"เสี่ยป้อม" รอด! ป.ป.ช.มีมติ 5 ต่อ 3 เสียง สั่งยุติสอบ "นาฬิกาหรู" ชี้ 21 เรือนเป็นของ “ปัฐวาท” อ้างชอบให้เพื่อนเซนต์คาเบรียลยืมประจำ เป็นส่วนหนึ่งของนาฬิการาคาแพงที่สะสมไว้ อึ้ง! พบหลักฐานซื้อจากผู้จัดจำหน่าย ตปท.แค่ 1 เรือน ซื้อต่อจากผู้อื่น 2 เรือน ที่เหลือ 18 เรือนไม่ปรากฏเอกสารการซื้อขาย โบ้ยกรมศุลฯ ไม่สามารถยืนยันการนำเข้าเพราะบางรายไม่สำแดงข้อมูล ส่วนแหวนเพชรเป็นของมรดก เผยเสียงข้างน้อย "สุภา-สถาพร-สุวรรณา" อยากให้สอบสิ้นกระแสความ ยกกรณี ป.ป.ช.ฟัน "สุพจน์ ทรัพย์พร้อม" อ้างภรรยายืมรถเพื่อน
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วันที่ 27 ธันวาคม มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาวาระที่คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีถือครองนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ไม่ได้อยู่ในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยในการประชุมครั้งนี้ มีกรรมการ ป.ป.ช.เข้าร่วมประชุมจำนวน 8 คน มีนายปรีชา เลิศกมลมาศ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เนื่องจาก พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ได้ขอถอนตัวจากการพิจารณาเรื่องดังกล่าว
โดยที่ประชุมใช้เวลาพิจารณาทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 20 นาที ตั้งแต่เวลา 11.40-14.00 น. ปรากฏว่า นายเอกชัย หงส์กังวาน แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้มาติดตามการพิจารณาเรื่องดังกล่าวของ ป.ป.ช. ตั้งแต่ช่วงสาย ก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวได้
จากนั้นเวลา 15.40 น. นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลงผลการประชุมว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ให้ พล.อ.ประวิตรชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จำนวน 4 ครั้ง ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาแล้วว่านาฬิกาทั้งหมดจำนวน 22 เรือน ได้ยืมจากนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และได้คืนไปหมดแล้ว ส่วนแหวนมีทั้งที่เป็นมรดกของบิดาที่มารดามอบให้ระหว่างที่ พล.อ.ประวิตรดำรงตำแหน่งดังกล่าว บางวงเป็นแหวนรุ่นหรือแหวนวัตถุมงคล มีมูลค่าไม่สูงมาก จากการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง และขอเอกสารหลักฐานจากผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาหรูในประเทศไทย รวมทั้งขอเอกสารและความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบการสำแดงรายการนาฬิกาที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมทั้งผู้จำหน่ายนาฬิกาในต่างประเทศ ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายปัฐวาทเป็นนักธุรกิจที่มีฐานะทางการเงินและมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และชอบสะสมนาฬิการาคาแพง ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบพบว่ามีการเก็บรักษานาฬิการาคาแพงอยู่ในบ้านของนายปัฐวาทจำนวนมากกว่าที่ร้องเรียน
"จากคำให้การของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อเท็จจริงว่านายปัฐวาทเป็นคนมีฐานะดี คอยช่วยเหลือสนับสนุนทางด้านการเงินให้กับกลุ่มเพื่อนที่เคยศึกษาที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และได้ให้เพื่อนในกลุ่มโรงเรียนเซนต์คาเบรียลยืมนาฬิการาคาแพงไปใช้สวมใส่ ซึ่งรวมถึง พล.อ.ประวิตร เพื่อนร่วมห้องเดียวกับนายปัฐวาทที่มีความสนิทสนมกันด้วย นอกจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนเซนต์คาเบรียลแล้ว นายปัฐวาทยังให้เพื่อนกลุ่มอื่นยืมนาฬิกาไปสวมใส่ด้วย เมื่อพิจารณาภาพของนาฬิกาจำนวน 25 เรือนที่ปรากฏเป็นข่าว พบว่ามีภาพซ้ำกัน 3 คู่ จึงมีนาฬิกาที่ต้องตรวจสอบจำนวน 22 เรือน โดยพบว่าอยู่ในบ้านของนายปัฐวาทจำนวน 20 เรือน และพบใบรับประกันนาฬิกาอีก 1 เรือน แต่ไม่พบตัวเรือน รวมเป็น 21 เรือน โดย 21 เรือนดังกล่าวพบหลักฐานว่านายปัฐวาทเป็นผู้ซื้อจากผู้จำหน่ายในต่างประเทศจำนวน 1 เรือน ซื้อต่อจากผู้อื่นจำนวน 2 เรือน ส่วนที่เหลือไม่พบหลักฐานการซื้อจากผู้จัดจำหน่ายภายในประเทศ และกรมศุลกากรก็ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันการนำเข้านาฬิกาจากต่างประเทศได้ เพราะผู้นำเข้าบางรายไม่สำแดงข้อมูลรายละเอียดของนาฬิกา ในส่วนการขอข้อมูลการซื้อขายนาฬิกาจากต่างประเทศ บางประเทศได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล หรือบางประเทศตอบว่าไม่สามารถตรวจสอบได้"
เชื่อ "ปัฐวาท" ให้ "ป้อม" ยืม
เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวต่อว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานฟังได้ว่านาฬิกาที่ปรากฏเป็นข่าวเก็บรักษาอยู่ในบ้านของนายปัฐวาท และเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิการาคาแพงที่นายปัฐวาทได้สะสมไว้ แม้ไม่ปรากฏเอกสารการซื้อขายว่านายปัฐวาทเป็นผู้ซื้อนาฬิกาดังกล่าว แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ที่ยึดถือทรัพย์สินนั้นไว้เป็นการยึดถือเพื่อตน จึงต้องด้วยบทสันนิษฐานตามกฎหมายดังกล่าวว่านายปัฐวาทเป็นเจ้าของนาฬิกาตามภาพข่าวจำนวน 21 เรือน และได้ให้ พล.อ.ประวิตรยืมใช้ในโอกาสต่างๆ ตามที่ปรากฏในภาพข่าว ประกอบกับนายปัฐวาทได้ให้เพื่อนคนอื่นยืมใช้นาฬิการาคาแพงด้วย จึงรับฟังว่าเป็นการกระทำโดยปกติของนายปัฐวาท ที่ช่วยดูแลกลุ่มเพื่อนเก่าโรงเรียนเซนต์คาเบรียลที่สนิทสนมกัน รวมถึงเพื่อนกลุ่มอื่นด้วย ในส่วนของนาฬิกาอีก 1 เรือน ที่ไม่พบตัวเรือน และไม่พบใบรับประกันนั้น จากการตรวจสอบยังไม่พบรายละเอียดข้อมูลนาฬิกาเรือนดังกล่าว แต่เมื่อนาฬิกาเป็นสังหาริมทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย และนายปัฐวาทได้เสียชีวิตไปแล้ว และเมื่อรับฟังว่า พล.อ.ประวิตรได้ยืมนาฬิกาจากนายปัฐวาทมาสวมใส่ในการออกงานต่างๆ จำนวน 21 เรือนข้างต้น จึงรับฟังได้ว่า พล.อ.ประวิตรได้มีการยืมนาฬิกาเรือนที่ยังตรวจสอบไม่พบมาสวมใส่เช่นกัน ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่านายปัฐวาทและบริษัท คอม-ลิงค์ฯ เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด
เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวอีกว่า กรณีแหวนที่ปรากฏตามภาพข่าวที่ พล.อ.ประวิตรสวมใส่จำนวน 12 วงนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาคำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตรแล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าแหวนจำนวน 3 วง เป็นทรัพย์มรดกของบิดาของ พล.อ.ประวิตร ที่ได้รับมาจากมารดาในขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงแหวนดังกล่าวในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณี เข้ารับตำแหน่งดังกล่าว แหวนที่เหลือเป็นแหวนที่เป็นสัญลักษณ์หน่วยทหาร หรือแหวนวัตถุมงคลที่มีราคาไม่มาก นำมาใส่เพื่อเป็นสิริมงคล หรือใส่เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของสังกัด จึงไม่ต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เช่นกัน
“จากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 3 ว่า กรณียังไม่มีมูลเพียงพอว่า พล.อ.ประวิตรจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินนั้น โดยกรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อยเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม นอกจากนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้แจ้งข้อมูลนาฬิกาจำนวน 22 เรือน ต่อกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป” นายวรวิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ตามมาตรา 128 พ.ร.ป.ป.ป.ช. ยุติไปด้วยหรือไม่ นายวรวิทย์กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวมีคณะทำงานอีกชุดดำเนินการตรวจสอบ เมื่อถามย้ำว่า ถือว่าเรื่องดังกล่าวยุติไปเลยหรือไม่ นายวรวิทย์กล่าวว่า ในเรื่องการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่าไม่มีมูล ส่วนนาฬิกา 22 เรือนที่ส่งเรื่องให้กรมศุลกากรดำเนินการนั้น จะเป็นการดำเนินของกรมศุลกากร ซึ่งจะไม่มีการส่งเรื่องมาที่ ป.ป.ช.อีก
เมื่อถามว่า ป.ป.ช.มั่นใจได้อย่างไรว่านาฬิกาทั้งหมดที่พบที่บ้านนายปัฐวาทเป็นของนายปัฐวาทจริง นายวรวิทย์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว เพียงแต่กล่าวสั้นๆ ว่า เรื่องนี้มีการชี้แจงในการเอกสารการแถลงข่าวของ ป.ป.ช.แล้ว
เสียงข้างน้อยยกเคส "สุพจน์"
มีรายงานว่า สำหรับกรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อย 3 คน ได้แก่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ, น.ส.สุวณา สุวรรณจูฑะ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ส่วนกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก 5 ราย ได้แก่ นายปรีชา เลิศกมลมาศ, นายณรงค์ รัฐอมฤต, นายวิทยา อาคมพิทักษ์, นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์
รายข่าวแจ้งว่า สำหรับกรรมการเสียงข้างน้อย 3 เสียงนั้น เห็นว่าการสอบสวนยังสามารถดำเนินการต่อไปได้อีก โดยเฉพาะเรื่องการทำความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ แต่ต้องดำเนินการโดยอัยการ อย่างไรก็ดี กรรมการเสียงข้างมากเห็นว่าส่วนใหญ่การทำความร่วมมือระหว่างประเทศดังกล่าว การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินมักไม่ทำกันในระดับนานาชาติ เรื่องที่ทำกันส่วนใหญ่เป็นคดีอาญา อีกทั้งในอิตาลีและสวิตเซอร์แลนด์ไม่มีการทำความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องการตรวจสอบ ดังนั้นถ้าเกิดเดินต่อไป จะถือว่าเป็นการถ่วงเวลา หรือยื้อเรื่องนี้ออกไปอีกเปล่าๆ จึงควรจบเรื่องเพียงเท่านี้ กรรมการเสียงข้างน้อยเลยระบุว่า อยากให้สอบต่อไปเพื่อให้สิ้นกระแสความ เพราะเท่าที่ทำถึงตอนนี้ถือว่ายังไม่ได้เต็มที่ ยังมีช่องที่จะตรวจสอบเพิ่มเติมได้อีก ทั้งนี้ตามกฎหมายใหม่ ป.ป.ช.กำหนดให้กรรมการที่เข้าร่วมพิจารณาคดีต้องทำความเห็นส่วนบุคคลทั้งหมด เพื่อให้ทราบว่ามีความเห็นต่อเรื่องนั้นอย่างไร
สำหรับความเห็นของกรรมการเสียงข้างน้อย 3 ราย ยังมีการตั้งข้อสังเกตคดีนี้เทียบกับคดีของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม กรณีการครอบครองรถโฟล์ค ราคา 2.9 ล้านบาท ที่อ้างว่าภรรยายืมเพื่อนนักธุรกิจมา จึงไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สิน แต่เมื่อ ป.ป.ช.สอบเชิงลึกพบว่า การยืมรถยนต์มูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังพบพฤติการณ์ว่า ในส่วนของการต่อทะเบียนหรือลักษณะอื่นๆ ไม่น่าจะเป็นการยืม จึงมีมติชี้มูลความผิดนายสุพจน์ กรณีจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 07.30 น. ที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ และนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ ได้เดินทางมาที่บริเวณด้านข้างบ้านสี่เสาเทเวศร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะนำของขวัญมาให้พล.อ.ประวิตร โดยได้นำโปสเตอร์ปฏิทินปี 2562 ที่มีรูปของ พล.อ.ประวิตร พร้อมนาฬิกาหรูมากาง พร้อมชี้แจงว่า “ที่มาในวันนี้เพื่อที่จะมามอบของขวัญให้กับทางพล.อ.ประวิตรในวันขึ้นปีใหม่ และในวันนี้ทาง ป.ป.ช. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สน.สามเสน มาดูแลนายเอกชัยไว้ในพื้นที่ควบคุม
ทางด้าน พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกรณี ป.ป.ช.เตรียมแถลงข่าวกรณีการครอบครองนาฬิกาหรูวันนี้รู้สึกสบายใจหรือไม่ ว่าก็แล้วแต่ ป.ป.ช. ตนไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร ซึ่งตนไม่ลุ้น
เมื่อถามว่า กังวลกับมติที่จะออกมาหรือไม่ หลังมี 1 ในกรรมการ ป.ป.ช.ลาป่วย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาป่วยจะทำอย่างไรได้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง ได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งของก็เป็นของเขา
ถามอีกว่า 1 ปีที่ผ่านมาเรื่องนาฬิกาเหมือนเป็นสิ่งที่อยู่ในใจ หรือแปล๊บๆ ที่ใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็เพราะสื่อเป็นคนทำ ซึ่งตนไม่มีอะไร ไม่มีอะไรแปล๊บๆ ก็เป็นเรื่องจริง ที่ของไม่ใช่ของเราจะไปแจ้ง (บัญชีทรัพย์สิน) ได้อย่างไร.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |