ทรัมป์ถอนทหารออกจากซีเรีย ปริศนาและข้อวิพากษ์


เพิ่มเพื่อน    

 

     แน่ชัดแล้วว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งถอนทหารอเมริกันภาคพื้นดินทั้งหมดออกจากซีเรีย ประกาศว่าไม่เหลือ ISIS อีกแล้ว ข่าวดังกล่าวสวนทางคำประกาศเมื่อปลายเดือนกันยายนของ John Bolton ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติว่าสหรัฐจะคงกองกำลังในซีเรียตราบเท่าที่กองกำลังฝ่ายอิหร่านอยู่ในประเทศนี้ กังวลอิทธิพลอิหร่านที่กำลังขยายตัวในแถบนี้ โดยเฉพาะที่ซีเรีย

                การประกาศถอนกำลังกลายเป็นปริศนา เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ บทความนี้ตั้งปริศนาหลายข้อพร้อมข้อวิพากษ์ ดังนี้

ปริศนาและข้อวิพากษ์ :

                ประการแรก ปริศนาถ้อยคำของทรัมป์

                ในมุมมองของทรัมป์สหรัฐยังคงต่อต้านอิหร่าน ปกป้องอิสราเอล เพียงแต่ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องคงกองกำลังภาคพื้นดิน การกวาดล้างผู้ก่อการร้ายที่เหลือเป็นหน้าที่ของผู้อื่น ยกเหตุผลเรื่องงบประมาณที่เสียไปโดยใช่เหตุซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนเห็นตรงกันว่าไม่ใช่เหตุผลแท้จริง

                ไม่กี่วันต่อมาประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวขณะเยือนทหารสหรัฐในอิรักว่ายังไม่มีแผนถอนทหารอเมริกันจากอิรัก ย้ำว่าสหรัฐไม่ใช่ตำรวจโลกอีกแล้ว

                ข้อเท็จจริงคืออิรักมีภัยจาก ISIS หลงเหลืออยู่เช่นกัน แต่ทั้งที่อิรักมีรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เป็นรัฐอธิปไตย สหรัฐกลับคงกองกำลังถึง 5,000 นายในประเทศนี้และเป็นเช่นนี้มานานกว่าทศวรรษ ต่างจากที่สั่งถอนทหารออกจากซีเรีย

                ในภาพกว้างขึ้น สหรัฐมีฐานทัพเรือ ฐานทัพอากาศ คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการรบขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในหลายประเทศในภูมิภาค ทั้งยังมีกองเรือที่ 5 ประจำการอยู่ เหล่านี้ใช้งบประมาณมหาศาลมากกว่าทหาร 2,200 นายที่จะถอนออกจากซีเรียมากมาย แสดงอิทธิพลของสหรัฐในภูมิภาคนี้

                ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบประมาณ ปฏิเสธบทบาทตำรวจโลก (มีอิทธิพลครอบงำ) ล้วนเป็น “ความเท็จ” ทั้งสิ้น เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริง ดังนั้นเหตุผลถอนทหารจึงเป็นเรื่องอื่นๆ

                ประการที่ 2 ปริศนาชนะ ISIS กับ ISIS ไม่มีวันตาย        ทันทีที่ทรัมป์ประกาศถอนทหาร รัฐบาลอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสแสดงท่าทีตกใจ ตั้งคำถามว่าทำไมไม่หารือก่อน ISIS ไม่ได้หมดไป ยังเป็นภัยคุกคามต่อซีเรีย

                กระทรวงต่างประเทศเยอรมนีระบุว่า ISIS ถอยร่นแต่ยังเป็นภัยคุกคาม หากสหรัฐถอนกำลังจะส่งผลเสียต่อแผนต่อต้านก่อการร้าย

                ทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศสและอังกฤษต่างร่วมมือกับสหรัฐเข้าร่วมรบต่อต้าน ISIS ตั้งแต่ต้น ปัจจุบันเยอรมนีมีทหารในซีเรียราว 1,200 นาย ฝรั่งเศสกับอังกฤษมีทหารประจำภาคพื้นดินจำนวนหนึ่งเช่นกัน ทั้ง 3 ประเทศยังไม่ประกาศถอนทหาร

                เป็นความจริงที่ ISIS ไม่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงดังเช่นอดีตแต่ไม่ได้หมดไป ข้อเท็จจริงที่พึงเข้าใจคือแท้จริงแล้วสมาชิกส่วนใหญ่คือพลเมืองชาวซีเรียกับอิรัก ในหลายพื้นที่ได้เจรจาให้ผู้ก่อการร้ายที่เป็นชาวซีเรียกับอิรักปลดอาวุธ แลกกับการปล่อยตัวเป็นอิสระ ผู้ก่อการร้ายท้องถิ่นนับพันนับหมื่นจึงสลายตัว เกิดคำถามว่าคนเหล่านี้ที่เคยประกาศตัวว่าเป็นสมาชิก ISIS หรือผู้ก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ มีโอกาสกลับมาจับอาวุธหรือไม่

                ไม่เพียงเท่านั้น หากแม้ไม่มี ISIS ยังมีโอกาสเกิดผู้ก่อการร้ายกลุ่มใหม่ๆ เพราะเป็นของที่ถูกสร้างขึ้น เป็นยี่ห้อที่ถูกตั้งขึ้น ถ้ายึดแนวคิดว่า ISIS หรือผู้ก่อการร้ายหลายกลุ่มมีรัฐอุปถัมภ์ เช่นนั้น การจะคงอยู่หรือไม่ มีฤทธิ์มากหรือน้อยจึงขึ้นกับรัฐเหล่านั้นจะอุปถัมภ์ต่อหรือไม่ ให้การสนับสนุนมากน้อยเพียงไร  นี่คือปริศนาสำคัญที่ต้องติดตามต่อไป

                ประการที่ 3 ปริศนาบทบาทของกองกำลังอเมริกัน

                กองกำลัง 2,200 นายของสหรัฐแม้มีอาวุธครบมือ มีเครื่องบินรบนับร้อย กองเรือรบสนับสนุนเต็มกำลัง แต่กองกำลังดังกล่าวไม่ได้มุ่งรบตัวต่อตัวกับใคร เป็นฝ่ายสนับสนุนมากกว่า เป็นครูสอนกองกำลังต่างๆ ที่สหรัฐสนับสนุน เช่น พวกเคิร์ด ชาวซีเรียที่เป็นซุนนีอาหรับ และกลุ่มอื่นๆ ภายใต้สังกัด Syrian Democratic Forces (SDF) แล้วให้กลุ่มเหล่านี้ออกหน้ารบกับผู้ก่อการร้ายอีกทอด

                ที่น่าสนใจคือสหรัฐเพิ่งส่งกองกำลังดังกล่าวไม่นานนี้เอง หลัง ISIS แตกพ่ายไปแล้ว กองทัพรัฐบาลซีเรียสามารถรุกคืบในหลายพื้นที่ กลุ่มผู้ก่อการร้ายต่างๆ ถอยร่น เหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้คือเป็นเครื่องรับรองความปลอดภัยของ SDF ในพื้นที่ต่างๆ เพราะคงไม่มีชาติใดเสี่ยงโจมตีพื้นที่ๆ มีทหารสหรัฐอยู่

                บัดนี้เมื่อกองกำลังถอนตัว เครื่องประกันความมั่นคงภาคพื้นดินจากอเมริกาจึงหมดไป SDF ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เคิร์ดซีเรียจึงประกาศว่าการถอนทหารบั่นทอนเสถียรภาพ เกิดสุญญากาศทางการเมืองและการทหาร ชี้ว่ารัฐบาลทรัมป์ทรยศพวกตน ปล่อยให้เผชิญหน้ากับกองทัพตุรกีที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา

                ประการที่ 4 ปริศนาข้อตกลงลับระหว่างทรัมป์กับแอร์โดอาน

                หลังโดนวิจารณ์อย่างหนักประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่าตุรกีจะเป็นผู้กวาด ISIS ที่หลงเหลือให้ราบคาบ ด้านนายเรเจพ แอร์โดอาน (Recep Erdogan) ประธานาธิบดีตุรกีกล่าวทำนองนี้เช่นกัน ประกาศส่งกองทัพเข้าซีเรียเพิ่มเติม

                เรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่เป็นประเด็นที่ติดตามต่อได้ มีคำถามว่าตุรกีจะเอาจริงแค่ไหน เป็นเพียงข้ออ้างที่ทรัมป์ใช้หรือไม่

                เป้าหมายของตุรกีอาจเพียงเพื่อได้ส่วนแบ่งดินแดนบางส่วนที่หวังไว้ ได้สกัดอิทธิพลเคิร์ดซีเรียที่เติบใหญ่ขึ้นมากหลังได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ

                ฝ่ายเคิร์ดเห็นว่ารัฐบาลสหรัฐหักหลังตนซึ่งจะจริงหรือไม่ต้องติดตามต่อไป เป็นไปได้ว่าการคงอยู่ของเคิร์ดซีเรียอยู่ในข้อตกลงลับระหว่างทรัมป์กับผู้นำตุรกีแล้ว

                วุฒิสมาชิก Lindsey Graham จากพรรครีพับลิกันกล่าวว่าเป็นการทรยศกองกำลังพันธมิตรเหล่านี้โดยแท้และจะเป็นภัยต่ออเมริกาในที่สุด

                ประการที่ 5 ปริศนากวาดล้าง ISIS หรือแบ่งเขตควบคุม

                แม้ผู้ก่อการร้ายยังเหลืออีกหลายกลุ่ม ISIS ฝังตัวลึกในชุมชน แต่อยู่ในสภาพถูกควบคุมด้วยกองกำลังของหลายประเทศ ไม่อาจพูดว่าปลอดภัยคุกคามแต่ไม่ร้ายแรง ผลประโยชน์สำคัญของนานาประเทศที่เกี่ยวข้องในตอนนี้ข้ามขั้นการล้มรัฐบาลอัสซาด (ไม่สามารถยืมมือผู้ก่อการร้ายล้มอัสซาด) ข้ามขั้นการปราบผู้ก่อการร้ายแล้ว อยู่ในช่วงการสร้างและแบ่งเขตอิทธิพล

                ส่วนอนาคตของซีเรียจะเป็นอย่างไร เป็นสหพันธรัฐหรือไม่ เคิร์ดสามารถปกครองตนเองหรือไม่ (แบบเคิร์ดอิรัก) เหล่านี้ยังเป็นปริศนาไกลตัว ในชั้นนี้คือแบ่งเขตอิทธิพลให้ชัดเจนก่อน เป็นช่วงที่ต่างต้องฉวยเค้กก้อนโต ก้อนสำคัญที่หมายตาไว้

                คงไม่มีใครเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐจะถอนอิทธิพลจากซีเรีย ดังนั้นการถอนทหารควรตีความว่าเป็นการปรับเปลี่ยนวิธี SDF พูดชัดว่าเป็นการเปิดทางให้กองทัพแอร์โดอานโดยเฉพาะในแถบซีเรียเหนือกับตะวันออก ซึ่งปัจจุบันเป็นการแข่งอิทธิพลระหว่างเคิร์ดซีเรีย ซุนนีอาหรับและตุรกีนั่นเอง

                เมื่อปราศจากกองกำลังสหรัฐ การจัดระเบียบ (การแบ่งเขตแดน) ง่ายกว่าเดิมมาก สิ่งที่ SDF ควรทำคือถอนตัวออกจากพื้นที่เป้าหมายของตุรกีอย่างเงียบๆ ไม่มีใครต้องเสียเลือดเนื้อ เป็นที่มาของประโยคที่ว่ารัฐบาลทรัมป์ทรยศเคิร์ด ซุนนีอาหรับและกลุ่มต่างๆ ในสังกัด SDF ที่เป็นกองหน้าปราบปรามผู้ก่อการร้ายให้รัฐบาลอเมริกา

                ถ้ายึดผลประโยชน์ของตุรกี เหตุผลหลักดั้งเดิมคือรัฐบาลตุรกีเป็นห่วงเคิร์ดตุรกีที่ร่วมมือกับเคิร์ดซีเรีย (และเคิร์ดอิรักในบางครั้ง) ประธานาธิบดีแอร์โดกานเห็นว่าเคิร์ดตุรกีคือพวกคิดแบ่งแยกดินแดน การที่รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนเคิร์ดซีเรียทำให้กองกำลังเคิร์ดเข้มแข็งขึ้นมาก จึงต้องปราบปรามไม่ให้เคิร์ดเติบใหญ่ เป็นเหตุที่แอร์โดอานขอเป็นหัวเรือใหญ่ปราบปราม ISIS ที่เหลือ ซึ่งหมายถึงสกัดกั้นเคิร์ดและทรัมป์เห็นดีเห็นงามด้วย

                ประการที่ 6 “คือผลประโยชน์ของพลเมืองอเมริกันหรือ”

                หนึ่งในคำถามที่พูดกันมากคือแล้วที่รัฐบาลทรัมป์เห็นอิหร่านคือศัตรูตัวสำคัญ ต้องปิดล้อม สกัดอิทธิพลอิหร่าน พูดถึงภัยจากกองกำลังสังกัดอิหร่านในซีเรีย การขยายอิทธิพลในซีเรียมักพูดโจมตีอดีตรัฐบาลโอบามาว่าอ่อนแอ เปิดโอกาสให้อิหร่านฟื้นตัว บัดนี้การถอนทหารอเมริกันขัดแย้งกับนโยบายต้านอิหร่านที่ทรัมป์ชอบพูดอยู่เสมอ เป็นแนวทางที่แปลกแยก สวนทางยุทธศาสตร์ดั้งเดิม เป็นนโยบายที่แสดงความอ่อนแอของสหรัฐ ISIS จะกลับมาคุกคามอเมริกาในไม่ช้า

                ถ้ามองให้กว้างขึ้น นโยบายล้มระบอบอัสซาดของโอบามาปฏิบัติการต่อต้าน ISIS ที่ดำเนินต่อเนื่องหลายปี การส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปในซีเรีย ตลอดจนการสั่งถอนทหารของทรัมป์เต็มไปด้วยนโยบายที่ขัดแย้งกันเอง เกิดคำถามว่าแล้วอย่างไรถูกต้อง อย่างไรคือทำเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ

                แม้รัฐบาลโอบามาให้คำอธิบายไม่น้อย มีนโยบายชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอน แต่มีคำถามว่ารัฐบาลสหรัฐไม่ได้สนับสนุนผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นหรือ พันธมิตรสหรัฐในย่านนั้นไม่ได้เป็นผู้อุปถัมภ์หรือ ส่วนรัฐบาลทรัมป์ให้คำอธิบายที่ต้องตรวจทาน (fact check) เหมือนหลายเรื่องที่ผิดพลาด ขัดแย้งกันเองอยู่เสมอ

                นี่คือปริศนาสำคัญที่เกิดขึ้นซ้ำซากว่าแม้กระทั่งพลเมืองอเมริกันก็ไม่ทราบ ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลของตนกำลังทำอะไร เพื่ออะไร เพื่อใคร เชื่อถือรัฐบาลประเทศตนเองได้แค่ไหน

                เป็นปริศนาที่มีมายาวนาน 240 ปีนับจากประเทศนี้ประกาศเอกราช ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย.

---------------------

ภาพ : กองกำลังเคิร์ด

ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=792689284135998&set=basw.AbpPMy2mmd2gON24phm5L70vBwp5xcIEEv2uVU2KMZZzAYjVgf_wW4AB02hSQQnfQ5rbWxreSMoEZ-3LJcg18-gtT0iLiwqSvaiRzVtQoVYSETgmOnvqgrynb-yxpTKcpwD_wOe9fvKmvlDgGtHrYvoisXh8YvI69KdxLBJws9D9ZQ.792689284135998&type=1&opaqueCursor=Abom8bCOx7LsB260IUvTHJA9wO3_3wFrtBQG7vxghWP1BLY26_ts7KSK0twowMQdsWIGBGgs7NAJRsOZcXZxG3dt9PtAbqXXSp9MmE7X6g8zZ6DnEgsHtKlRYTiQOD2N30noszNWyHcqw5T1DRt8_H5Vq9Okzdmxuj1qfdzqPIOcvY2GeRTqCSuC0kY-gz8cZEEgRfmwkfqN1ufaWhUK7ZCu9mEHcVe-brR-t_otiH4edjoEZNSZ2ujE3axDO86wl4SB0yROJg-H4aZFi-RJzD1SNzW6yy2WcR4hbH4zoqiJeACIjn3YNmZSrBafQ7pYLZq0LvXudfWUA9nshLtcXupZ8mEqEjSFKF1OIQtGWJClIMeNYbEdFW8M4m2kPI7eDjsbKUsl9D_XltKU9PVfDpzeCf8B5P8rzQlQlyC-PL8d2vDarKBtGC43ukBm6lYNxMUdUszafI8Eas0tNo7BVsmfE37-WjwEOYYuRnyEJ3HyUWt3CGg5zwK-RoIgGKnV4fiHD4-t8af_prChW1jCtP3WPpzeOiSrF0sMHTBu0jrZMpfPm68Aju2zIu2DeVYWOvl1Ozzy6U4SNZySWImbVX7iMvtQJgh1iyy5QgXpNNjnYd_2tJvR1h-FklV1Q2qh8EksJmwjj1yfH9fJ4qtosXp8On6qPVuJgNSVqN02TQQVtHK-lWvECpsOzAMef1Jvt_EQGmLwOXtWjc94XFQAe7GoddNF6d26g6w6z1JSKIHIb8ZTmI-OmBhWLQwzJtw7QTU&theater

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"