“ผบ.ทสส.” ลั่นทหารหนักแน่น ไม่กังวลถูกป้ายสีเพราะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ย้ำยึดประชาชนเป็นที่ตั้งในการทำงาน “อภิสิทธิ์” ลั่นรับผิดชอบไขก๊อกแน่หาก ปชป.ได้ต่ำกว่าร้อย ปัดมีงูเห่าภาค 2 ไม่ปิดประตูจับมือทั้ง “พปชร.-พท.” บริหารประเทศ “เพื่อไทย” พร้อมร่วมสกัดสืบทอดอำนาจ ยกเก้าอี้ “ประธานสภา” ให้มาร์คพ่วงกระทรวงเกรดเอ สะพัด! ดัน “ชัชชาติ” ชิงนายกฯ แทน ”หญิงหน่อย" ทักษิณโผล่ทั้งเฟซบุ๊ก-เว็บไซต์ใหม่ อ้อนตัวอยู่ไกลแต่ใจอยู่กับคนไทย สวมบทผู้นำเงาสอนเชิงรัฐบาล
เมื่อวันสิ้นปี 2561 พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปี 2562 ซึ่งจะมีการจัดการเลือกตั้งว่า ทหารจะดูแลบ้านเมืองทุกอย่างตามปกติให้เกิดความเรียบร้อยเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงการเลือกตั้งกองทัพจะตกเป็นเป้าโจมตีจากฝ่ายการเมือง เช่นการใส่ร้ายป้ายสีนั้น ยืนยันว่าเราต้องหนักแน่น และเรามั่นใจว่ากองทัพไม่ใช่ผู้สร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้ง เราไม่ได้กังวลเรื่องการใส่ร้ายป้ายสี แต่ต้องทำความเข้าใจและชี้แจงหากถูกให้ร้ายหรือบิดเบือนที่ทำให้กองทัพเกิดความเสียหาย
“หวังว่าประชาชนทุกคนคงเข้าใจว่าธรรมชาติของกองทัพ เราไม่ทำเรื่องที่ไม่ดี ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจจุดยืนของทหารก็ถือเป็นเรื่องดี” พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าว
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับอะไรหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ไม่ได้สั่งกำชับอะไร ซึ่งเราทำหน้าที่โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ทำงานโดยนำประชาชนเป็นที่ตั้งและมีเจตนาที่บริสุทธิ์ แต่ในเรื่องที่มีผู้ไม่ปรารถนาดีและยังมีคนบิดเบือน เราไปบังคับห้ามใจคนไม่ได้ แต่ก็หวังว่าคนส่วนใหญ่จะเข้าใจ
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการตั้งเป้าเก้าอี้ ส.ส.ในการเลือกตั้งว่า ยังไม่สามารถฟันธงได้เนื่องจากมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องขอเวลาดูช่วงเปิดรับสมัครก่อนว่าจะมีพรรคการเมือง ผู้สมัครจำนวนเท่าไหร่ แต่หากคิดตามตัวเลขเดิมที่พรรคเคยได้ 160 ที่นั่ง โดยนำคะแนนดิบที่พรรคเคยได้ 9.8 ล้านเสียงมาเป็นฐาน และคำนวณตามระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่รัฐธรรมนูญกำหนดจะออกมาที่ 140 ที่นั่ง แต่ครั้งนี้มีจำนวนคู่แข่งเพิ่มขึ้นมากก็ต้องดูว่าจะรักษาฐานเสียงไว้ได้แค่ไหน
“จำนวน 140 ที่นั่งเป็นตัวเลขอ้างอิง หากเราทำได้เยอะกว่านี้ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ถ้าถอยลงมาระดับหนึ่ง คนก็คงไม่แปลกใจเพราะคู่แข่งเยอะ แต่เราก็คงไม่ถอยเยอะ ผมว่าทางบวกมีมากกว่าทางลบ ผมมั่นใจได้เลยว่าเราไม่มีต่ำกว่าร้อยแน่นอน หน่วยงานไหนที่มาปรามาสว่าพรรคจะต่ำร้อย ให้ไปดูแลพรรคที่อิงกับผู้มีอำนาจจะดีกว่าว่าจะทำถึงร้อยได้หรือเปล่า” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่าหากผลการเลือกตั้ง ปชป.ได้ไม่ถึงตามเป้าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เคยประกาศไปแล้วว่าหากไม่เกิน 100 เสียง พร้อมจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และรอฟังว่าหัวหน้าพรรคใหม่จะให้ทำหน้าที่ใดต่อไป เพราะถือว่าทำให้พรรคถดถอย จึงต้องรับผิดชอบเป็นธรรมดา แม้จะมีคนโหวตให้กลับมาเป็นอีก
