พรรคการเมืองรุมจี้ถาม กกต. ปัจจัยอื่นที่ทำให้เลื่อนเลือกตั้งเพราะ พปชร.ไม่พร้อม-กระแสรัฐบาลติดลบหรือไม่ เตือนอย่าพลิ้วตามแรงกดดันของผู้มีอำนาจจะขาดความน่าเชื่อถือ เน่าไม่ต่าง ป.ป.ช. เสนอใช้มาตรา 44 ให้พรรคเดียวเบอร์เดียวทั้งประเทศ "จตุพร" เย้ย พปชร.เลื่อนวันแพ้เท่านั้น ปชป.ใต้ระส่ำ! "ขั้วสุเทพ-หมอวรงค์” โดนล้างบาง “ลูกหมี” โวย "นิพิฏฐ์" กดดันไม่ให้ลงสมัคร ส.ส.ชุมพร หากพี่ชายลงสมัคร รปช.
เมื่อวันอาทิตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสการเลื่อนเลือกตั้งเนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่ทันว่า วันนี้อย่าไปทำอะไรให้กระทบกับความสะดวก ความเข้าใจของประชาชน อย่าทำอะไรให้กระทบกับความเชื่อมั่นที่ชาวไทยและชาวโลกมี เพราะถ้าเลื่อนไปอีก คนที่เสียหายที่สุดคือผู้มีอำนาจ เพราะขาดความน่าเชื่อถือ และความเชื่อมั่น ไม่สามารถเดินหน้าตามสิ่งที่ตัวเองได้ประกาศไว้ ส่วนกรณี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กุมภา เลขาธิการ กกต.ไม่สามารถบอกได้ว่าเลือกตั้งจะเลื่อนหรือไม่นั้น ต้องไปถาม กกต.ว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลง เหตุผลคืออะไร
สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่าจะใช้ ม.44 ปลดล็อกให้สมาชิกพรรคสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ แม้จะเป็นสมาชิกไม่ครบ 90 วันตามกฎหมายกำหนด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความจริงกติกาที่เราอยากจะใช้หลายเรื่องก็ถูกยกเว้นไปแล้ว อำนวยความสะดวกในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมอีก ขณะนี้ทุกพรรคก็ทำงานบนกติกาเดียวกัน จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ควรสร้างความชัดเจน แต่คงไม่ไปกดดันอะไร เพราะทุกอย่างหลุดจากกรอบของกฎหมายไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องของประเทศ ความเชื่อถือและความเชื่อมั่น ถ้าคำนึงถึงผลประโยชน์ตรงนี้ ก็ต้องเร่งทำความชัดเจน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคปชป. กล่าวว่า ถึงแม้วันเลือกตั้งยังไม่ได้กำหนดอย่างเป็นทางการ แต่ทุกภาคส่วนในสังคมต่างก็รับทราบกันทั่วไปว่าวันเลือกตั้งของประเทศไทยจะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.62 การกล่าวอ้างว่าพิมพ์บัตรไม่ทัน จึงเป็นข้ออ้างที่ผู้คนในสังคมรับไม่ได้ ที่ยืนยันว่ามีความพร้อมในเรื่องการพิมพ์บัตรได้ทัน แต่ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นด้วย หวังว่าปัจจัยอื่นคงไม่ใช่การแทรกแซงการทำงานของ กกต.จากผู้มีอำนาจหรือพรรคการเมืองที่สนับสนุนผู้มีอำนาจ เพราะมีความพยายามจากผู้มีอำนาจที่ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงการทำงานของ กกต.อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหากวันเลือกตั้งขยับออกไปจาก 24 ก.พ.62 ทาง กกต.ก็ต้องชี้แจงเหตุผลตรงไปตรงมาตามความเป็นจริงที่ทำให้สังคมยอมรับได้ ไม่ใช่พลิ้วไหวลู่ตามลมไปเรื่อยๆ
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าเหตุผลที่แท้จริงของการขยับเลื่อนวันเลือกตั้ง เพราะพรรคการเมืองบางพรรคอ้างว่ายังจัดผู้สมัครไม่ทันนั้น นายองอาจกล่าวว่า การจัดผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเรื่องของพรรคการเมืองแต่ละพรรคต้องไปจัดการกันเองภายในพรรค ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ กกต. ต้องเลื่อนวันเลือกตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกให้พรรคการเมืองใดทั้งสิ้น กกต.พึงสังวรอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นองค์กรอิสระ ควรรักษาความเป็นอิสระไว้ให้มั่นคง ไม่ให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองหรือใครมาแทรกแซงการทำงานจนขาดความเป็นอิสระ และต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกคน
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เรื่องนี้มีปัญหา เพราะได้ข่าวว่ากระแสของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แพ้กระฉูด ได้แค่ร้อยละ 4-5 เท่านั้น เพราะฉะนั้นมีการประชุมและตกลงกันว่าถ้าเป็นแบบนี้แพ้แน่ คงจะต้องเลื่อนเลือกตั้งไปก่อน โดยรัฐบาลจะให้ กกต.ประกาศเลื่อนเลือกตั้งโดยให้เหตุผลพิมพ์บัตรไม่ทัน ซึ่งก่อนหน้านี้ กกต.ยืนยันชัดเจนมาตลอดว่าพิมพ์บัตรทันแน่นอน ถ้า กกต.จะรับลูก คสช. ก็จะเน่าไม่ต่างจาก ป.ป.ช.ที่ลงมติเรื่องนาฬิกาหรู กกต.ต้องยึดหลักการ ไม่ใช่เอนเอียงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเลื่อนเลือกตั้งคนก็จะด่า กกต. และไม่เชื่อถือในการจัดเลือกตั้งอีกต่อไป กระแสข่าวนี้ทำประชาชนสับสนไปหมด ขอให้ประธาน กกต.ต้องยืนหยัดนำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยให้ได้ เอาความชอบธรรมของประเทศกลับคืนมา
เย้ย พปชร.เลื่อนวันแพ้
"ที่เลขาธิการ กกต.ระบุว่าการเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ต้องดูปัจจัยอื่นๆ ด้วยนั้น ปัจจัยอื่นๆ คืออะไร คือเรื่องที่พรรค พปชร.ไม่พร้อม และกระแสของรัฐบาลมีแต่ติดลบใช่หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องนาฬิกาหรูกับเรื่องดูด ส.ส.ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.บอกว่าอย่าเอาชื่อตนเองไปอ้างว่าจะเป็นนายกฯต่อนั้น เพราะรู้กระแสว่าไม่ได้รับความนิยมเลยลังเลใช่หรือไม่ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ควรหยุดคิดจะสืบทอดอำนาจได้แล้ว จะเสียคน เพราะประชาชนไม่ต้องการ หากแพ้จะแสดงให้เห็นว่าที่ทำมาตลอดเกือบ 5 ปีผิดหมด ทำให้ประเทศยากจน ประชาชนลำบาก แต่ถ้าหยุดจะรักษาเครดิตของตัวเองไว้ได้" นายวรชัยกล่าว
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรค พท.กล่าวว่า หวังว่าคงไม่เลื่อนด้วยเหตุพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่ทัน เพราะเมื่อครั้งทุกภาคส่วนประท้วงเรียกร้องให้ใส่โลโก้พรรคในบัตรเลือกตั้งจน กกต.ยอมรับเหตุผล และรองเลขาธิการ กกต. ยืนยันว่าได้ปรึกษาโรงพิมพ์แล้วสามารถพิมพ์บัตรเลือกตั้งได้ทันกำหนดเวลาเลือกตั้ง จึงไม่มีเหตุผลที่จะอ้างงานธุรการเพื่อขยับวันเลือกตั้งออกไปอีก
นายจตุพร พรหมพันธุ์ กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ(พ.พ.ช.) กล่าวว่า ขอถามว่าเหตุที่พิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่ทันนั้น เป็นเพราะการเขียนกฎหมายไม่ให้พรรคเดียวได้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศหรือไม่ ถ้าใช้พรรคเดียวเบอร์เดียวทั้งประเทศ อย่างไรก็ไม่มีปัญหาเรื่องพิมพ์บัตรเลือกตั้ง แต่สิ่งที่จะทำให้พิมพ์บัตรไม่ทันคือต้องพิมพ์ต่างกัน 350 เขต ทั้งนี้ ประชาชนและพรรคการเมืองก็ได้เรียกร้องกรณีพรรคเดียวเบอร์เดียวทั้งประเทศอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้กฎหมาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แก้ได้หมด ในเมื่อมีมาตรา 44 ในมืออยู่แล้ว แต่ทำไมเรื่องนี้ไม่ยอมทำ
"งบประมาณที่ได้จากการขายโต๊ะจีน พรรค พปชร.มากกว่าที่ต้องใช้จริงตามกฎหมายการเลือกตั้ง คือถ้าคิดจากงบของ ส.ส.เขต เขตละ 1.5 ล้านบาท รวมกับ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 35 ล้านบาท รวมกันทั้งหมด 560 ล้านบาท ตามกฎหมาย แต่นี่ได้ 650 ล้าน แล้วส่วนต่าง 90 ล้าน จะทำอะไร การมีอำนาจมาก มีเงินมาก ไม่ใช่ปัจจัยว่าจะชนะ เมื่อประชาชนไม่เอาอย่างไรก็แพ้แน่นอน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนต่างรับรู้ถึงความยากลำบาก คาดหวังถึงการเลือกตั้งว่าจะเป็นทางออกให้ประเทศ แต่หากมีการเลื่อนตั้งไปอีก ก็จะเป็นเพียงการเลื่อนวันแพ้เท่านั้น จะเลื่อนไปอีกกี่เดือน เลื่อนวันใด ก็แพ้วันนั้น" นายจตุพรกล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะมีการเลื่อนการเลือกตั้ง ขณะนี้พรรคการเมืองและประชาชนเขารอการเลือกตั้ง กกต.จะอ้างพิมพ์บัตรไม่ทันไม่ได้ ใครเป็นคนสร้างปัญหานี้ให้ยุ่งยาก จากเดิมที่ใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศก็มาเปลี่ยนเป็น 350 เบอร์ คนคิดโกงการเลือกตั้งเท่านั้นที่คิดกติกาออกมาแบบนี้ได้ ตอนที่ กกต.ประชุมร่วมกับพรรคการเมืองมีการเสนอให้ใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศก็ไม่ดำเนินการ ทีเรื่องเขตเลือกตั้งดันเอามาตรา 44 มาใช้ แต่เรื่องนี้กลับไม่ใช้ ที่ไม่ใช้มาตรา 44 อาจเป็นเพราะต้องการให้พรรคที่คิดสืบทอดอำนาจได้ประโยชน์หรือไม่
นายวิทยา อินาลา หัวหน้าพรรคเพื่อคนไทย กล่าวว่า แม้ว่าการเลื่อนออกไปอีกหนึ่งเดือนจะยังอยู่ในเกณฑ์ตามกรอบรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนหน้านี้รัฐบาลรวมถึง กกต.ได้สื่อให้คนไทยและคนทั้งโลกได้รับรู้แล้วว่าจะมีการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.62 แต่อยู่ๆ กลับจะมาเลื่อนซึ่งจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลและองค์กรอิสระอย่าง กกต. จะมาบอกว่าพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่ทันไม่ได้ ก็ต้องทำให้ทัน ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จัด 3 อันดับที่สุด "กฎเกณฑ์การเลือกตั้ง" ที่เป็นข่าวในช่วง 2561 ระบุว่า อันดับ 3 เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งไม่มีสัญลักษณ์พรรคและชื่อพรรค, อันดับ 2 เกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบพิสดาร ยกตัวอย่าง จังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมืองเพียงอำเภอเดียว ถูกแบ่งออกเป็นถึง 4 เขต หรือจังหวัดสุโขทัย แบ่งเขตเลือกตั้ง แบบโยงกันเป็นเส้น ข้ามกันไปข้ามกันมา, อันดับ 1 เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมระดมทุน ยุคนี้เป็นยุคที่เราบอกว่าเป็นไทยแลนด์ 4.0 แต่ปรากฏว่าการขายสินค้าที่ระลึกของพรรคการเมืองเพื่อระดมทุน ขายสินค้าที่ระลึกทางออนไลน์ไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ เพราะหลังจากที่พรรค พปชร.ประกาศอยากที่จะเปิดระดมทุนโดยการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน ซึ่งเขาสามารถระดมทุนได้ 650 ล้านบาท พอพรรค พปชร.ตัดสินใจจะระดมทุน คสช.ก็ปลดล็อกให้พอดี
เพ้อบึ้ม! สงขลาเลื่อนเลือกตั้ง
น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์ข้อความว่า ยืนยันว่า กกต.ต้องผลักดันเรื่อง "พรรคเดียว เบอร์เดียว" การลดความสับสนและอำนวยความสะดวกผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน เป็นหนึ่งในหัวใจในการจัดการเลือกตั้ง ส่วนเหตุใดจึงอยากเลื่อนเลือกตั้ง ตนเคยพูดแล้วถึงผลโพลล่าสุดที่พรรคพปชร.พุ่งลงเป็นแนวดิ่ง หลังจากมีความพยายามทำลายนักเคลื่อนไหวและปล่อยข่าวต่อเนื่องผ่านงาน IO อีกชิ้นแยกกันที่เน้นป้ายสี "กลุ่มเคลื่อนไหวหลัก" ที่เป็นแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ว่านี่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการ "เลื่อน หรือล้มการเลือกตั้ง" เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นต่อมาที่สงขลาส่งเสริมข้อสันนิษฐานนี้
ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า พรรค พปชร.มีความพร้อมในการเลือกตั้งตามกำหนดเวลา หรือโรดแมปที่ กกต.เป็นผู้กำหนด และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งออกมาแล้ว ทางพรรคก็พร้อมที่จะเปิดนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดยจะครอบคลุมทุกมิติของสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการเมือง จะเน้นการสร้างโอกาสให้กับคนทุกกลุ่ม และลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีสวัสดิการที่ทำให้คนไทยทุกคนมีความมั่นคงตลอดทุกช่วงวัย และเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองกังวลเรื่องที่ กกต.จะมอบหมายให้ท้องถิ่นเป็นผู้จัดสถานที่ในการติดป้ายหาเสียง รวมถึงการจัดเวทีปราศรัยจะทำได้ไม่ครอบคลุมว่า คิดว่าสามารถทำได้ครอบคลุม เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีกระจายงานกันออกไป โดยให้แต่ละพื้นที่รับผิดชอบงานของตัวเอง ซึ่งภาระงานตรงนั้นก็ไม่ได้มากนัก ก็น่าจะสนับสนุนได้ สิ่งที่กังวลคือการจะต้องทำให้อยู่ในกรอบกฎหมาย อย่าให้เกิดความเหลื่อมล้ำ หรือเกิดความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรม รวมไปถึงการไปให้คุณให้โทษกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ได้กำชับข้าราชการทุกฝ่ายแล้วว่าให้วางตัวเป็นกลาง เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย หากประชาชนรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทำตัวไม่ดี จะทำให้การเลือกตั้งไม่เรียบร้อย ซึ่งเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานเกิดความเรียบร้อย
ที่ห้องประชุมโรงแรมนานาบุรี อ.เมืองฯ จ.ชุมพร นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรค ปชป. และอดีตแกนนำ กปปส. แถลงเปิดใจหลังถูกกรรมการบริหารพรรค ปชป.กดดันจะไม่ให้ลงสมัคร ส.ส.เขต 1 ชุมพร จากกรณีความขัดแย้งเลือกหัวหน้าพรรคที่ผ่านมา เนื่องจากนายชุมพลเป็นแกนนำ กปปส.ที่มีความสนิทกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่หนุนนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ลงชิงหัวหน้าพรรคกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีนายวิชัย สุดสวาท ประธานสาขาพรรค ปชป. เขต 1, นายกฤษฎ์ แก้วรักษ์ ประธานชมรมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ชุมพร, นายศรีชัย วีรนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร พร้อมแกนนำและสมาชิกพรรค ปชป. กว่า 1,000 คน นำพวงมาลัยและดอกกุหลาบแดงมาร่วมให้กำลังใจอย่างล้นหลามจนแน่นห้องประชุม
ก่อนที่นายชุมพล จุลใส หรือ “ลูกหมี” จะเปิดใจ นายวิชัย และนายกฤษฎ์ และสมาชิก ปชป. ได้ขึ้นกล่าวกับผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ว่า หาก ปชป.ไม่ฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ และมีความลำเอียง ใช้อำนาจพรรค 2 มาตรฐาน ไม่ให้นายชุมพลลงสมัครรับเลือกตั้งสังกัดปชป.พวกเราทุกคนก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน ลูกหมี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม และพร้อมที่จะสอนบทเรียนให้กับ ปชป.ว่า ภาคใต้ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ และพวกเราจะชูลูกหมีเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งภาคใต้ในครั้งนี้ด้วย
"ลูกหมี"โอด"นิพิฏฐ์"บีบ
ด้านนายชุมพลเปิดใจว่า ตนอยู่กับ ปชป.และยึดมั่นในอุดมการณ์พรรค ไม่เคยคิดจะลาออก แม้ที่ผ่านมานายสุเทพจะมาชวนตนไปอยู่กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ตนก็ไม่ไป แต่ปรากฏว่านายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ซึ่งดูแลผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ ได้เรียกตนเข้าพบ และบอกว่าตนนั้นมีเรื่องร้องเรียนหลายเรื่อง และไม่มีความชัดเจน และขอให้ตนไปเจรจากับนายสุพล จุลใส หรือ “ลูกช้าง” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชุมพร ซึ่งเป็นพี่ชายตนที่ลงสมัคร ส.ส.เขต 3 พรรค รปช. เพื่อไม่ให้ลงสมัครในครั้งนี้ มิฉะนั้น กก.บห.จะไม่ให้ตนลงสมัคร ส.ส.สังกัด ปชป.ที่ชุมพร โดยกำหนดให้ตนต้องมีคำตอบภายในวันที่ 2 ม.ค.2562 นี้ ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับตน เพราะตนไม่สามารถไปบังคับพี่ชายตนได้
"ขอยกตัวอย่างว่ามีผู้สมัคร ส.ส.หลายจังหวัดที่เป็นสามีภรรยากัน เป็นพี่น้องกัน ลงสมัคร ส.ส.สังกัดคนละพรรค ก็มีให้เห็นกันอยู่ เพราะเป็นสิทธิของแต่ละคนที่ต้องเคารพการตัดสินใจกัน หรือแม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อยู่คนละขั้วพรรคการเมืองที่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ก็ยังอยู่กันได้ แล้วทำไมกับผม จึงต้องมากดดันกันด้วย ขอบอกกับผู้สนับสนุนทุกคน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากผมได้รับคำตอบในวันที่ 2 ม.ค.ไปแล้ว ผมก็จะไม่ขอลาออกจากปชป.อย่างแน่นอน ส่วนผมจะได้เป็น ส.ส.หรือไม่เป็นนั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นั้นสำคัญกว่า ใครจะมาบังคับเราไม่ได้" นายชุมพลกล่าว
ขณะที่นายนิพิฏฐ์กล่าวชี้แจงว่า พรรคไม่อยากให้พี่น้องลงสมัครคนละพรรค แล้วมาแข่งกันเอง เพราะนายสุพล พี่ชายนายชุมพลไปลงสมัครในนาม รปช. เพราะเราคิดว่าถ้าสามารถตกลงกันได้ในครอบครัวเดียวกัน แต่ถ้าลงตกกันไม่ก็ได้อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งในกรณีของนายชุมพล สามารถขอร้องพี่ชายไม่ให้ลงแข่งกับ ปชป.ได้ และตนก็เคยคุยกับนายสุพลในเรื่องนี้แล้ว ซึ่งนายสุพลบอกว่าแล้วแต่นายชุมพล แม้ตนจะเป็นพี่ชาย แต่ในทางการเมืองต้องยกให้นายชุมพล เมื่อมาถึงวันนี้นายชุมพลคุยกับพี่ไม่ได้ เพราะพี่ชายตัดสินในลงสมัครพรรค รปช. ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ดังนั้นกรณีนี้พรรคก็ต้องพิจารณาว่าจะส่งนายชุมพลลงสมัครส.ส.หรือไม่ แล้วแต่กรรมการบริหารจะว่าอย่างไร หากนายชุมพลลงสมัครไม่ได้ พรรคก็ต้องส่งคนอื่นลงแทน
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงนโยบาย ปชป.ที่จะใช้ชูธงการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ว่า พรรคจะเริ่มทยอยออกมาเสนอต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยนโยบายส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่อยู่ในใจประชาชน ทั้งเรื่องปากท้อง คอร์รัปชัน ส่วนบริหารประเทศของรัฐบาล คสช. เป็นนโยบายซ้ำเติมปัญหา "รวยกระจุก จนกระจาย" หรือแม้กระทั่งการจะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่อุตส่าห์ให้เงินผู้มีรายได้น้อยแล้ว แต่ก็ห้ามไม่ให้ซื้อของจากผู้มีรายได้น้อยด้วยกัน ทำให้คนขายของประสบปัญหาหนักเข้าไปอีก อยู่ดีๆ ก็ทุ่มเงินให้คนจำนวน 14 ล้านคน เพื่อให้เงินไปกองอยู่ที่ร้านประชารัฐเหมือนเดิม ซึ่งในแง่การกระตุ้นเศรษฐกิจถือว่าการทำลักษณะนี้ไม่ค่อยฉลาด และในแง่การลดความเหลื่อมล้ำก็แย่เข้าไปใหญ่ เราจะไม่บังคับให้เขาซื้อของจากร้านประชารัฐอีกต่อไป หากผู้ยากไร้อุดหนุนกับผู้ยากไร้ด้วยกันเอง ก็จะสร้างรายได้ให้กับคนจำนวนมาก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวถึงแนวคิด “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” ว่า เป็นการทำสิ่งที่มีอยู่แล้วให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน กฎหมายในปัจจุบันสุดท้ายไปจบที่คำว่าดุลยพินิจของหน่วยงานรัฐที่เป็นต้นตอของการทุจริตการเล่นพรรคเล่นพวก เลือกที่รักมักที่ชัง ขณะเดียวกันเมื่อเพิ่มอำนาจประชาชนแล้ว ประชาชนก็ต้องให้สัญญาว่าจะต้องทำตามกฎหมาย หากฝ่าฝืนก็ต้องเจอบทลงโทษที่รุนแรง เหมือนพบกันครึ่งทาง ฝ่ายรัฐที่เข้มอยู่ทำให้ถูกบ่นตำหนิถูกแสดงความไม่พอใจ ก็ต้องลดถอยลงมา ฝ่ายประชาชนที่ยังขาดอยู่ ก็ต้องไปถึงจุดที่ได้รับความสะดวกสบายรวดเร็ว ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ประชาชนก็จะกินดี อยู่ดี มีรายได้ ไม่ขัดแย้งต่อต้านกัน หรือเรียกร้องจากรัฐ
ที่ จ.กาญจนบุรี ช่วงค่ำวันพฤหัสบดี นายจตุพร กล่าวระหว่างเป็นวิทยากรให้สถาบันพัฒนาการเมืองพรรคเพื่อชาติว่า พรรคเพื่อชาติมีภารกิจที่มากกว่าชัยชนะอย่างเดียว นั่นคือแนวทางการแก้ไขปัญหาชาติ ซึ่งในแต่ละพื้นที่อาจจะมีความแตกต่างกัน และตลอดระยะเวลา 5 ปีมานี้ พี่น้องทุกภาคพูดตรงกันคือ จนเหมือนกันทุกภาค ตนขอบอกว่าถ้าอยากจะหายจนให้เลือกพรรคเพื่อชาติ
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า กรณีที่พรรค พปชร.นำนโยบายของรัฐบาลมากำหนดเป็นเนื้อหาและทำเป็นป้ายหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย ของพรรค พปชร. ทำให้เห็นความชัดเจนในการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน การจัดทำนโยบายลดแลกแจกแถมอย่างมโหฬารในเวลานี้ เป็นการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินและเงินภาษีของประชาชนหลายแสนล้านบาท โดยอ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในทางปฏิบัติรัฐบาลมีเจตนาเพื่อต้องการเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของเผด็จการหรือไม่
"การใช้อำนาจรัฐทุกวิถีทางในการเอาเปรียบพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลและพรรคการเมืองที่สนับสนุนเผด็จการ ดูจะไม่ลดน้อยถอยลงเลย ตรงกันข้าม กลับมากขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่ว่าจะเป็นการแจกของผ่านข้าราชการโดยมีผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐร่วมด้วย หน้าที่อย่างหนึ่งของพรรคการเมืองคือ เสนอตัวเป็นตัวแทนประชาชนรวบรวมความต้องการของประชาชน เพื่อกำหนดเป็นนโยบาย และแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ฝากถึงพรรคพลังประชารัฐ ที่อิงแอบอำนาจรัฐและขาดความสร้างสรรค์เชิงนโยบาย ใช้รัฐราชการเป็นเครื่องมือ ถ้าประชาชนไม่ตื่นตัวรวมพลังต่อต้านเผด็จการ เท่ากับรัฐบาล คสช.จะสามารถสืบทอดอำนาจได้ไปอีกนาน และประเทศชาติก็จะตกอยู่ในสภาวะที่ทุกคนกำลังประสบอยู่ในเวลานี้ ดังนั้น วันที่ 24 ก.พ.2562 เป็นการเลือกข้างอย่างชัดเจนระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย" น.ส.อรุณีกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |