบึก โดยมีการคอนเฟอเรนซ์กับศูนย์บัญชาการส่วนหน้า 4 แห่ง ที่มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้ง 4 คน ประจำศูนย์บัญชาการฯ เพื่อควบคุมและบัญชาการการแก้ไขปัญหาในโซนพื้นที่ที่รับผิดชอบ และนายอำเภอทั้ง 23 อำเภอ หัวหน้าส่วนราชการและผู้เกี่ยวข้อง ร่วมรายงานสถานการณ์และการเตรียมความพร้อมด้วยต่างๆ ปัญหาและอุปสรรคจากการปฏิบัติงานอย่างละเอียด
    โดยพบว่าทุกพื้นที่มีความพร้อม อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุม พบว่ามีบางพื้นที่ระบบไฟฟ้าขัดข้อง และต้องใช้ระบบไฟสำรอง พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สำรวจความแข็งแรงของจุดอพยพทุกแห่ง หากพบว่าอาจจะได้รับผลกระทบหรืออยู่ในแนวเขตทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุให้มีการเคลื่อนย้ายจุดอพยพในทันที 
    และมีการสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุ พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนถึงเหตุผลความจำเป็นในการอพยพ ที่เน้นสร้างความปลอดภัยในชีวิต สำหรับส่วนราชการทุกส่วนงานทุกอำเภอ หากอยู่ในพื้นที่ที่มีความปลอดภัยให้เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเป็นศูนย์อพยพและพร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง
จัด จนท.เฝ้าระวัง 24 ชม.
    ขณะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้เตรียมพร้อม 100 % โดยให้กำหนดแผนปฏิบัติงานในระดับความรุนแรงสูงสุดและประสานงานศูนย์บัญชาการทุกอำเภอต่อเนื่อง มีระบบสำรองไฟฟ้าสำหรับเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ตรวจสอบความพร้อม 100% เพื่อให้การติดต่อสื่อสารกับศูนย์บัญชาการสามารถดำเนินการได้ตลอดเวลา รวมทั้งให้ทุกอำเภอและส่วนราชการที่มีภารกิจรายงานผลการปฏิบัติงานกับศูนย์บัญชาการฯ ทุกชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า อำเภอหัวไทรมีพื้นที่เสี่ยงจากพายุปาบึก 2 ตำบล ที่อยู่ชายฝั่งทะเลคือ ต.เกาะเพชร และตำบลหน้าสตน ขณะนี้ได้สั่งการให้ประชาชนอพยพไปอยู่ที่ปลอดภัย และที่ศูนย์อพยพ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมี 5 ศูนย์ ได้แก่ ที่ศาลาประชาคมอำเภอหัวไทร อาคารเฉลิมพระเกียรติ เทศบาลตำบลหัวไทร วิทยาลัยการอาชีพหัวไทร เทศบาลตำบลเกาะเพชร และที่โรงเรียนวัดบางโหนด และมีสำรองอีก 1 ศูนย์ คือที่โรงเรียนหัวไทร (เรือนประชาบาล) สามารถรองรับผู้อพยพได้ 5,200 คน โดยเฉพาะที่ศาลาประชาคมอำเภอหัวไทร ได้มีการจัดตั้งโรงครัวพระราชทานในการประกอบอาหารเลี้ยงแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อย่างหาที่สุดมิได้
    รอง ผวจ.นครศรีธรรมราชกล่าวด้วยว่า ในส่วนของผู้ป่วยติดเตียง ได้มีการเคลื่อนย้ายไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวไทร ส่วนที่ศูนย์อพยพต่างๆ ได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจดูแลความสงบเรียบร้อยตามบ้านเรือนของประชาชนที่อพยพไปอยู่ที่อื่นด้วย ขณะนี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิ อาสาสมัครต่างๆ ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อย่างเต็มที่และมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์เป็นระยะด้วย เนื่องจากอำเภอหัวไทร เป็นพื้นที่คาดว่าพายุจะพัดขึ้นฝั่ง
    พื้นที่ จ.สงขลา สภาพคลื่นลมบริเวณชายฝั่งยังคงมีกำลังแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุปาบึก ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวไทย รวมทั้งมีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืน
    โดยพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ 6 อำเภอชายฝั่งอ่าวไทย ตั้งแต่ อ.ระโนด สทิงพระ สิงหนคร เมือง จะนะ และเทพา ส่งผลให้ขณะนี้มีการอพยพชาวบ้านที่อยู่ติดริมทะเลแล้วรวม 3 อำเภอ ทั้ง อ.ระโนด สทิงพระ และเทพา มากกว่า 300 คน ไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวที่แต่พื้นที่จัดขึ้น ส่วนที่เหลือยังเฝ้าติดตามสถานการณ์เพื่อเตรียมพร้อมอพยพตลอด 24 ชั่วโมง
