30 ธ.ค. 2561 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ที่จะใช้ชูธงการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ว่า พรรคจะเริ่มทยอยออกมาเสนอต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยนโยบายส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่อยู่ในใจประชาชน ทั้งเรื่องปากท้อง คอร์รัปชั่น อย่างไรก็ตามคิดว่าประชาชนอยากเห็น 3 อย่างคือ 1.ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจดีขึ้น และหวังว่าจะยั่งยืน และลดความเหลื่อมล้ำ 2. ไม่อยากเห็นบ้านเมืองเป็นวัฎจักรวนเวียน ทุจริต ปฏิวัติ และเลือกตั้ง และ3. เรื่องคุณภาพชีวิตที่จะทำให้ชีวิตของประชาชนตลอดจนลูกหลานดีขึ้นกว่าปัจจุบัน ดังนั้นหลักการเหล่านี้จะอยู่ในนโยบายของพรรคที่ได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เช่น การปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น การสาธารณสุข การศึกษา เช่น คืนครูให้กับนักเรียนและเรื่องอื่นๆ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่พรรคได้ทยอยปล่อยนโยบายออกไปบ้างแล้วนั้นก็ได้รับความสนใจเสียงตอบรับจากประชาชนพอสมควร เช่น การดูแลเด็กเล็ก ขนาดนายกรัฐมนตรียังให้ความสนใจวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพรรคมีความจริงจังที่จะทำสิ่งใหม่ๆ ส่วนเรื่องปากท้องเรายังชูมาตรการประกันรายได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีประชาชนได้ประโยชน์ และมองว่าเป็นมาตรการที่สร้างความอุ่นใจและมั่นคงให้ชีวิตได้ โดยรอบนี้เราจะขยายครอบคลุมถึงกลุ่มทำงาน และกลุ่มผู้ใช้แรงงานด้วย ถือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องปากท้อง
“นโยบายทั้งหมดสามารถจับต้องได้เป็นรูปธรรม เพราะที่ผ่านมาแม้ใครจะเว้นวรรคทางการเมือง แต่ผมเดินทางไปพบกับกลุ่มต่างๆตลอดเวลา5 ปี ศึกษาปัญหาประชาชนไม่เคยหยุด ผมว่าเราพร้อมจริงๆ เราไม่ได้เพิ่งจะมาสนใจปัญหาเหล่านี้ในตอนเลือกตั้ง ปัญหาในแต่ละกลุ่มอย่างเรื่องประมงที่เจอปัญหาด้านกฎหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยรัฐบาลยอมจำนนกับต่างชาติอย่างง่ายดาย เราติดตามปัญหาทุกเรื่องอย่างต่อเนื่องและมั่นใจว่าเรามีทางออกให้กับประชาชน อีกทั้งทั้งมั่นใจว่าจะสามารถทำงานแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว” หัวหน้าพรรคปชป. กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลคสช.ที่ทำให้เกิดปัญหา ”รวยกระจุก จนกระจาย” ว่า ต้องให้ความเป็นธรรมก่อนว่าปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะระบบทุนนิยม และกลไกบางอย่างมีปัญหามากขึ้น อีกทั้งยังมีปัจจัยหลายอย่างมาซ้ำเติม แต่รัฐบาลนี้เหมือนจะไม่เข้าใจสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังพึ่งมากลไกธุรกิจใหญ่ในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้แนวความคิดประชารัฐจึงทำให้รัฐบาลได้แต่มุมมองของธุรกิจขนาดใหญ่ และสุดท้ายนโยบายหลายเรื่องจะเจตนาหรือไม่ ไม่ทราบ แต่นโยบายซ้ำเติมปัญหา”รวยกระจุก จนกระจาย” หรือแม้กระทั้งการจะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่อุตส่าห์ให้เงินผู้มีรายได้น้อยแล้ว แต่ก็ห้ามไม่ให้ซื้อของจากผู้มีรายได้น้อยด้วยกัน ทำให้คนขายของประสพปัญหาหนักเข้าไปอีก เรื่องนี้ตนพูดมาเป็นปีจนทำให้รัฐบาลแก้ให้เงินผู้มีรายได้น้อยเป็นเงินสด เชื่อว่าหลังจากนี้ก็จะกลับเข้าสู่สภาพเดิมที่อยู่ดีๆก็ทุ่มเงินให้คนจำนวน 14 ล้านคน เพื่อให้เงินไปกองอยู่ที่ร้านประชารัฐเหมือนเดิม ซึ่งในแง่การกระตุ้นเศรษฐกิจถือว่าการทำลักษณะนี้ไม่ค่อยฉลาด และในแง่การลดความเหลื่อมล้ำก็แย่เข้าไปใหญ่
“โครงการนี้ถ้าอยู่ในมือประชาธิปัตย์ เราจะช่วยผู้มีรายได้น้อยได้มากกว่านี้โดยใช้เงินเท่าเดิม ซึ่งเรามีนโยบายระบบประกันรายได้อยู่แล้ว” นายอภิสิทธิ์ ระบุ
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังทำโครงการลักษณะแบบนี้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวนี้ก็จะเป็นตัวหนึ่งที่มีไว้สำหรับผู้ยากไร้ เพียงแต่ว่าเราจะไม่บังคับให้เขาซื้อของจากร้านประชารัฐอีกต่อไป หากผู้ยากไร้อุดหนุนกับผู้ยากไร้ด้วยกันเองก็จะสร้างรายได้ให้กับคนจำนวนมาก
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |