3 ม.ค.2562 -นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด ( CAPITAL ONE Real Estate) บริษัทที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ชั้นนำในเมืองไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯในปี 62 จะมีการชะลอการเติบโตของตลาดคนไทย ซึ่งหมายความว่า การซื้ออสังหาฯในปี 62 ตลาดจะมียอดขายใกล้เคียงกับปี 61 ซึ่งจะต้องดูในรายละเอียดว่าจะมีซัปพลาย(Supply) มาเพิ่มขึ้นในปี62มากน้อยแคไหน
สำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ ในกลุ่มชาวจีน คาดว่าจะมีการชะลอตัวลง เนื่องจากผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนและความไม่แน่นอนของการค้าระหว่างประเทศ ทำให้ลูกค้ายังไม่มั่นใจในการลงทุนต่างประเทศ แต่คาดว่าภายใน 6 เดือนสถานการณ์จะกลับมาสู่ปกติในกรณีที่สงครามทางการค้าไม่บานปลาย
อย่างไรก็ตาม ตลาดคอนโดฯในปีนี้ มีหลายทำเลที่ต้องเฝ้าติดตาม ได้แก่ คอนโดฯสายสีม่วงที่ยังน่าห่วง ซึ่งหากมาพิจารณาเฉพาะโซนตั้งแต่สถานีเตาปูนจนถึงสถานีกระทรวงสาธารณสุข ก่อนเลี้ยวซ้ายแยกแคราย โซนนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 5 สถานี บรรดาขาใหญ่อสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ขึ้นโครงการกันถ้วนหน้า นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา สถานีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 6 โครงการ รวมแล้ว 30 โครงการ จำนวนยูนิตประมาณ 50,000 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 110,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) โซนนี้จะมีอัตราการดูดซับหรือยอดขายที่ดีกว่าโซนอื่น สามารถระบายสินค้าไปแล้วประมาณ 80% คาดว่าน่าจะเหลือประมาณ 10,000 ยูนิต เวลาผ่านไป 7 ปีสามารถระบายได้ 40,000 ยูนิต เฉลี่ยยอดขาย 15 ยูนิตต่อเดือนของแต่ละโครงการ แต่ตัวเลขนี้เป็นค่าเฉลี่ยเท่านั้น ความจริงแล้วยอดขายของแต่ละบริษัทฯจะไม่เท่ากันบางโครงการสามารถขายได้เพียง 2-3 ยูนิตเท่านั้น ลองประมาณการจำนวนที่เหลือ 10,000 ยูนิต ใน 30 โครงการกับยอดขาย 15 ยูนิตต่อเดือน ก็จะขายหมดภายใน 2 ปี
โซนที่ 2 เริ่มตั้งแต่แยกแครายสถานีศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ไปจนถึงสะพานพระนั่งเกล้า รวม 4 สถานี โซนนี้เดือดระอุเป็น RED ZONE อย่างแท้จริง แต่ละรายที่ขึ้นคอนโดฯจะป็นขนาดใหญ่ทั้งหมด แต่ละตึกประมาณ 1,000 ยูนิต ผสมกับคอนโดฯโลว์ไรส์ขนาด 8 ชั้น ที่แห่มาผสมโรงเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเข้าอยู่ในซอย รวมเบ็ดเสร็จโซนนี้จะมีคอนโดรวมราวๆ 40,000 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 90,000 บาทต่อตร.ม. ว่ากันว่าโซนนี้ทรัพย์เหลือเป็นจำนวนมากประมาณ 40% หรือ 16,000 ยูนิต ที่สำคัญโซนนี้เปิดการขายมาตั้งแต่ปี 2555 แต่อัตรา(SPEED)การขายจะช้า เฉลี่ยจะขายได้เดือนละ 9 ยูนิต และด้วย SPEED เช่นนี้คงต้องใช้เวลาการขายอีกประมาณ 5 ปี
และโซนที่ 3 ข้ามสะพานพระนั่งเกล้าไปแล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 7 สถานีคือ สถานีไทรม้าถึงสถานีปลายทางคลองบางไผ่ โซนนี้จำนวนโครงการที่เป็นอาคารสูงจะมีอยู่ 6 โครงการ ประมาณ 6,000 ยูนิต แต่จะมีคอนโดโลว์ไรส์จำนวนมาก รวมแล้วกว่า 10,000 ยูนิต อัตราเร่งารขายจะช้าสุดเฉลี่ยเดือนหนึ่งประมาณ 4-5 ยูนิต อัตราการดูดซับน้อยมาก สามารถขายได้ประมาณ 50% เท่านั้น สาเหตุหนึ่งก็คือมีสินค้าทดแทนที่เป็นทาวน์เฮาส์ และพฤติกรรมผู้บริโภคยังไม่คุ้นเคยคอนโด จากยอดขายที่เหลือคงต้องใช้เวลาระบายสินค้าอีกหลายปี
"หากรวมอสังหาฯบนเส้นรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะเหลือทรัพย์รอการขายถึง 30,000 ยูนิต ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง นับSPEED ที่ขายเฉลี่ยทั้งสาย นำมารวมกันจะสามารถขายได้เดือนละ 9.6 ยูนิตต่อเดือน จาก 60 โครงการ คงต้องใช้เวลาระบายสต๊อก 4 ปี" นายวิทย์กล่าว
ขณะที่ ทำเลในเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ(ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ก็ต้องเฝ้าติดตาม เนื่องจากมีผู้ประกอบการไปพัฒนาโครงการคอนโดฯเป็นจำนวนมาก ซึ่้งคาดว่าจะมีกำลังซื้อเกิดขึ้น แต่เป็นทำเลที่ต้องระวัง และอาจจะมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยสายสีม่วง และตัวเลขบางอย่างของรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสายสีเขียวเหนือส่วนต่อขยายเหมือนกัน คือ มีจำนวน 16 สถานีเท่ากัน เชื่อมต่อชานเมืองเช่นกัน จำนวนโครงการคอนโดฯเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเช่นกัน ที่สำคัญกลุ่มผู้ซื้อ หรือ STP (SEGMENTTATION TARGET POSITIONING) อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
"เรามองว่าด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากซัพพลายไซต์เข้ามาเยอะ ยักษ์ใหญ่และรายเล็กแห่เข้ามา แต่ดีมานด์ไซต์ไม่เติบโตเท่า เนื่องจากราคาต่อตร.ม.ที่สูง เป็นผลมาจากราคาที่ดินที่สูงขึ้น ขณะที่หากเลยสะพานใหม่ไป ก็มีสินค้าทาวน์เฮาส์มาทดแทนอยู่ "
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |