พรุ่งนี้ 'ไทยจะไม่เหมือนเดิม'


เพิ่มเพื่อน    

      และแล้ว......

                "ปลายซอย" ก็ซมซานมาถึง "ปลายสุด" ของปี-อีกปี จนได้

                สำหรับผม

                เป็นปลายสุดปี ค่อนทางเหงา

                คนอื่นๆ เหมือนผีเสื้อ ขยับปีกสวยร่อนไปรอรับแสงสีอรุณใหม่ที่ไหนต่อที่ไหน จนรู้สึกว่าตัวเองถูกทิ้ง

                ก็ดีนะ......

                แส้แห่งกาลเวลาโบย มันสอนให้รู้ว่า ช่วงเวลา "ดีที่สุดของชีวิต" คือ ช่วงได้อยู่กับตัวเอง

                การ "เห็นตัวเอง" เท่ากับเห็น "โลกทั้งใบ"!

                นั่งๆ แล้วนึก ผมก็เหมือนเต่ามะเฟือง ที่ขึ้นมาวางไข่ชายหาดแถวพังงา

                ฝากชีวิตใหม่ลงในหลุมทรายแล้ว เส้นทางที่ต้องไป คือ ฟ้ากว้าง-ทะเลใหญ่ ว้างเวิ้งข้างหน้า

                กระดืบพากระดอง โยกเยกไปทีละครึ่งคืบ

                อีกแค่ศอก นั่น....ทะเล

                แต่ดูมันไกลเหลือเกิน......

                "สำหรับเต่า" ผู้มีอัตราเร่งเป็นหน่วยเซ็นต์

                ระลอกคลื่นเคลียหาดกวักมือเรียกไหวๆ คลานดุ่มเดียวดาย ให้คลื่นขยอกค่อยๆ จมหาย ไปสู่ ณ ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ

                ........ลิบๆ ทะเล!

                เต่าไปไหนไม่รู้?

                ก็เหมือนคน ในที่สุด ต่างล้มหายตายจาก จากกันไปทางไหนต่อทางไหนก็ไม่รู้

                "เต่า" หายไป แต่หาดทรายคงอยู่

                ก็เช่นนั้น......

                "คนหาย" แต่แผ่นดินในความเป็นประเทศชาติ ยังไงๆ ก็ยัง "คงอยู่"

                ถ้าหาดคงสมบูรณ์ ปีหน้า เต่าก็อาจจะกลับมาวางไข่อีก

                และนั่น......

                ประเทศชาติยังดำรงอยู่ ชาติหน้าและชาติไหนๆ ด้วยสัจจะและดวงใจซื่อ ต้องกลับมาถือกำเนิดในแผ่นดินนี้อีก

                ทุกอย่าง "ที่มี-ที่เป็น" ไม่มีอะไรบังเอิญ

                ล้วนมีเหตุปัจจัยนำไปสู่ให้ "ต้องมี-ต้องเป็น" อย่างนั้นทั้งสิ้น ทั้งที่ต้องการและไม่ต้องการ

                แผ่นดินไทย เป็นแผ่นดิน "บัวบานเบิกอรุณ"

                เหตุนั้น ธรรมนำบุคคลสู่ภาวะ "ผู้พ้นโลก" ผู้มีปัญญาจะหยั่งถึงได้ในแผ่นดินนี้

                ไทยจึงเป็น "ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก"!

                ด้วยประจักษ์นั้น เป็นสิ่งยันในข้อว่า "ทุกอย่างในโลก" มี "กรรมกุศลและอกุศลกรรม" เป็นตัวกำหนด

                ดังนั้น จึงไม่มีอะไรในความหมายว่า "บังเอิญ"

                สุวรรณภูมิบนความเป็น "แผนที่ธรรม" กำหนดให้แผ่นดินไทย เป็นผืนนาโลก         

                ด้วยกำหนดนั้น.........

                ชนหมู่เหล่าสุปฏิปันโน ผู้มีมโนธาตุ "มุ่งสู่พุทธภูมิ" คือ "ข้าวกล้าพันธุ์ดี" ปรากฏเป็นอริยบุคคลที่แผ่นดินนี้

                ผมใคร่ครวญเช่นนั้น

                ท่านใดมีรากฐานจะบอกลายแทงประเทศในทางถูก ผมถือเป็นวาสนาที่จะได้รับ

                จากกล่าวนำนั้น นำไปสู่ประเด็นว่า เพราะเหตุนั้น บนแผ่นดินบัวบานเบิกอรุณนี้

                ใช่ว่า "ใครจะเกิด-ก็ได้เกิด, ใครจะอยู่-ก็ได้อยู่" ซึ่งมันไม่ง่ายดังเข้าใจ     

                กับ "การเกิด"......

                อาจจะได้ในวังวนเวียนว่าย บนความเป็นสถานที่ประกอบด้วยบุญวาสนาสมพงศ์ "แห่งบิดา-มารดา" ตน

                แต่ "การอยู่" นั้น

                แผ่นดินแห่งนี้ เป็นเนื้อนาของผู้ปรารถนาพุทธภูมิดังว่า

                ฉะนั้น.......

                คนมักได้ คนมุ่งประโยชน์ตน คนไม่มีเมตตา คนจิตไร้ยางทางช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น คนมุ่งร้ายต่อแผ่นดิน คือผู้ไม่มี "มโนธาตุ"

                เกิดได้.......

                แต่จะเป็นบุคคลจำพวก "ไม่งอก" ในทาน, ศีล และภาวนา

                ถ้าไม่ถูก "ตัดรอน" ก่อนวัย

                ก็จะมีเหตุปัจจัย ร่านทุรน..อยู่ไม่ได้ ต้องเร่ร่อนเตลิดไร้ทิศ เหมือนบุคคลผู้แบกกังหันไฟนรกบนหัว

                ใจ "หมกไหม้" ในกายที่ดูเหมือนสุข

                ต่อให้ขุดอุโมงค์ลงไปอยู่ใต้บาดาล ไปสร้างวิมานอยู่บนเขาไกรลาส

                ตลอด "สุริยันส่องฟ้า-จันทราส่องดิน"

                มนุษย์ผู้สันดานไร้ "มโนธาตุ" จะร่าน-ร้อน-ทุรน-ทนในทุกข์

                เมื่อถึงภาวะ "สิ้นบุญเกิด" จะมีเหตุต้องทุรน-ทุราย อยู่ที่ไหน ก็เหมือนมีแต่ไฟสุม

                เข้าสู่ภาวะ "ตกนรกทั้งเป็น"

                รับผลกรรมหยาบช้า "หน้าชื่น-อกตรม" อยู่ลำบาก-ยากตาย กระเสือก-กระสน ด้วยพลังงานสุดท้ายที่เรียก "บุญก้นถัง"

                ไม่เที่ยง คือสรรพสิ่ง

                เที่ยง คือ สัจธรรม........

                "ทุกคน ทำกรรมอะไรไว้ ไม่ว่าบุญหรือบาป ย่อมต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป"

                "กรรม" เป็น "เข็มทิศ" ทั้งชี้-ทั้งกำหนดชีวิต ให้ทุกคนต้องเป็นเช่นนั้น กรรมไม่ใช่สินค้า ฉะนั้น ใครก็อย่าหมายต่อรอง!

                ในรอบปีที่กำลังจะผ่าน

                คำว่า "เศรษฐกิจไม่ดี..ค้าขายไม่ดี..จน" เป็นอุปาทานหมู่การเมืองอุปโลกน์เป็นการบ้านหลอก ช่วงหัวเลี้ยวยุค "สังคมโลกเปลี่ยน"

                ลองสำรวจตัวเองซิ ในภาวะ "เปลี่ยนทั้งโลก" ซึ่งไม่ใช่แค่สังคมประเทศ

                "ตัวเราล่ะ?"

                "เปลี่ยน" ในลักษณะ "หมุนตาม" ด้วยสติรู้ทันกันหรือยัง?

                ถ้ายัง "หลงติด" อยู่กับวิถีเดิมๆ

                คิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม พูดเหมือนเดิม ค้าขายแบบเดิมๆ ทำมาหากินแบบเดิมๆ

                ขณะที่คนอื่นหมุนตาม "โลกเปลี่ยน" แต่เรายังกอดโลกใบเดิม ไม่ยอมปรับเปลี่ยน

                แบบนั้น คำว่า "เศรษฐกิจไม่ดี..ค้าขายไม่ดี..จน" ก็จะเป็นของเราไปตลอด!

                ประเทศสหรัฐอเมริกา มีทองระดับ ๘,๐๐๐ กว่าตัน ว่ามากที่สุดในโลก

                ไม่อยากคุย แต่จะบอกว่า.........

                ประเทศไทยเรา แค่พระพุทธรูปทองคำ "พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร" ที่วัดไตรมิตร องค์เดียว

                ก็ "ใหญ่ที่สุดในโลก" แล้ว!

                พูดก็จะว่าคุย ประเทศไทย ยังมี "พระพุทธรูปทองคำ" อีก เป็นพัน-เป็นหมื่นองค์

                ไม่แค่ "พระพุทธรูปทองคำ"

                ขนาด "ภูเขาทอง" ทั้งลูก เราก็มี ที่วัดสระเกศนั่นไง!

                ลูกเดียวถ้าเกี่ยงว่ายังน้อย ก็จะบอก ประเทศไทยมีภูเขาทองไม่ต่ำกว่า ๑๐ ลูก เช่น

                สุวรรณบรรพต ที่เชียงใหม่

                สุวรรณบรรพต ที่ระยอง

                สุวรรณบรรพต ที่ขนอม นครศรีฯ

                สุวรรณบรรพต ที่อุทัยธานี

                สุวรรณบรรพต ที่สระบุรี และ ฯลฯ

                ยังไม่นับ สถูป เจดีย์ทองคำ อีกมากมาย เช่น พระบรมธาตุเจดีย์ดอยสุเทพ เชียงใหม่ พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีฯ พระธาตุลำปางหลวง ลำปาง เป็นต้น

                ใครอยู่ถิ่นไหน-เมืองไหน ลองสำรวจบ้านตัวเองดู จะพบว่า

                ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก-อีสาน-กลาง-กรุงเทพฯ รวมเรียก "บ้านเมืองไทยเรา"

                เฉพาะมูลค่า "สมบัติวัด" อย่างเดียว ทั้งใหม่และเก่า มากกว่า "จีดีพีประเทศ" บางประเทศด้วยซ้ำ!

                วันนี้ เป็นวันสุดท้ายปี ๒๕๖๑ มีลางบ่งบอก ประเทศไทยเข้าสู่ยุค "เงาะถอดรูป"

                ผ่านข่าว.......

                ปตท.สผ. "PTTEP" บริษัทสำรวจผลิตปิโตรเลียม "ใหญ่ระดับโลก" ของไทย

                สร้างปรากฏการณ์ "มินิช็อก" คืออ่าวไทยมีแหล่งก๊าซ ๒ แห่ง "บงกช-เอราวัณ"

                ปตท.สผ.แบรนด์ของคนไทย "ชนะประมูล" ทั้งสองแห่ง ครองเป็นเจ้าแหล่งก๊าซในอ่าวไทยผู้เดียว

                ทองคำบนบก เห็นปรากฏดังกล่าวแล้ว อยากบอกว่า ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่

                จากพรุ่งนี้  ขึ้น "ปีหน้า-ฟ้าเดิม" พ.ศ.๒๕๖๒ เรื่อยไป

                ไทยอาจพบแหล่ง "ทองคำใต้น้ำ" คือแหล่งพลังงานในอ่าวไทย ไม่คาด-ไม่ฝัน "เป็นไปได้สูง"

                ชนิด "ตะลึงโลก"...........

                เพราะมหาศาลเกินคาด!

                และนั่น จะพลิกสถานะประเทศ เพราะ "ฟ้าเปิดแล้ว" สำหรับคนไทย

                เอาละครับ ในวาระ "ส่งท้ายปีเก่า" พวกเราคนไทย พอกันที กับการเป็นน้ำสะอาด "ถูกใช้" ไปล้างโสโครกให้คนเลว

                คนเลว "สบายตัว"

                แต่น้ำสะอาดกลับต้อง "ขุ่นตม" มานานแล้ว!

                อดีต คือที่ผ่านไป ปัจจุบัน คือชีวิตจริง ทำปัจจุบันให้ดีแล้ว "อนาคต" อันเป็นผลของปัจจุบัน ต้องดี "ล้านเปอร์เซ็นต์"

                ลืมไปซะ..อดีต แล้วทำความเข้าใจ ว่า

                เวลาคนไทยป่วย "ต้องการเลือด" ประกาศขอรับบริจาคเลือด

                เลือดชาติไหน-ใครอื่น ก็ "ช่วยไม่ได้"

                ต้อง "เลือดคนไทย" ด้วยกันเท่านั้น

                เลือดไทยกับเลือดไทย จึงจะผสมเข้ากัน "ช่วยชีวิต" ไทยด้วยกันได้!

                ชัดแจ้งอย่างนี้ แล้วเราจะให้คนกาลีปั่นหัว "แบ่งสี-แบ่งข้าง" ตบตีกันไปตลอดชาติ เพื่ออะไร?

                สมัครสมาน "ไทย-เลือดหยดเดียวกัน" ให้มากเข้าไว้ เชื่อเถอะ อนาคตอันใกล้ 

                ค่อนปลายปี ๒๕๖๒ นี้ เป็นต้นไป

                โลกใบนี้.........

                "เป็นของเราและประเทศไทยเรา" แน่นอน!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"