หลังจากฉลองและเดินทางท่องเที่ยวช่วงปีใหม่กันแล้ว การดูแลสุขภาพรับมือต้นปีใหม่ 2562 ของผู้สูงอายุที่อยู่ในแต่ละภาค ซึ่งมีลักษณะของภูมิอากาศที่แตกต่างกันก็เป็นสิ่งสำคัญ ไล่ตั้งแต่ภาคเหนือที่อาจประสบกับกลุ่มหมอกควันจากปัญหาไฟไหม้ป่า หรือภาคใต้ที่ประสบกับฤดูฝนที่ตกชุก กระทั่งผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ กทม.ที่ต้องประสบปัญหาอากาศร้อนจัด ปัจจัยเหล่านี้สามารถก่อโรคได้ โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ โรคหวัด และปัญหาสุขภาพอารมณ์หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน จากอากาศที่ร้อนจัดในเมืองกรุง 

(ดร.กิตติพร พันธุ์วิจิตรศิริ)

    ดร.กิตติพร พันธุ์วิจิตรศิริ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและโภชนาการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ให้ข้อมูลว่า “การดูแลสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวัยที่เจ็บป่วยได้ง่าย อาทิ ผู้สูงวัยที่อยู่ทาง “ภาคเหนือ” ในช่วงหลังปีใหม่อาจต้องเผชิญกับปัญหาสภาพหมอกควันและอากาศแห้ง ซึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องเตรียมในการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคหวัดและโรคทางหายใจ ได้แก่ เสื้อกันหนาว หน้ากากปิดปากและจมูก หรือบางรายอาจจำเป็นต้องอพยพมาอยู่กับลูกหลานที่ กทม.     

(ผู้สูงอายุที่อยู่ทางภาคเหนือควรหาอุปกรณ์สำหรับปิดปากและจมูก เพื่อรับมือกับปัญหาหมอกควันและมลพิษ)

    แต่ถ้าผู้สูงอายุที่ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่หมอกควัน และจำเป็นใช้อุปกรณ์ปิดปากและจมูกที่หลายคนเป็นกังวลว่าอาจจะไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ เพราะหากค่าฝุ่นละอองมีขนาดใหญ่ ร่างกายก็จะสามารถขับออกเองได้ ตรงนี้มีความจำเป็นต้องปรึกษาหน่วยแพทย์ในพื้นที่ อาทิ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ อสม. ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจในการจัดหาหรือหน้ากากปิดปากจมูกที่เหมาะสมกับปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่นั้นๆ หรือหากในพื้นที่ใดมีความรุนแรงของหมอกควันลดน้อยลง ก็สามารถใช้หน้ากากอนามัยทั่วไป หรือเย็บจากผ้าเพื่อใช้งานเองได้ กระทั่งการไปพบแพทย์เพื่อรับยาแก้แพ้อากาศ เนื่องจากตัวยาดังกล่าวจะไปกดภูมิเพื่อป้องกันไม่ให้ไอหรือจาม จึงจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เท่านั้น ก็ถือเป็นวิธีรับมือกับปัญหาสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าหนาวอากาศแห้งและปัญหาหมอกควันของผู้สูงวัย

(ช่วงหน้าหนาว อากาศร้อน ผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ใน กทม.ควรหมั่นจิบน้ำและทาครีมกันแดดควบคู่ครีมบำรุงผิว เพื่อป้องกันผิวพรรณแห้งกร้าน)

    ส่วนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ทาง “ภาคใต้” ที่ช่วงหน้าหนาวอาจมีฝนตกชุกในบางพื้นที่ และเสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วมขัง การรับมือกับปัญหาสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหวัดและโรคน้ำกัดเท้าด้วยการเตรียมทั้งเสื้อคลุมกันฝน, ร่ม, อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง (พื้นที่น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน), เซตอุปกรณ์สำหรับทำแผล อาทิ ยาน้ำและแบบครีม เพื่อป้องกันน้ำกัดเท้า ส่วนในพื้นที่ “ภาคกลาง” หรือผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีปัญหาอาการร้อนอบอ้าว ในช่วงหน้าหนาวอาจไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมาก นอกจากสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่หนาจนเกินไป เช่น ผ้าฝ้าย และเตรียมพัดลมหรืออุปกรณ์ให้ความเย็น อาทิ พัดสำหรับพกพา หรือร่มขณะออกไปทำธุระนอกบ้าน รวมถึงการทาครีมกันแดด ควบคู่กับครีมบำรุง รวมถึงในช่วงอากาศเย็นและแห้ง ผู้สูงอายุควรหมั่นจิบน้ำเปล่าๆ บ่อย เพื่อสร้างความชุ่มชื่นให้กับร่างกาย และป้องกันภาวะผิวแห้งและร่างกายขาดน้ำ
    ส่วนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ใน “ภาคอีสาน” ที่อาจจะมีปัญหาเรื่องอากาศหนาวเย็น ก็ควรเตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพ คล้ายกับพื้นที่ภาคเหนือ คือ เสื้อกันหนาว, ผ้าห่ม และมั่นสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายด้วยการดื่มน้ำอุ่นๆ หรือกินอาหารที่มีความอุ่นร้อน เพื่อคลายหนาวและขับล่าโรคหวัด และหากจะให้ดีนั้นการหมั่นขยับร่างกาย ทั้งจากการทำไร่ทำสวน หรือการออกกำลังเบาๆ อย่างการเต้นแอโรบิกในลานกิจกรรมชุมชน หรือเดินออกกำลังในสาธารณะใกล้บ้าน ก็ถือเป็นการดูแลสุขภาพเพื่อต้านโรคได้เช่นกันครับ”.