ปีหมูที่ไม่หมู


เพิ่มเพื่อน    

                "ขอให้ปี ๒๕๖๒ เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อร่วมกันฟื้นประเทศไทย สร้างประชาธิปไตย ก้าวไปด้วยกัน...

                จงร่วมกันสละเพื่อบ้านเมือง"

                เป็นคำอวยพรปีใหม่ของ "จตุพร พรหมพันธุ์"

                ก็...เข้าท่าดี

                แต่...มาจากใจหรือไม่ อันนี้ตอบไม่ได้

                ถ้าทุกคนคิดแบบนี้โดยไม่มีอะไรแอบแฝง การฟื้นฟูชาติ สร้างประชาธิปไตย ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ นอกจาก...สำเร็จ!

                หากเป็นเพียงการพูดเพื่อให้ดูสวยหรู อย่าไปคิดทำเรื่องอื่นให้ไกลตัว เอาแค่เสียสละดัดนิสัยตัวเองยังทำไม่ได้ แล้วจะสร้างชาติได้อย่างไร

                ปี ๒๕๖๒ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย หากบรรดานักการเมือง ผู้นำมวลชน นักเคลื่อนไหว ยังมองปัญหาของชาติเพียงแค่ปลายจมูกของตัวเอง

                นับหนึ่งปีใหม่การเมืองยังคงแบ่งเป็น ๒ ขั้วเหมือนเดิม เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากกลุ่มเอา ไม่เอาทักษิณ มาเป็นกลุ่มเอา หรือไม่เอา คสช.

                ยังติดหล่มแห่งความขัดแย้ง

                ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นตามลำดับ

                คนไทยจะร่วมกันฟื้นประเทศไทย ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย ได้อย่างไร ในเมื่อนักการเมืองทุกฝ่ายต่างสร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคตกันแทบทุกวัน

                ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อนการเลือกตั้ง นักการเมืองเคยสาดโคลนกันอย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น หนำซ้ำทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

                มีการจองกฐินไว้แล้ว ได้อำนาจเมื่อไหร่ เตรียมเช็กบิลอีกฝ่าย

                รัฐธรรมนูญก็เป็นอีกประเด็นที่นักการเมือง สัญญาว่าหลังเลือกตั้งถึงคิวเชือด

                ล้วนเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่ความขัดแย้งได้ทั้งสิ้น

                แทบไม่มีอะไรต่างไปจากการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในอดีต ที่เห็นอยู่แล้วว่าหนทางข้างหน้าจะก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมขึ้น

                แล้วนักการเมืองฟังกันหรือเปล่า

                โดยเฉพาะการรื้อรัฐธรรมนูญ เตือนกันแล้วเตือนกันอีกว่า จะนำไปสู่วิกฤติรัฐธรรมนูญ เกิดความขัดแย้งกันอย่างขนานใหญ่ได้

                แต่ยังเห็นนักการเมืองหลายพรรคนำไปเป็นนโยบายในการหาเสียง

                หลังเลือกตั้งจะแก้ไขทันที!

                ปัญหาของประเทศคืออะไรกันแน่

                รัฐธรรมนูญไม่ดี แต่นักการเมืองทั้งหมดยินยอมพร้อมใจ เพื่อให้ตัวเองได้เข้าสู่อำนาจ โดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ตนเองบอกว่าเป็นเผด็จการ

                เช่นพรรคอนาคตใหม่ นำประเด็นไพรมารีโหวตมาโอ้อวดว่า การสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมีความก้าวหน้าทางประชาธิปไตยมากที่สุด

                แต่พรรคอนาคตใหม่ไม่เคยให้เครดิตว่านั่นคือความทันสมัยของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

                กลับกันเมื่อพูดถึงรัฐธรรมนูญจะได้ยินเพียงคำว่า มรดกทรราช สมบัติเผด็จการ

                ปัญหาของประเทศจึงอยู่ที่ความชอบหรือไม่ชอบ แบ่งพวกใครพวกมัน

                และการปลุกปั่นจับกลุ่มเอาหรือไม่เอา คสช. อ้างเรื่องประชาธิปไตย สุดท้ายแล้วไม่ต่างจากการจุดชนวนความขัดแย้งรอบใหม่

                เป็นปีหมูที่ไม่หมูเอาเสียเลย.

               

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"