    ทั้งนี้ ในส่วนของ จ.สงขลา สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงและหนักสุดขณะนี้คือ อ.ระโนด เนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อกับ จ.นครศรีธรรมราช
จำใจทิ้งงานศพ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านใน อ.ระโนด ร่ำไห้จำเป็นต้องอพยพจากวัดที่อยู่ติดริมทะเล ทั้งที่ศพญาติยังคงตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ เนื่องจากพายุใกล้เข้าฝั่งที่ จ.นครศรีธรรมราช และ อ.ระโนด อาจได้รับผลกระทบหนักด้วย โดยทหารเร่งอพยพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยริมชายฝั่งสงขลาออกทั้งหมด
    พ.ท.พรสุวัฒน์ แก้วสวัสดิ์ ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 เปิดเผยว่า ยอดผู้อพยพเฉพาะในพื้นที่ อ.ระโนด ขณะนี้มีทั้งสิ้นจำนวน 530 คน ส่วนที่ อ.สทิงพระ ที่อยู่ติดกัน และอาจได้รับผลกระทบด้วยจำนวน 385 คน ในอำเภออื่นๆ ที่อยู่ติดริมชายฝั่งสงขลา ก็เริ่มมีการอพยพเพิ่มเติมเช่นกัน ทั้ง อ.จะนะ และ อ.เทพา
    นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เผยว่า จังหวัดได้เตรียมพร้อมกำหนดจุดอพยพในพื้นที่ 3 อำเภอ 38 จุด รองรับผู้อพยพ 22,660 คน และได้สั่งการให้อำเภอ อปท. ทุกอำเภอ จัดเตรียมสถานที่ พร้อมรับผู้อพยพ, มีการตั้งศูนย์บัญชาการทุกระดับ จังหวัด อำเภอ อปท., ประสานหน่วยทหาร ตำรวจ พลเรือน ศปภ.เขต 18 ภก. อปท.จัดเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ พร้อมให้การช่วยเหลือราษฎรได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนเผชิญเหตุ 
    และให้ อปท.ทุกแห่งขุดลอกคูเตรียมพร้อมรองรับการระบายน้ำ ส่งหนังสือคำสั่งของจังหวัดภูเก็ต ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้แก่กงสุลทั้ง 24 ประเทศ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา และหากเกิดสถานการณ์ สามารถอพยพประชาชนไปจุดปลอดภัยได้ทันที   
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันศุกร์ ที่ท่าเรือเกาะพีพี หมู่ 7 ต.อ่าวนาง อ.เมืองฯ จ.กระบี่ เกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้น เมื่อนักท่องเที่ยวกว่า 1,000 คน พากันมารอขึ้นเรือกลับเข้าฝั่ง ซึ่งยังคงมีเรือเฟอร์รีเส้นทางเกาะพีพี-กระบี่ และเกาะพีพี-ภูเก็ต รับนักท่องเที่ยวกลับเข้าฝั่งเที่ยวสุดท้ายก่อนเวลา 12.00 น. จากนั้นจึงจะหยุดให้บริการ ทำให้นักท่องเที่ยวหวั่นเกรงในเรื่องความปลอดภัย และสถานการณ์ขาดแคลนอาหารบนเกาะ ส่งผลทำให้บรรยากาศค่อนข้างโกลาหล เนื่องจากนักท่องเที่ยวหวั่นวิตกกับข่าวพายุโซนร้อนปาบึกพัดถล่มในพื้นที่ภาคใต้ นักท่องเที่ยวที่ขึ้นฝั่งต้องการที่จะไปขึ้นเครื่องที่จองไว้ที่ท่าอากาศยานกระบี่ เกรงว่าพายุจะมาหลายวัน ภายในเกาะไม่สามารถหาอาหารสำรองได้เพียงพอ
    นายสมควร ขันเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่  เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากนายประเสริฐ วงศ์นา รองนายก อบต.อ่าวนาง ว่าที่ท่าเรือเกาะพีพี ยังมีเรือเฟอร์รีวิ่งระหว่างเกาะพีพี-กระบี่ และพีพี-ภูเก็ต 2 ลำ เดินเรือรับ-ส่งนักท่องเที่ยวโดยปกติ แต่นักท่องเที่ยวค่อนข้างจะตื่นตระหนกกับข่าวพายุโซนร้อนปาบึก และต้องการกลับขึ้นฝั่งในเวลาเดียวกัน จนทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้น พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจร่วมกับเทศกิจของ อบต.อ่าวนาง ไปคอยอำนวยความสะดวก ล่าสุดสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และให้เจ้าหน้าที่แจ้งข่าวสารทำความเข้าใจนักท่องเที่ยว เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวหวั่นวิตกจนเกินเหตุ และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในการรับมือแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"