ส.ค.ส.2562


เพิ่มเพื่อน    

                                                   (1)

                เคยตั้งท่า-ตั้งใจ...เอาไว้หลายต่อหลายปีมาแล้ว แม้กระทั่งปีนี้ ว่าในช่วงระยะ ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ จะต้องหาทางส่งความสุข ความปรารถนาดี ให้กับบรรดาท่านผู้อ่าน ไทยโพสต์ ด้วยการรจนาบทกลอน บทกวี ชนิดเอาให้ซาบซึ้ง ดื่มด่ำ อ่านเสร็จต้องสลบไสลไปเพราะความสุข ประมาณ 3 วัน 8 วัน เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                      (2)

                แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าปีไหนต่อปีไหน รวมถึงปีนี้ พอเริ่มจะขยับๆ ก็รู้สึกตัวเองได้ไม่ยากว่า ต่อม อะไรบางอย่าง ที่มันเคยทำหน้าที่ผลิตถ้อยคำประเภทสละสลวย สวยเก๋ ทั้งหลาย มันหดหาย หรือมัน ฝ่อ ไปจากตัวตนของตนลงไปนานแล้ว อาจด้วยเหตุเพราะไม่ได้เขียน ไม่ได้ใช้มันอย่างสม่ำเสมอ เหมือนอย่างอภิมหากวีรัตนโกสินทร์ น้าเนาว์ (เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์) ของเราเอง อย่าง เฉินซัน หรือคุณน้า ปรง เจ้าพระยา ฯลฯ ต่อให้นั่งคิด นั่งตั้งท่า มาเป็นปีๆ สุดท้าย...ก็ดัน เขียนไม่ออก ซะยังงั้น...

                                                     (3)

                ว่าไปแล้ว...การเขียนอะไรต่อมิอะไร ไม่ว่าบทกลอน บทกวี เรื่องสั้น นิยาย บทความ สารคดี ไปจนถึงงานค้นคว้าทางวิชาการ ประเภทหนาเป็นเล่มๆ พ็อกเกตบุ๊ก ฯลฯ มันออกจะเป็นเรื่อง สนุก ไปด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะถ้าหากยังมีเรี่ยวมีแรงพอ ต่อมอะไรต่อมิอะไร รวมไปถึง สมอง ยังไม่ถึงกับฝ่อ ไม่ว่า คุณ หรือ ใคร เขาขอมา...ก็มักพร้อมสนองตอบให้กับเขา อย่างไม่เคยอึกอัก ลังเล เอาเลยแม้แต่น้อย แต่หลังๆ มานี้ มันอาจเป็นไปอย่างที่นักคิด นักปราชญ์ รุ่นก่อนๆ ผู้มีชื่อว่า William Warren เคยสรุปเอาไว้เป็นวาทะนั่นแหละว่า People do not realize how physically exhausting writing is. They think it is sedentary like reading but it is actually hard physical work. หรือใครต่อใครมักเข้าใจผิด ว่าการเขียนหนังสือเป็นงานสบายๆ เหมือนประเภทการนั่งอ่านหนังสืออะไรประมาณนั้น แต่เอาเข้าจริงๆ...กลับเป็นงานที่เสียแรง กินแรง มิใช่น้อย...

                                                    (4)

                แต่ครั้นเมื่อ ต่อม ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ สมอง มันเริ่มออกอาการฝ่อๆ อะไรที่เคยจำได้ นึกได้ มันดันมาติดอยู่ที่ริมฝีปาก ไม่ได้ไหลไปถึงปลายลิ้น โคนลิ้น จะพูด จะเขียน แต่ละที ต้องทวนแล้วทวนเล่า แบบคนแก่ที่เข้าส้วมแล้วเปิดก๊อกน้ำล้างมือ แต่พอออกจากห้องน้ำแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง ดันจำไม่ได้ซะแล้ว ว่าลืมปิดก๊อกหรือไม่ลืมปิดก๊อกกันแน่!!! ด้วยลักษณะอาการเช่นนี้นี่เอง มันเลยต้องใช้เรี่ยว ใช้แรง เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 เท่า หรือ 3 เท่าเป็นอย่างน้อย และด้วยวัยด้วยสังขารอีกนั่นแหละ ที่ย่อมส่งผลให้ แม้อะไรยังคง แข็งๆ แต่สำหรับ แรง แล้ว กลับไม่ค่อยหลงเหลือติดปลายนวมเอาซะดื้อๆ...

                                                     (5)

                อีกทั้งไม่ว่าจะใช้เรี่ยว ใช้แรง พยายามเค้นต่อมต่างๆ เค้นสมองกันไปถึงขั้นไหน ก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า...สิ่งที่เขียนๆ ไปนั้น ออกจะหาคน อ่าน ได้อย่างชนิดยากซ์ซ์ซ์เย็นน์น์น์เต็มที จะด้วยเหตุเพราะผู้คนเค้าอ่านหนังสือวันละ 8 บรรทัด หันไปอ่านไลน์ อ่านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ฯลฯ ไม่มีเวลา หรือไม่มีอารมณ์ความรู้สึกมากพอ ที่จะหันมาอ่านบทกวี เรื่องสั้น นิยาย บทความ สารคดี หนังสือเล่มหนาๆ ว่าด้วยการเมือง เศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ฯลฯ ใดๆ อีกต่อไปแล้ว หรือไม่ อย่างไร ก็ตามที แต่มันก็ส่งผลให้การ ออกแรง ในลักษณะเช่นนี้ ออกจะคล้ายๆ ประเภท ลุงโง่ย้ายภูเขา อะไรประมาณนั้น...

                                                      (6)

                คือไม่ว่าจะโง่ระดับไหน โง่ด้วยสาเหตุอันใด...แต่การค่อยๆ แซะ ค่อยๆ ยกก้อนหินทีละก้อน ออกมาจากภูเขาพระสุเมรุนั้น เรื่องความเหนื่อย-ไม่เหนื่อย คงไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง แต่เฉพาะช่วงระยะเวลาที่จะก่อให้เกิดมรรค เกิดผล ตามที่ยอมโง่ หรือยอม เสียค่าโง่ ไปแล้วนั้น เผลอๆ...อาจพอๆ กับที่เทพยดาองค์ใด องค์หนึ่ง เอาผ้าขาวเนื้อละเอียดมาปัดกวาด ณ ยอดบรรพต ในทุกจำเนียรกาลครบหนึ่งพันปี หรือคงต้องใช้เวลานับเป็น กัปป์ เป็น กัลป์ นั่นแหละ ถึงยอดบรรพตนั้นจะราบเรียบเสมอกัน หรือภูเขาจะถูกย้ายออกไปไหนต่อไหน ตามที่ ลุงโง่ ปรารถนาและต้องการ...

                                                      (7)

                แต่ก็นั่นแหละ...การ เขียน อะไรต่อมิอะไร เอาเข้าจริงๆ แล้ว...คงไม่ได้เพียงเพื่อให้ใครๆ มา อ่าน แต่เพียงเท่านั้น เพราะระหว่างที่เขียนๆ ระหว่างที่ออกเรี่ยว ออกแรง มันคงไม่ต่างอะไรไปจากการออกกำลังกาย การปั่นจักรยาน หรือการวิ่งเพื่อสุขภาพอะไรทำนองนั้น คืออย่างน้อย...ก็พอช่วยให้ต่อมอะไรต่อมิอะไร ไปจนถึงสมอง มันไม่ถึงกับฝ่อ ถึงกับห่อเหี่ยวลงไปง่ายๆ แม้จะไม่เต่งตึง สดใส เหมือนก่อนๆ ดังนั้น...แม้ว่าอาจไม่มีขีดความสามารถพอจะรจนาบทกลอน บทกวี มาอวยพรส่งความสุขปีใหม่ ให้ท่านสลบไสลไปด้วยความซาบซึ้ง ดื่มด่ำ ระดับ 3 วัน 8 วัน แต่ก็ด้วยสังขาร ร่างกาย และจิตวิญญาณ เท่าที่เหลืออยู่ ก็ยังพร้อมที่จะให้คำยืนยันเอาไว้สั้นๆ ว่า ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจารี หรือ ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม ไม่ว่าท่านจะอ่าน-ไม่อ่าน หรืออ่านอะไรก็ตาม แต่ถ้าท่านพร้อมจะก้าวเดินไปใน ครรลองคลองธรรม ก็ขอให้ ธรรมะ ช่วยปกป้อง คุ้มครองให้ท่านประสบกับความสุขอันยั่งยืนไปด้วยพรทั้ง 4 ประการ จัตทาโร ธัมมา วัตทันติ อายุ วรรโณ สุขัง พลัง ด้วยเทอญญ์ญ์...

                         


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"