27 ธ.ค. 2561 นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก.เปิดเผยว่าโครงการติดตั้งกล่องหยอดเหรียญ (Cash Box) รวมถึงเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) รถเมล์ 2,600 คัน วงเงิน 1.6 พันล้านบาทนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมข้อมูลเพื่อนำกลับมาเสนออีกครั้ง ขณะนี้มีหลายแนวทางทั้งการยกเลิกสัญญาเฉพาะกล่องหยอดเหรียญหรือการยกเลิกสัญญทั้งหมดแล้วเปิดประมูลใหม่
"โครงการนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกัน เช่น การยกเลิกสัญญาทั้งหมดทำให้เสียเวลาแต่ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีจัดเก็บค่าโดยสารรูปแบบใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ตรงนี้ต้องมาดูกันอีกที อย่างไรก็ตามการตัดสินใจจะทำอะไรต้องเป็นไปตามระเบียบไม่ให้องค์กรเสียประโยชน์และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย"นายณัฐชาติ กล่าว
แหล่งข่าวจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพระบุว่าที่ประชุมบอร์ดได้เสนอให้ขสมก.ทบทวนแนวทางดำเนินโครงการดังกล่าว พร้อมแสดงความกังวลว่าจะมีปัญหาในภายหลังหากลงนามสัญญากับเอกชน เนื่องจากการยกเลิกสัญญาติดตั้งกล่องหยอดเหรียญนั้นเป็นการบอกเลิกสัญญาเพียงครึ่งเดียว จึงอาจขัดแย้งกับเงื่อนไขขอบเขตการประกวดราคา(ทีโออาร์)
นอกจากนี้ยังตั้งคำถามว่าหากขสมก.รู้ว่าตั้งแต่แรกว่ากล่องหยอดเหรียญไม่เหมาะกับบริบทของรถโดยสารสาธารณะของไทย เหตุใดจึงไม่ร่างสัญญาติดตั้งเครื่องอ่านบัตรสวัสดิการเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงส่งผลให้บอร์ดขสมก.บางส่วนเห็นตรงกันว่าควรยกเลิกสัญญาดังกล่าวทั้งหมดเพื่อทำการเปิดประมูลโครงการใหม่ เพื่อไม่ให้มีข้อครหาจากสังคมอีกทั้งยังไม่สุ่มเสี่ยงต่อการโดนลงโทษย้อนหลังทั้งทางวินัยและทางอาญาในกรณีที่ตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้โดยบอกเลิกสัญญาแค่ครึ่งเดียว อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาขสมก.ได้ทำหนังสือไปยังกรมบัญชีกลางเพื่อสอบถามถึงประเด็นดังกล่าวซึ่งได้รับคำตอบว่าสามารถดำเนินการได้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |