“ป๋าเปรม” เปิดบ้านสี่เสาฯ ให้ “บิ๊กตู่” ยกคณะเข้าอวยพร ชมนายกฯ บริหารประเทศโลดโผน มุ่งมั่นทำให้ชาติสงบ เตือนให้มองทุกฝ่ายเป็นมิตร เห็นต่างไม่ใช่ศัตรู ชี้ทหารไม่แตกแถวแน่ “หญิงหน่อย” ได้ทีขย่มให้ฟังรัฐบุรุษบ้าง เพราะที่ผ่านมาปรองดองแค่ปาก “หมวดเจี๊ยบ” สุมไฟตั้งฉายาประยุทธ์ พรรคการเมืองแห่เดินสายคึกคัก สุดารัตน์โอ่เลือก พท.แล้วจะรวย “ธนาธร” ประกาศบริษัทตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจขอเลิกใช้สิทธิภาษี
เมื่อพฤหัสบดีที่ 27 ธ.ค. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าอวยพรและรับพรเนื่องในวันปีใหม่
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กราบเรียน พล.อ.เปรมที่รักและเคารพ วันนี้นับเป็นโอกาสอันเป็นมงคลอีกครั้งหนึ่งที่พวกเราได้มีโอกาสมาอวยพรวันปีใหม่ พ.ศ.2562 ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราได้ปฏิบัติตามแนวทางในการบริหารงานราชการแผ่นดินในการใช้ศาสตร์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องสืบสาน รักษา ต่อยอด ซึ่งการทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองมีความสุข เรียบร้อย และพัฒนาทุกๆ ด้านได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้แนวทางของ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ในเรื่องความซื่อสัตย์ อดทน และจงรักภักดี ซึ่งสิ่งต่างๆ นี้ยึดถือยึดมั่นอยู่ในใจของพวกเรา และนำไปสู่การปฏิบัติเสมอมา
“การทำงานของเราในช่วงที่ผ่านมา ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขในหลายเรื่องด้วยกัน บางเรื่องก็คงต้องแก้ไขต่อไปในระยะยาว เราก็จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และที่สำคัญที่สุดทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพื่อนำพาประเทศไปสู่ประธานอาเซียนในปี 2562 ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ขอกราบเรียนว่าพวกเราทุกคนยึดมั่นในสิ่งต่างๆ ที่คณะท่านประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษได้ทำไว้ตั้งแต่อดีต และในปัจจุบันยังคงเป็นที่ยึดมั่น ที่ระลึกของพวกเราเสมอมา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ในโอกาสเป็นมงคลนี้ ขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายขอเดชะบารมีอันแผ่ไพศาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ฯพณฯ เคารพนับถือ ขอฝากอำนวยพร ประทานพรให้กับประธานองคมนตรี มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป และประสบความสำเร็จในทุกหน้าที่
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบกระเช้าดอกไม้สีชมพูให้ พล.อ.เปรม ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้มอบแจกันดอกไม้ด้วยเช่นกัน
ต่อมา พล.อ.เปรมกล่าวให้พรว่า ขอขอบคุณนายกฯ และพวกเราที่กรุณามาให้พรกันในวันปีใหม่ คิดว่าสิ่งสำคัญที่บ้านเมืองของเราไปได้ราบรื่น ในการบริหารของนายกฯ และรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากเราเป็นมิตรกัน นายกฯ ก็เป็นมิตรกับตนเอง ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร ก็เป็นมิตร ทั้งหมดเป็นมิตรกัน สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญ คิดว่าถ้านักการเมืองที่เรียกว่าฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน เห็นแก่ความเป็นมิตร ทุกอย่างก็จะราบรื่น และไปได้สวยงาม ต้องพูดว่าเห็นต่างกันด้วยความเป็นมิตรจะดีมาก เพราะทุกคนเป็นมิตรกันและเห็นต่างกันแค่นั้น
อย่าเห็นต่างเป็นศัตรู