ถามถึงกรณีสมาชิกพรรคบางคนน้อยใจว่าทำงานให้พรรคมานานแต่ไม่ได้ลง ส.ส. ขณะเดียวกันคนเป็นลูกเป็นหลานผู้บริหารพรรคกลับได้ลง นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า เราให้โอกาสทุกคนที่เสนอตัวเข้ามาและมีบทบาทสาธารณะชัดเจน ไม่ใช่เดินเข้ามาโดยไม่ทำอะไรเลย ส่วนหนักใจหรือไม่ในระบบเด็กฝาก คิดว่าระบบของพรรคแข็ง ไม่ใช่พรรคที่คนมาชี้นิ้วสั่งได้ เพราะฉะนั้นก็สบายใจและมั่นใจในตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เพราะผ่านการคัดกรองมาอย่างดี
มาร์คเชื่อไม่มีงูเห่า2
"ที่บอกกันว่าระวังจะเกิดกลุ่มงูเห่า 2 อีกครั้ง ผมว่าก็ลองดูซิว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน และจะจบอย่างไร และไม่หนักใจต่อการเป็นแม่ทัพนำศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเป็นความรับผิดชอบปกติธรรมดาของนักการเมืองอาชีพ" หัวหน้าพรรค ปชป.ระบุ
นายอภิสิทธิ์ยังวิเคราะห์ถึงการแข่งขันในสนามเลือกตั้งว่า พรรคการเมืองทุกพรรคก็ถือเป็นคู่แข่ง ไม่ใช่มีเพียงพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพราะ พท.เป็นแชมป์เก่า มีฐานเสียงที่เป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุด ยังมีความได้เปรียบอยู่ แม้ขณะนี้ไม่มีระดับหัวในการจ่ายท่อน้ำเลี้ยงได้มากมายเหมือนที่ผ่านมาก็ตาม เพราะบางคนหนีออกนอกประเทศ แต่คิดว่าหาก พท.พร้อมส่งผู้สมัครและประชาสัมพันธ์ที่ดีก็เดินไปได้ในระดับหนึ่ง ส่วน พปชร.ก็เป็นคู่แข่งเช่นกัน เพราะยังมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ
ถามต่อว่า ปชป.ประกาศชัดว่าขอเป็น 1 ใน 3 ทางเลือกให้ประชาชน หากผลการเลือกตั้งได้เสียงไม่เพียงพอจัดตั้งรัฐบาลจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่าต้องดูว่าเราได้เสียงมาเยอะหรือน้อย หากเราได้มาเยอะก็จัดตั้งรัฐบาล แต่หากได้เสียงมาไม่มากก็เป็นไปตามระบบรัฐสภา คือพรรคไหนที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ก็ไปจัดตั้งรัฐบาล
“ผมถึงบอกว่าเราใหญ่หรือเล็ก ถ้าใหญ่เราก็ยืนยันว่าได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนมาเยอะ แนวทางนี้อย่างนี้ใครจะมาร่วมกับเรา หากเล็กเราก็ต้องเจียมตัวไปเรียกร้องอะไรไม่ได้ แต่เราต้องเลือกได้ว่าเราจะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับใครหรือไม่ ผมบอกไปแล้วว่าถ้าไปเป็นรัฐบาลแล้วไม่ได้ทำให้เราทำงานตามอุดมการณ์ได้เราก็ไม่เป็น ไม่ใช่กั๊กหรือไม่กั๊ก แต่เงื่อนไขหลักคือเราต้องมั่นใจได้ว่าสิ่งที่เราต้องการกระทำมันทำได้จริง ให้ผมไปรวมรัฐบาลที่มันโกงกินจนระบบพังผมไม่เอา ให้ผมไปร่วมรัฐบาลที่บริหารเศรษฐกิจแบบนี้ไม่เอา แต่ว่าเราจะไปตัดเลยก็ไม่ได้ ต้องดูว่าเขาจะเปลี่ยนนโยบายบายหรือเปล่า” นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.ย้ำอีกว่าหลักคิดเราเป็นอย่างนี้ ไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์หรือต่อรองตำแหน่ง ซึ่งแนวทาง ปชป.ถ้าได้รับมาจากประชาชนเยอะ เราก็เชิญคุณมาร่วม ใครที่ยอมรับแนวทางเราหรืออุดมการณ์เรา จะ พปชร.หรือ พท. หากยอมรับแนวทางก็ต้องแสดงท่าทีออกมาก่อน ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าแต่ละพรรคมีจุดยืนท่าทีอย่างไร วันนี้มันยังตอบไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าอะไรอย่างไร เราไม่เคยประกาศว่าฉันจะไม่ร่วมกับใคร แต่เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ก็เป็น ถ้าประชาชนให้ เราอยากจะเป็นมาก
เมื่อถามอีกว่าหาก พปชร.ได้เป็นรัฐบาล ปชป.จะจับมือ พท.เป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเป็นฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องจับมือร่วมกับใคร เพราะต่างคนต่างมาเป็น แต่หากเราจับมือกันแล้วรัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยจะอยู่ได้หรือ เพราะแม้จะมี ส.ว.อยู่ในมือ แต่ก็ทำได้แค่ช่วงเลือกตั้งนายกฯ เท่านั้น
มีรายงานข่าวจากพรรค พท.เผยถึงการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค และคณะเมื่อวันที่ 21-23 ธ.ค. นอกเหนือจากการเข้าพบและร่วมหารือกับภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจการท่องเที่ยวของจีนแล้ว ในตอนหนึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนยังได้สอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งแกนนำพรรค พท.ได้ชี้แจงว่ายังเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นเร็วที่สุดคือในวันที่ 24 ก.พ. และพรรคจะได้ที่นั่ง ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 และเมื่อรวมกับเครือข่ายฝ่ายประชาธิปไตยจะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยข้อจำกัดในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญส่งผลให้เสียงอาจไม่มากพอกำหนดตัวนายกฯ เมื่อถึงเวลานั้นพรรคก็พร้อมที่จะทาบทามพรรค ปชป.ที่คาดว่าจะได้ที่นั่ง ส.ส. 80-100 ที่นั่งมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล
ชง 'มาร์ค' นั่งประธานสภา
“เบื้องต้นแกนนำของเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล โดยมีข้อเสนอให้นายอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมมอบกระทรวงสำคัญบางกระทรวงให้ ปชป.ด้วย” รายงานระบุ
มีรายงานอีกว่า ส่วนรายชื่อนายกฯ ของพรรค พท.นั้น แม้คุณหญิงสุดารัตน์จะถูกวางให้อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 แต่อาจเปลี่ยนแปลงในระหว่างหาเสียง โดยต้องดูจากผลสำรวจความนิยมในช่วงนั้นอีกครั้ง เนื่องจากผลโพลภายในล่าสุดสะท้อนออกมา หากชูคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯ จะได้ที่นั่งราว 190-200 ที่นั่ง แต่หากเป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคมจะได้ราว 220 ที่นั่ง จึงอาจมีการปรับยุทธศาสตร์ชูนายชัชชาติเป็นนายกฯ ในการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย
ขณะเดียวกัน นายชัชชาติโพสต์เฟซบุ๊กพร้อมรูปตกแต่งระบุว่า "ในปีใหม่ 2019 ที่กำลังจะมาถึงนี้ขอให้พวกเราทุกคนมีกำลังใจและกำลังกายที่แข็งแกร่ง พร้อมมาร่วมเป็นทีม Avengers ที่จะลุยศึกครั้งสุดท้าย The Final Battle นี้ไปด้วยกันครับ" ทั้งนี้ในรูปดังกล่าวคุณหญิงสุดารัตน์เป็นตัวการ์ตูนกัปตันมาร์เวล ส่วนนายชัชชาติเป็นยักษ์เขียวเดอะฮัลก์
วันเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและ www.thaksinofficial.com อวยพรประชาชนในเทศกาลปีใหม่ 2562 โดยมีเนื้อหาว่า "สวัสดีปีใหม่ 2562 แด่พี่น้องไทยทุกท่าน วันนี้ขอมาสวัสดีปีใหม่กับพี่น้องคนไทยเหมือนทุกปีที่ตัวอยู่ไกลแต่ใจอยู่ไทย ปีนี้เป็นปีที่อวยพรด้วยความดีใจที่ประเทศเราจะกลับคืนสู่สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ ถึงแม้ต้องมาเริ่ม ก.ไก่ กันใหม่ แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะว่ามีผู้รู้ทางเศรษฐกิจระดับโลกหลายคนได้แสดงความวิตกว่าครึ่งปีหลังของปี 2562 และต่อปี 2563 เศรษฐกิจโลกจะมีปัญหาอีกรอบ เศรษฐกิจของเรายิ่งอ่อนแออยู่ มาเจอแรงกระแทกใหม่จะทำอย่างไร
ผมอยากฝากแนะนำสำหรับปีนี้เอาไว้ว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไปอย่างมาก ถ้าท่านทำธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่คงต้องปรับตัวอย่างแรง อย่าได้รังเกียจหรือกลัวเทคโนโลยีเลยครับ ท่านเล่นเฟซบุ๊กเป็น ท่านเล่นไลน์เป็น ท่านเรียนรู้ได้หมดครับ ทุกวันนี้อีคอมเมิร์ซสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กตัวน้อยสามารถค้าขายได้กับคนทั่วโลก เราต้องรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ครับ แม้แต่ธุรกิจอย่างธนาคารก็จะเหนื่อย เพราะเงินดิจิตอลกำลังมาแรง อีกหน่อยทุกประเทศก็จะมีเงินดิจิตอลมาใช้ควบคู่กับเงินที่เป็นธนบัตรมากขึ้นเรื่อยๆ” นายทักษิณระบุ
ต่อไปทหารกำลังพลลดลง
นายทักษิณระบุอีกว่า "เรื่องการทหารต่อไปจะใช้กำลังพลน้อยลง อาวุธในปัจจุบันแทบจะโละทั้งหมด แล้วรบกันด้วยเทคโนโลยี เช่น โดรน หุ่นยนต์ และใช้เลเซอร์ ทำให้สามารถนำคนและงบประมาณไปพัฒนาเรื่องการศึกษาและอื่นๆ ได้อีกมาก เรื่องการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การรักษาโรคที่อาศัยความรู้ทางดีเอ็นเอจะมีมากขึ้น และการใช้วิชาการทางฟิสิกส์มาแทนยาจะมีมากขึ้น และเมื่อคนมีอายุยืนยาวขึ้น ก็จะมีเวลาใช้ชีวิตร่วมกันแสดงพลังเพื่อพัฒนาประเทศเพื่อลูกหลานของเราได้มากขึ้น
สุดท้ายหุ่นยนต์มาแน่ จะถูกใช้งานมากขึ้นในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตร อุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งมาเสริมนักกฎหมายและวินิจฉัยโรคด้วยแพทย์ แต่สิ่งที่หุ่นยนต์มาแทนไม่ได้คือความคิดสร้างสรรค์ ท่านต้องเตรียมตัวเป็นนายของหุ่นยนต์ ไม่ใช่นั่งรอให้หุ่นยนต์มาไล่ท่านตกงาน ซึ่งถือเป็นหน้าที่เร่งด่วนของคนเป็นรัฐบาล ขอเป็นกำลังใจในการเรียนรู้และปรับตัวของทุกคนครับ โชคดีปีใหม่ 2562 ครับ สำคัญคือสุขภาพที่ดีและการมีครอบครัวที่รักกันเราจะสู้ได้ทุกเรื่องครับ ผมรักและปรารถนาดีต่อคนไทยทุกคน” นายทักษิณระบุ
มีรายงานว่า การสื่อสารทางโลกออนไลน์ครั้งนี้นายทักษิณไม่ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเพียงอย่างเดียว ยังมีการสื่อสารทางช่องทางใหม่ผ่าน www.thaksinofficial.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ใหม่ที่จัดทำโดยบุตรสาวทั้ง 2 คน ที่รวบรวมความประทับใจ คำพูด แนวคิดดีๆ ที่เคยถ่ายทอดให้บุตรได้ฟัง นอกจากนี้ในเว็บดังกล่าวยังรวบรวมข้อมูล ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ทั้งหลักคิดการบริหารประเทศ มุมมองทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางของนายทักษิณในการสื่อสารผ่านโลกโซเชียล จากเดิมที่สื่อสารผ่านเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์เป็นหลัก
ขณะที่นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กว่า "วันนี้เมื่อ 15 ปีก่อน คือวันที่ 31 ธ.ค.2546 มีมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายทักษิณเป็นนายกฯ กำหนดให้เป็นวันทำงานของหน่วยงานราชการตามปกติ และให้หยุดราชการในวันที่ 2 ม.ค.2547 แทน ซึ่งตั้งแต่จำความได้จำได้ว่าวันที่ 31 ธ.ค.ของทุกปีเป็นวันสิ้นปี เป็นวันหยุดราชการคู่กับวันที่ 1 ม.ค.ของทุกปีซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ จึงเกิดความสงสัยว่ามีเหตุผลอะไรที่ ครม.ขณะนั้นไม่ให้วันที่ 31 ธ.ค.เป็นวันหยุด ซึ่งทราบภายหลังว่าเหตุผลที่นายทักษิณให้หน่วยงานราชการเปิดทำการตามปกติในวันที่ 31 ธ.ค. เนื่องจากภริยาได้ซื้อที่ดินบริเวณ ถ.รัชดาภิเษกจากกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ไม่อาจจดทะเบียนโอนภายในวันที่ 30 ธ.ค.2546 ได้ และกรมที่ดินได้กำหนดค่าจดทะเบียนโอนที่ดินใหม่ที่มีอัตราสูงกว่าเดิม โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2547 เป็นต้นไป
นายทักษิณจึงอ้างมติ ครม.กำหนดให้วันที่ 31 ธ.ค.2546 เป็นวันปฏิบัติราชการตามปกติ เพื่อให้ภริยาได้จดทะเบียนที่ดินโดยเสียค่าธรรมเนียมในอัตราเดิมที่มีจำนวนน้อยกว่าอัตราที่กรมที่ดินประกาศใช้ใหม่ และรัฐก็ขาดรายได้ที่ควรจะได้จากการจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าว นี่คือพฤติกรรมของนายทักษิณที่คนไทยส่วนหนึ่งยังยกย่องว่า เป็นคนที่ทำประโยชน์มากมายให้แก่สังคมไทยและประเทศไทย?” นายชูชาติระบุในเฟซบุ๊ก
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า หลังจากที่ประชาชนได้รับทราบแนวคิดของพรรคผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้ภาคสังคมและประชาชนให้ความสนใจและสนับสนุนแนวคิดของพรรคอย่างมาก ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้ฝากกราบขอบคุณพี่น้องประชาชนและสมาคมต่างๆ ที่สนับสนุนพรรค
“การทำงานของพรรค นายอนุทินได้กำชับและเน้นย้ำให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนทั่วประเทศลงพื้นที่เข้าถึงชาวบ้าน อย่ารอให้ชาวบ้านมาหา เพราะชัดเจนแล้วว่าปัญหาปากท้องเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้นๆ และเป็นปัญหาหนักกว่าเรื่องการเมือง ดังนั้นทุกคนของพรรคต้องทำงานให้เข้าถึงพี่น้องประชาชน เพื่อรับทราบปัญหาและเข้าช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้พรรคได้วางแผนการทำงานโดยละเอียดจนถึงวันเลือกตั้ง และพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งนี้ 100% แล้ว” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์กล่าว
อนค.จัด 3 อันดับผลงาน คสช.
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อจัดอันดับ "3 ที่สุดของ คสช." ในปี 2561 โดยระบุว่า อันดับ 3 ได้แก่ เพลงและเอ็มวีประเทศกูมี ซึ่งมีเนื้อหาเสียดสีสิ่งที่ไม่เป็นธรรมในสังคมภายใต้การบริหารงานของ คสช.เป็นครั้งแรก อันดับ 2 ได้แก่ ความล้มเหลวในการปราบโกง และการเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง และอันดับ 1 ได้แก่ การแต่งตั้ง ส.ว.ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสรรหาคัดเลือก โดย กกต.ตั้งงบไว้ 1,300 ล้านบาท หากแต่ท้ายที่สุดแล้ว คสช.ก็เป็นคนคัดเลือกอยู่ดี ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตั้งงบประมาณให้วุ่นวาย เสียภาษีประชาชนโดยใช่เหตุ
“ส.ว.ชุดนี้มีขอบเขตอำนาจเกินชุดอื่นๆ ในสถานการณ์ปกติ นั่นคืออำนาจร่วมโหวตนายกฯ ซึ่งเป็นอำนาจที่ควรสงวนไว้กับ ส.ส.ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากประชาชน ไม่ใช่มาจากคนที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร และชัดเจนที่สุดหน้าที่ ส.ว.คือปกป้องพิทักษ์รัฐธรรมนูญปี 2560 และปกป้องพิทักษ์แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงอาจกล่าวได้ว่า ส.ว.ชุดนี้คือพันธนาการของอนาคตประเทศไทย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงยกให้การแต่งตั้ง ส.ว.เป็นที่สุดของ คสช.ในปี 2561" นายธนาธรระบุ
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าวว่า ในวาระดิถีขี้นปีใหม่และจะมีการเลือกตั้งแล้ว อยากวิงวอนให้พรรคการเมืองทุกพรรคทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เลิกทะเลาะกัน เลิกขัดแย้งกัน เน้นการนำเสนอนโยบายที่ดีเป็นประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยทั้งประเทศ บ้านเมืองเรามีความขัดแย้งมานานนับสิบปี แบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งสี วันนี้ขอให้เลิกสิ่งเหล่านี้เพื่อนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า
“ทุกพรรคประกาศจะนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นทุกพรรคต้องทำอย่างจริงจัง อย่าให้เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น” นายธนกรระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |