เป็นอีกหนึ่งคนในกลุ่มนักธุรกิจคนรุ่นใหม่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ “พปชร.” ที่สนใจงานการเมือง “อูน” นรุตม์ สียางฟู แสดงเจตนารมณ์ อยากเป็นหนึ่งในพลังที่เชื่อมต่อระหว่างประชาชนภาคเอกชนและภาครัฐเพื่อเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องมั่นคงและยั่งยืน ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทผลิตยาแห่งหนึ่งทั้งของคนและสัตว์ เพราะอยากนำความรู้ความเชี่ยวชาญ “การบริหารนวัตกรรมและการเจรจาต่อรองอย่างมีประสิทธิภาพ” มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด
๐ เหตุผลที่เข้ามาเล่นการเมืองและสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
ตั้งแต่เด็กไม่เคยชอบเรื่องการเมืองมาก่อน เพราะพ่อแม่เคยสอนว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่เราไม่ควรไปยุ่ง แต่เห็นว่าหลายๆ อย่างกระทบถึงคนรอบข้าง คนที่ทำงานให้เรา เรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ การเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด จึงอยากที่จะเข้ามาทำงานด้านการเมืองและสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แม้ว่าเราจะไม่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ แต่เราควรมีส่วนร่วมเป็นตัวแทน เป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน ทำให้ประเทศชาติ สามารถเดินไปข้างหน้าได้
จากเหตุผลที่กล่าวมา จึงได้ออกมาร่วมกับคนที่มีอุดมการณ์เหมือนกันในการผลักดันประเทศไทย โดยเฉพาะทีมงานคนรุ่นใหม่ในพรรคหลายสิบคนที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มเสนอไอเดีย เสนอความคิดให้กับผู้ใหญ่ในพรรค มีการพูดคุยกันในภาพรวมหลายๆ ด้านถึงปัญหาที่ประเทศกำลังประสบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านราคาการเกษตรตกต่ำ ปัญหาด้านการศึกษา พลังงาน เศรษฐกิจ คมนาคม เทคโนโลยี จึงเป็นที่มาในการเสนอประสบการณ์ที่เราสามารถนำเสนอผู้ใหญ่ได้ เช่นการเกษตร ทำอย่างไรที่จะสามารถทำให้มูลค่าของผลผลิตการเกษตรสูงขึ้น ทำอย่างไรเราใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยมีการทำดาต้าหรือเก็บข้อมูลและเผยแพร่ข้อมูลให้กับเกษตรกร เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพราะทีมงานนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ในพรรคพลังประชารัฐมีประสบการณ์หลายด้าน หลายสายงาน มาช่วยกันเป็นทีม รวบรวมไอเดียแล้วทำนโยบายคร่าวเสนอผู้ใหญ่ในพรรคที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ส่วนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคให้โอกาสคนรุ่นใหม่อย่างผมที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเมือง ครอบครัวไม่เคยมีคนเล่นการเมือง ไม่ชอบการเมืองด้วยซ้ำไป
๐ มองการเมืองในอดีตที่ผ่านมาอย่างไร
จริงๆ แล้วการเมืองเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ที่ผ่านมาได้เกิดวิกฤติต่างๆ มากมายอย่างที่รู้ๆ กัน เศรษฐกิจโลกไม่ดีเมื่อมีวิกฤติแบบนี้เศรษฐกิจประเทศเรายิ่งย่ำแย่ สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้ง แต่ไม่มีการแก้ปัญหาหรือพูดคุยกันอย่างจริงๆ จังๆ การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง”
๐ โดยส่วนตัวเป็นนักธุรกิจเชี่ยวชาญบริหารนวัตกรรม จะนำมาปรับใช้อย่างไรในการทำงาน
การพัฒนาระบบเทคโนโลยี สามารถเชื่อมและต่อยอดอะไรได้หลายๆ อย่าง อย่างระบบการทำงานของราชการที่ประชาชนไปใช้บริการ ต้องรอคิวนานๆ ก็เกิดความรู้สึกเบื่อ เราจะทำอย่างไรให้ไม่ต้องเสียเวลาก็คือเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อระหว่างประชาชนกับภาครัฐ ยิ่งสายงานที่จบมาคือ “การบริหารนวัตกรรมและการเจรจาต่อรองอย่างมีประสิทธิภาพ” เราอยู่ฝั่งของประชาชน ถ้าได้ทำงานก็จะเป็นกระบอกเสียงตัวแทนของประชาชนให้ได้ และทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุดกับประชาชน ต้องเอาความต้องการของประชาชนก่อน แล้วเจรจาต่อรองให้เกิดผลมากที่สุดสำหรับภาพรวม
๐ การหาเสียงและนโยบายจะชูประเด็นอะไร
ไม่ว่าจะได้เป็น ส.ส.หรือไม่ เราต้องลงพื้นที่ตามชุมนุมก่อน จะได้ทราบถึงปัญหาของประชาชนมีอยู่อย่างหลากหลาย แต่อันไหนเป็นปัญหาเราต้องแก้ก่อน แต่อีกปัญหาที่สำคัญมากที่สุดที่บ้านเราต้องแก้ไข คือ “ด้านการศึกษา” ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน การศึกษาต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นต้องมีการ ”ผลักดันให้คนไทยทุกคนมีโอกาสด้านการศึกษาที่เท่าเทียม” ต้องมีครูที่มีคุณภาพมากขึ้น ระบบการศึกษาต้องสม่ำเสมอ ไม่ใช่โรงเรียนเอกชนได้คอนเทนต์ที่ดีกว่ารัฐบาล โรงเรียนที่อยู่ต่างจังหวัดต้องมีระบบการสอนที่ใกล้เคียงกันในภาพรวม
“การศึกษาบ้านเราต้องพัฒนาเด็กให้สามารถคิดด้วยตัวเองได้ สามารถวิเคราะห์แยกแยะ ดีกว่าที่ให้ครูเป็นคนชี้แนะอย่างเดียว ให้เด็กคิดได้ เมื่อเด็กแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันไป ทำอย่างไรอาจารย์หรือครูผู้สอนจะสามารถชูจุดเด่นของนักเรียน ส่งเสริมไปให้ถูกทางที่เด็กๆ มีความสามารถ อาจารย์ควรจะเป็นที่ปรึกษาสำหรับอาจารย์ได้”
การศึกษาบ้านเราจะเน้นการท่องจำค่อนข้างเยอะ อาจารย์หรือครูผู้สอนควรที่จะชี้แนะมากกว่าที่จะให้ “ท่องจำ” ทำให้นักเรียนสามารถกล้าแสดงออก มีความมั่นใจเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เพราะเด็กๆ ที่เติบโตมาเหล่านี้คืออนาคตของชาติ ส่วนตัวผมได้มีโอกาสไปเรียนที่ต่างประเทศ จุดแข็งคือสามารถที่จะพัฒนาจุดแข็งที่เรามี สามารถคิดแสดงออกได้มากกว่า เด็กไทยมีคนเก่งหลายคน แต่ไม่มีเวลาในการแสดงออก ส่วนเด็กที่ต่างจังหวัดกับในเมืองเพื่อให้เกิดความเสมอภาคต้องพึ่งเทคโนโลยีสามารถเชื่อมต่อกันได้ทั่วประเทศ สามารถแลกเปลี่ยนความคิดกันได้.
นายนรุตม์ สียางฟู อายุ 33 ปี ชื่อเล่นอูน
ที่อยู่ Ficus Lane Condominium สุขุมวิท 44/1 จังหัวด : กรุงเทพฯ
ประวัติการศึกษา : มัธยมศึกษา Bangkok Patana School christchurch Grammar School, Western Australia
ปริญญาตรี : University of Western Australia - Bachelor of Commerce
ความเชี่ยวชาญ : การเจรจาธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ -Team Building & Leadership
ประวัติการทำงาน
Company : Macrophar Co.,Ltd / Health Premier Co.,Ltd (subsidiary of Macrophar)
ปรัชญาการทำงาน/การดำเนินชีวิต : ตั้งเป้าหมายและมีกำหนดเวลาที่ชัดเจน ทำให้ผู้ที่ร่วมทางกับเราได้เห็นแสงสว่างระหว่างการเดินทางเพื่อสู่ความสำเร็จ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |