เช็กอินหน้าหนาวที่เชียงราย


เพิ่มเพื่อน    

(จิบกาแฟชมวิว บ้านผาหมี)

    อากาศเย็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำให้ชื่นอกชื่นใจกันถ้วนหน้า หลังจากช่วงเดือนธันวาคมกลายเป็นเดือนที่ร้อนเดือนหนึ่ง เอาล่ะ ต้องรีบฉวยโอกาสไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งที่อากาศเย็นๆ ก่อนที่จะหมดโปรโมชั่น และจุดหมายปลายทางของอากาศหนาวคงหนีไม่พ้นภาคเหนือ เราได้เลือกปักหมุดที่จังหวัดเชียงราย
    จุดหมายแรกเมื่อมาถึงเชียงราย หลังจากลงจากเครื่องหาอาหารเช้าเราก็พุ่งตรงไปที่ บ้านผาหมี อำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เคยเสด็จฯ มาทรงพัฒนาผืนดิน ผืนป่า และคุณภาพชีวิตของชาวอาข่าให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

(มนตรี พฤกษาพันธ์ทวี)

    ภาพท้องฟ้าสดใส ผืนป่าเขียวชอุ่มปกคลุมด้วยต้นไม้ ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าก็สดเขียวไปด้วยต้นไม้ บ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายแบบกะทัดรัด เล็กใหญ่ตามฐานะ มีถนนตัดผ่านในหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านรวมไปถึงนักท่องเที่ยวได้สัญจรได้สะดวกปรากฏอยู่เบื้องหน้า แทบจะนึกไม่ออกเลยว่าพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นพื้นที่แห้งแล้งไม่มีต้นไม้ และผู้คนอยู่อย่างยากลำบากมาก่อน เราเลยได้มีโอกาสมารับฟังเรื่องราวของบ้านผาหมีจากปากนายมนตรี พฤกษาพันธ์ทวี (ซาเจ๊ะ หม่อโป๊ะกู่) อายุ 74 ปี ชาวอาข่า หรือคนที่นี่เรียกว่า พ่อหลวง ในชุดแต่งกายเต็มยศ เล่าว่า ในสมัยก่อนสภาพของภูเขาแทบนี้เป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นหมดและยังเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านด้วย จนกระทั่งปี 2513 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จฯ มา
    พ่อหลวงเล่าว่าตอนนั้นตนอายุ 28 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้นำหมู่บ้าน และยังเป็นคนจูงลาถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 ประทับเป็นพาหนะขึ้นไปยังหมู่บ้าน เพราะแต่ก่อนเส้นทางยังไม่มีการทำถนนจึงนำรถเข้าไปลำบาก หลังจากที่พระองค์ทอดพระเนตร และได้ถามว่า “เลิกปลูกฝิ่นได้ไหม” ตนก็ตอบว่า “ได้ ถ้ามีอย่างอื่นทำ” หลังจากนั้นก็ทรงนำเมล็ดพันธุ์มาให้ทดลองปลูก และได้ทรงให้ย้ายที่ตั้งหมู่บ้านเดิมที่อยู่ที่ติดกับชายแดนมาอยู่ในพื้นที่ปัจจุบัน มีการทำถนนตัดผ่านมายังหมู่บ้าน และร่วมกันดูแลป่าโดยการไม่ตัด ไม่เผา และดับไฟป่า ทุกวันนี้ผลผลิตที่เกิดขึ้นมีทั้งเมล็ดกาแฟ ลิ้นจี่ แมคคาเดเมีย ลองกอง และป่าที่อุดมสมบูรณ์ จนได้พัฒนามาเป็นแหล่งท่องเที่ยว สามารถขับรถไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ที่ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ชมวิถีวัฒนธรรมของเผาอาข่า หรือลองดริปกาแฟ ทานอาหารท้องถิ่น และกิจกรรมอื่นๆ ให้นักท่องเที่ยวได้สนุกทั้งวันแน่นอน

(พระอาทิตย์ตกที่ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ)

    นั่งคุยกับพ่อหลวงเพลินจนตะวันเริ่มคล้อย อากาศเริ่มเย็นลง รู้สึกดีจัง เราก็เตรียมตัวไปชมพระอาทิตย์ตกที่ดอยฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ติดกับเขตชายแดนประเทศเมียนมาที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 10 กิโลเมตร ดอยช้างมูบยังสามารถมาได้อีกเส้นทางคือ จากพระตำหนักดอยตุง ในระหว่างทางทางขึ้นไปยังดอยค่อนข้างที่จะลาดชันเลย แต่ก็มีวิวภูเขาให้ชมไปพรางๆ แก้ไขปัญหาเมารถได้ดีเชียวล่ะ ที่สำคัญต้องพกบัตรประชาชนด้วยนะ เพราะทหารที่เฝ้าเวรอยู่อาจจะขอดู เช็กความเรียบร้อย และมาให้ทันก่อน 18.00 น.นะจ๊ะ หลังจากนั้นก็ห้ามเข้าแล้ว อาจจะได้ชมบริเวณที่ห่างออกไปจากฐานปฏิบัติการ ในตอนที่เรามาถึงแสงเย็นก็เปล่งประกาย มองทอดยาวออกไปก็จะได้เห็นชายแดนของฝั่งเพื่อนบ้าน บ้านเรือนที่ตั้งอยู่เพียงไม่กี่หลัง ไม่นานดวงตะวันก็กำลังเคลื่อนตัวจนลับขอบฟ้าบอกลาพวกเรา
    วันต่อมาเราเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์หอฝิ่น อ.เชียงแสน สถานที่แห่งนี้เราจะได้รู้เรื่องราวความเป็นมาของฝิ่นตั้งแต่ในอดีตกาลที่ฝิ่นยังเป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมาย จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงเข้ามาพัฒนาพื้นที่แห่งนี้เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งด้านในพิพิธภัณฑ์จะจัดโซนที่ทำให้เราสามารถเข้าใจเรื่องราวของฝิ่นได้ง่าย ที่เราสนใจก็คงเป็นโซนในส่วนของสงครามฝิ่นที่ทำให้เราเห็นว่าประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ก็ต้องได้รับผลกระทบจากสารเสพติดชนิดนี้ ดีที่บรรยากาศในพิพิธภัณฑ์ทำให้เราเดินชมได้เพลินๆ แถมยังได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

(พิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ)

    จากเชียงแสนเรามุ่งหน้าต่อไปที่ อ.เชียงของ แวะชมพิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำของ สุริยา วงศ์ชัย ที่เกิดจากการสะสมผ้าทอไทลื้อที่ละนิดๆ จนได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชนและบุคคลทั่วไป บ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน หลังขนาดพอดี ในส่วนของโซนชั้นล่างจะเป็นการจัดแสดงข้อมูลประวัติความเป็นมาหมู่บ้านศรีดอนชัย และประวัติของไทลื้อในจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย ส่วนด้านบนเป็นการจัดแสดงผ้าทออย่าง ซิ่นเกาะไทลื้อศรีดอนชัยที่มีลวดลายสีสันสดใส ชุดไทลื้อในแต่ละแบบของแต่ละจังหวัด ที่เราสนใจคงเป็นเรื่องห้องนอนของคนไทลื้อในสมัยก่อนที่มีจัดแสดงไว้ให้ชมด้วย
    เสาวลักษณ์ วงศ์ชัย ผู้ร่วมก่อตั้งได้เล่าให้ฟังว่า ทุกคนจะนอนรวมกันในห้องเดียวทั้งครอบครัว เพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์ เมื่อใครมีครอบครัวก็จะใช้มุงสีดำเพื่อความเป็นส่วนตัว เราฟังแล้วก็รู้สึกเขินแทนคนสมัยก่อนเหมือนกันนะ นอกจากนี้ยังมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จัดแสดงไว้ให้ชมอีกมากมาย
    จากดอยผาหมี เราไปต่อที่ดอยผาตั้ง อ.เวียงแก่น เสื้อกันหนาวที่พับเก็บไว้อย่างดีในกระเป๋าก็ได้เวลาเอาออกมาใช้แล้ว อากาศเย็นๆ แบบนี้มันทำให้เรารู้สึกกระชุ่มกระชวยจริงๆ การเดินทางไปชมพระอาทิตย์ตกที่ดอยผาตั้ง มีหนทางให้นักท่องเที่ยวได้เลือกทั้งในแบบสบายขึ้นหลังม้า หรือจะเดินเท้าก็ตามสะดวก เส้นทางที่เดินขึ้นถือว่ายังไม่ชันมากนัก เดินแบบชิลๆ  ชมวิวข้างทางที่จะเห็นฝั่งประเทศลาวด้วย ใช้เวลาราวๆ 30 นาทีก็ถึงจุดชมวิว ทันพระอาทิตย์ตกพอดีเลย แถมยังได้มองเห็นยอดดอยภูชี้ฟ้าด้วย

(แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ภูชี้ดาว)

    ชมพระอาทิตย์ตกมาพอสมควร เช้าวันต่อมาเราได้เตรียมตัวกันตั้งตี 4 เพื่อไปยังจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ ภูชี้ดาว บ้านร่มโพธิ์เงิน ที่เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวมา 4 ปี นักท่องเที่ยวไม่สามารถขับรถยนต์ขึ้นไปเองได้ ด้วยหนทางที่ลาดชันเป็นถนนดินแดงและไม่สามารถขี่สวนทางกันได้ ต้องติดต่อรถจากชาวบ้าน (รถโฟร์วีล) โดยราคาจะอยู่ที่คนละ 100 บาท ในกรณีที่มากกว่า 5 คน หากน้อยกว่า 5 คนจะอยู่ที่ราคาเหมา 500 บาท
    พอเราได้เดินทางมาจนถึงลานจอดรถบนดอยที่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร ก็เข้าใจดีเลยว่าต้องให้ชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ที่มีความชำนาญเส้นทางเป็นคนขับจริงๆ เพราะทางชัน โค้งหักศอก เส้นทางยังแคบสำหรับรถ 1 คน และเวลาตี 4 ยังคงมืดมาก จากจุดจอดรถต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 350 เมตร ดีหน่อยที่ตลอดเส้นทางยังมีราวให้จับ และจะให้ดีก็ใส่รองเท้าหรือกางเกงขายาวให้มิดชิดกันทาก เพราะเราก็โดนเจ้าทากตัวน้อยมาเกาะแกะหลายตัวเหมือนกัน ดีที่คณะเราเดินทางมาถึงก่อนพระอาทิตย์ เลยได้เห็นทะเลหมอกยามเช้าที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ตามไหล่เขา บรรจบกับดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่ออกมาจากกลุ่มเมฆ ไม่เสียดายเลยที่ตื่นเช้า ได้ใช้เสื้อกันหนาวแบบคุ้มมากๆ อยากจะเก็บอากาศแบบนี้กลับกรุงเทพฯ เสียจริงๆ

(ฮมผญา จ.พะเยา)

    เวลาของความสุขมักสั้นเสมอจริงๆ เราไปต่อยังสถานที่สุดท้ายของทริปข้ามจังหวัดไป อ.ภูซาง จ.พะเยา ที่ ฮอมผญา แต่เป็นการแวะไปเพียงช่วงเวลาสั้นๆ มาทำกิจกรรมเสื้อมัดย้อม ปลุกความเป็นศิลปินในตัวเองสักหน่อย เราเลือกลายที่ง่ายที่สุด คือ มัดไปมั่วๆ และย้อมเฉพาะสีคราม แบบง่ายๆ และรวดเร็ว ถ้าหากจะย้อมหลายสีก็ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดๆ นะ เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง เสื้อมัดย้อมของทุกคนก็เสร็จเรียบร้อย ถูกอกถูกใจมือใหม่หัดย้อมถ้วนหน้า.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"