“ขอให้นายกฯ เห็นว่าฝ่ายค้านเห็นต่าง ก็เห็นต่างอย่างนี้มิตร แต่อย่าเห็นต่างเป็นศัตรูกัน ซึ่งไม่มีประโยชน์ ขอให้คิดว่าความเห็นต่างต้องมี แต่มีอย่างมิตร ขอให้นายกฯ ช่วยทำตรงนี้ อย่าเห็นต่างกับฝ่ายค้าน ซึ่งก็โอเค ทั้งนี้ ต้องเห็นต่างอยู่แล้ว แต่ต้องเห็นต่างอย่างมิตร อยากให้นายกฯ ทำตัวอย่าง ว่าผมเห็นต่างกับคุณ แต่ผมก็เป็นเพื่อนกับคุณ ก็จะทำเหตุการณ์ต่างๆ ไปได้ราบรื่น ขอฝากนายกฯ ไว้ อาจจะต้องจำไปใช้ตามที่พูดไว้ก็ได้ เพราะเคยใช้มาแล้ว” พล.อ.เปรมกล่าว
พล.อ.เปรมกล่าวต่อว่า ขอชมเชยนายกฯ ที่บริหารประเทศมาด้วยความโลดโผน ความมุ่งมั่นที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองของเรามีความสงบสุข คนไทยจะได้หายยากจนไปบ้าง เป็นการกระทำที่ได้บุญได้กุศล และเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำประเทศที่จะทำเช่นนั้น ทุกคนอยากให้คนไทยมีความสุข นายกฯ ก็ต้องการให้คนไทยมีความสุข คนไทยก็อยากมีความสุข ขอให้ทำให้คนไทยมีความสุข อย่างน้อยก็มีเงินพอใช้สอย ซึ่งนายกฯ กำลังทำอยู่ ซึ่งคิดว่าจะได้ผลพอสมควร ขอขอบคุณนายกฯ อีกครั้ง และขอฝากไว้ว่าเห็นต่างกันอย่างมิตรเป็นสิ่งที่น่าจะนำไปใช้ ขอบคุณมาก และขอให้นายกฯ และพวกเราทุกคนมีความสุขสวัสดี มีอายุยืนยาวตลอดไป บริหารประเทศด้วยความเป็นมิตรและด้วยความรักคนไทยอย่างที่นายกฯ กำลังทำ ขอเป็นผลสำเร็จให้ปรากฏในสายตาของคนไทยและคนต่างประเทศตลอดไป
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์แนะนำ ผบ.เหล่าทัพให้ พล.อ.เปรมรู้จัก ซึ่ง พล.อ.เปรมได้สอบถามอายุของแต่ละคน โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ระบุว่าตัวเองอายุ 69 ปีแล้ว พล.อ.เปรมจึงหันไปถาม พล.อ.ประวิตร พร้อมกระเซ้าว่ายังแข็งแรงนะ ยังไหวอยู่ และในช่วงท้ายระหว่าง พล.อ.เปรมทักทายผู้นำเหล่าทัพ พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวขึ้นว่า “ผมเป็นมิตรกับทุกคน ไม่ได้เห็นใครเป็นศัตรู ประเทศไทยกำลังเดินหน้า เราถึงจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ หากรัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ รัฐบาลและฝ่ายค้านก็เดินไปตามแนวทาง ส่วนความเห็นต่างอีกเรื่องหนึ่ง”
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้จูงมือ พล.อ.เปรมเข้าไปภายในบ้านพักประมาณ 5 นาที ก่อนกลับออกมาแล้วพูดกับสื่อมวลชน "เป็นมิตรกันนะ เป็นมิตร"
ทั้งนี้ ปีนี้ พล.อ.เปรมได้มอบหนังสือเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ซึ่งเนื้อหาเป็นปาฐกถาพิเศษของพล.อ.เปรมเมื่อปี 2558 โดยเนื้อหาเน้นเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่ง พล.อ.เปรมมีความเห็นว่า คนที่โกงแล้วร่ำรวยเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมืองทำให้บ้านเมืองเสียเกียรติภูมิ ทำให้บ้านเมืองขายหน้า ถูกดูหมิ่นดูแคลน คนเหล่านั้นถือว่าเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง เป็นศัตรูของแผ่นดินที่พวกเราต้องหมายตาหมายหัวไว้ แล้วช่วยกันทำลายให้หายไปจากแผ่นดินของเรา
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัย ว่าได้ตรวจตราสื่อมวลชนที่เข้ามาทำข่าวอย่างเข้มงวด โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเช้า นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวได้เดินทางมาที่บริเวณด้านข้างบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อนำของขวัญมาให้ พล.อ.ประวิตร แต่ตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สน.สามเสน มาควบคุมตัวนายเอกชัยไว้ เพื่อไม่ให้เข้ามาบริเวณด้านหน้าบ้านพัก ก่อนเชิญตัวเข้าไปพูดคุยที่ สน.สามเสน
ทหารไม่เคยเห็นต่าง!
ต่อมา พล.อ.เปรมยังเปิดบ้านให้ พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ช่วย ผบ.ทบ.) นำนายทหารเหล่าม้าเข้าอวยพรและขอพรวันปีใหม่ 2562 โดย พล.อ.เปรมกล่าวว่า ดีใจที่พวกเราเป็นปึกแผ่น พวกเราคงได้ยินสิ่งที่พูดกับนายกฯ ว่าเห็นต่างกันฉันมิตร แต่พวกเราไม่ต้องไปใช้ เพราะพวกเราไม่เคยเห็นต่าง จึงแค่เป็นมิตรกันอย่างเดียว ขอฝากเหล่าทหารม้ากับผู้ช่วย ผบ.ทบ.ให้สอนรุ่นน้องรุ่นลูกหลานที่ออกมาใหม่ให้เข้าใจเรามีลักษณะพิเศษอย่างไรบ้าง ประเพณีอาบน้ำม้าก็ยังอยู่ ขอให้ทุกคนมีความสุขความเจริญ ดำรงความเป็นเหล่าทหารม้าตลอดไป ไม่มีวันขาดสาย
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.เปรมให้ทุกฝ่ายเป็นมิตรกัน แม้เห็นต่างว่า หลักการที่ พล.อ.เปรมพูดเป็นหลักการที่ถูกต้อง เป็นหลักการที่อยู่ในศาสนา คือคนเราจะคิดต่างกัน แต่ต้องคิดดีพูดดีทำดีต่อกัน ไม่ใช่ไปใส่ร้ายป้ายสี ตั้งป้อมกัน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ต้องฟัง พล.อ.เปรมให้มาก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่พูดว่าเข้ามามีอำนาจเพื่อสร้างความปรองดอง แต่ 4 ปีที่ผ่านมา คสช.ได้ทำอะไรที่ตั้งใจจะเกิดความปรองดองบ้าง มีเพียงวลีแล้วก็โยนทิ้ง
“วันนี้ยังไม่สายที่ พล.อ.ประยุทธ์จะทำตามที่ พล.อ.เปรมระบุ ส่วนพรรคการเมือง ถ้าเคารพหลักเกณฑ์ เคารพผลการเลือกตั้ง ดิฉันเองอยู่มา 26 ปี ในการเมืองการมีความเห็นต่างก็อยู่ได้ มีเพียงช่วงหลังที่มีความพยายามสร้างเหตุการณ์สู่รัฐประหาร” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) กล่าวว่า ขอแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ถ้าไม่ต้องการรับมือกับคำพูดให้ร้ายโต้กลับรายวัน ต้องหยุดพูดโดยไม่ยั้งคิด บางครั้งคำพูดเหน็บแนมที่พูดออกมา อาจพูดโดย พล.อ.ประยุทธ์ไม่รู้สึกตัว แต่คำพูดแบบนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์กังขาว่าทำไมชอบขัดแย้งอยู่กันอย่างสงบไม่ได้หรืออย่างไร ซึ่งความขัดแย้งในสังคมไทยจะไม่มีทางสิ้นสุด ถ้าทุกคนไม่เริ่มจากการพิจารณาข้อผิดพลาดของตนเอง แล้วแก้ไขก่อนไปเรียกร้องผู้อื่นแก้ไข
ด้าน ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กในแฟนเพจหมวดเจี๊ยบว่า แม้สื่อมวลชนไม่ตั้งฉายาให้นายกฯ แต่ขอตั้งให้เอง คือ 1.นายกฯ หัวขี้เลื่อย เนื่องจากที่ผ่านมานายกฯ ไม่เข้าใจปัญหาและความต้องการของประชาชน ทำให้แก้ปัญหาไม่ตรงจุด 2.รัฐบาลนักชกใต้เข็มขัด เนื่องจากใช้อำนาจในมือเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมืองแทบทุกเรื่อง และ 3.ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลสาละวันเตี้ยลง เนื่องจากยิ่งรัฐบาลอยู่บริหารประเทศเศรษฐกิจก็ยิ่งถดถอยและล้าหลัง
โอ่เลือก พ.ท.มีแต่รวย
วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ในการเดินสายหาเสียงกันอย่างต่อเนื่อง คุณหญิงสุดารัตน์นำคณะลงพื้นที่ภาคอีสานเป็นวันที่สองใน จ.หนองบัวลำภู โดยได้ยืนยันกับชาวบ้านว่า ถ้าพรรคได้เข้ามาทำงาน จะไม่ปล่อยให้ชาวบ้านต้องยากจนเหมือนทุกวันนี้ จะนำไปสู่รายได้ที่ดีและยั่งยืน ซึ่งเราไม่ได้เสียใจถูกรัฐประหาร แต่เราเสียใจไม่ได้ทำงานดูแลประชาชน
“เราสัญญาจะไม่ปล่อยให้ประชาชนจนกระจายและรวยกระจุก พรรคไม่เคยอยากให้พี่น้องเป็นคนจน แต่ถูกรัฐบาลตีทะเบียนเป็นคนจนเพื่อรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งที่พรรคเพื่อไทยอยากให้ทุกคนรวย” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว และว่า เขาวางกลไก ส.ว. 250 คน หน่อยคนเดียวสู้ไม่ได้ แต่ขอพี่น้องช่วยกันในวันที่ 24 ก.พ. ให้ถล่มทลาย เพราะเขามี 250 เสียงตุนในกระเป๋าไว้แล้ว ถ้าไม่เลือกให้ถล่มทลายจะไม่ชนะ ส.ว. 250 เสียง
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค พท. กล่าวถึงมือมืดใช้อำนาจบีบบังคับให้เจ้าของที่ปลดป้ายหาเสียงของผู้สมัครจากพรรคที่ จ.นครราชสีมา ว่าสะท้อนให้เห็นว่ายิ่งใกล้วันเลือกตั้งมากเท่าไหร่ ยิ่งมีการใช้อำนาจ ที่ไม่ถูกต้องทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยมีเป้าหมายอยู่ที่พรรค เพราะได้รับแจ้งจากผู้สมัครของพรรคในหลายพื้นที่ มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปตรวจค้นบ้านของทีมงานผู้สมัครจาก พท. จึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจหยุดการกระทำดังกล่าวทันที เพราะจะทำให้การเลือกตั้งไม่เสรีและไม่เป็นธรรม
นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ทุกพรรคการเมืองต่างลงพื้นที่พบประชาชาชน แต่ในการประชุมภายในของเจ้าหน้าที่เขตบึงกุ่ม ซึ่งเขียนชัดเจนว่าเป็นการประชุมชุดรับเรื่องร้องทุกข์เคลื่อนที่ กลับมีว่าที่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใส่เสื้อพรรคเข้าไปแนะนำตัวในวงประชุม ไม่เข้าใจว่าการที่ฝ่ายการเมืองเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงก่อนเลือกตั้งเช่นนี้เข้ามาในฐานะอะไร ถ้าเป็นพรรคการเมืองอื่นทำแบบนี้คงมีปัญหา ขอให้คิดถึงความฟรีและแฟร์ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นด้วย
น.ส.พรพรหม พรหมชาติ รองโฆษก พ.พ.ช. กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบกรณีนางบุญศิริ อายุ 71 ปี ชาวบ้านหวาย ต.สามัคคี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค พปชร.ให้สมัครสมาชิกพรรคก่อนจึงทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ พร้อมให้เงินอีก 100 บาท
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขตในเขตกรุงเทพมหานคร 30 เขต และภาคกลาง 26 จังหวัด 92 เขต เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีจังหวัดที่พิจารณาไม่จบ ได้แก่ จ.ชุมพรเขต 1 จ.อุดรธานี เขต 2, 5 และ 6 จ.ยโสธรทั้งจังหวัด จ.เลย เขต 2 และภาคเหนือ จ.พิจิตรทั้ง 3 เขต
ปชป.ลั่นไร้ปัญหาผู้สมัคร
นายธัญญ์นิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ รองโฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า ในเขต กทม.ทั้ง 30 เขต ผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นอดีต ส.ส.ในพื้นที่เดิม แต่มีผู้สมัครหน้าใหม่และผู้สมัครจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคในนามนิวเดมด้วย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงการวางตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขต ว่า พรรคไม่มีปัญหาอะไร มติ กก.บห.ได้ตัดสินชี้ขาดแล้วว่าใครเหมาะสมที่จะลงบัญชีรายชื่อหรือระบบเขต ไม่มีการเช็กบิลกลุ่มงูเห่าหรือกลุ่มอะไร เราเป็นพรรคที่มีระบบ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายในการคัดเลือกผู้สมัครอย่างครบถ้วน
ส่วนพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจพรรคว่า เป็นแนวคิดเศรษฐกิจ 5G มีเป้าหมายหลักคือการแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเศรษฐกิจ 5G เป็นธีมหลักของแนวคิดด้านดิจิทัลเวิลด์ของพรรคด้วย
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษก พปชร. กล่าวว่า ในพื้นที่ภาคเหนือหลังจากเปิดคิกออฟ 5 จังหวัดไปนั้น กระแสพรรคดีมากๆ ยิ่งพรรคเดินหน้านำนโยบายด้านสวัสดิการต่างๆ ของรัฐบาลไปทำต่อยิ่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชน โดยเฉพาะเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และน่าสังเกตว่าก่อนหน้านี้พรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคต่างออกมาโจมตีและไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้กลับมาเห็นด้วยแล้ว
ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมแกนนำพรรคเดินคารวะแผ่นดินที่ จ.สมุทรสาคร พร้อมร่วมพิธีทำบุญเปิดสำนักงานพรรคสาขากระทุ่มแบนด้วย
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมแกนนำพรรค เปิดเวทีพบปะประชาชนชาว จ.สระแก้ว โดยกล่าวถึงนโยบายรัฐสวัสดิการของพรรคว่า การทำรัฐสวัสดิการเป็นไปได้ แต่ต้องมีการจัดสรรทรัพยากรใหม่ ซึ่งพรรคมีนโยบายในการหางบประมาณเพื่อจัดรัฐสวัสดิการอยู่แล้ว เช่น ยกเลิกการยกเว้นภาษีที่ให้แก่กลุ่มทุน และการตัดลดจำนวนกำลังพลในกองทัพไทยลงครึ่งหนึ่ง พร้อมจำนวนนายพลที่มีกว่า 1,600 นาย ให้เหลือ 400 นาย
“เรามีทรัพยากรเพียงพอ แต่เราต้องจัดสรรทรัพยากรใหม่ เราต้องเก็บภาษีคนรวยมากขึ้น คนอย่างผม บริษัทผม ตระกูลผมได้รับการยกเว้นภาษีปีหนึ่ง 800 ล้านบาท ผมขอบอกว่าไม่เอาอีกแล้ว คนรวยอย่างผมควรต้องเสียภาษีให้เหมือนคนธรรมดา พ่อค้า แม่ขาย และประชาชนที่ต้องเสียภาษีเช่นกัน” นายธนาธรกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |