แฟ้มภาพ

6 ก.พ. 61 -  นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาเพื่อขอให้ ป.ป.ช.รื้อคดีสลายการชุมนุมปี 53ว่า เป็นความพยายามที่จะใส่ร้ายในทางการเมือง โดยนายณัฐวุฒิพยายามสร้างราคาให้ตัวเองในภาวะที่ตัวเองสิ้นไร้ราคาในขณะนี้ โดยการอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกาว่า มีการใช้กระสุนจริงตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ นั้นเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยเอาส่วนหนึ่งจากข้อกล่าวหาของอัยการมาอ้างไม่ใช่คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

นายราเมศ กล่าวต่อว่าเพราะคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4288-4289/2560 อัยการฟ้องนายอภิสิทธเวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในหน้า 7 ระบุชัดว่านายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพขอให้วินิจฉัยข้อกฎหมาย ไม่มีการวินิจฉัยเรื่องข้อเท็จจริง ไม่มีการสืบพยานและศาลวินิจฉัยว่าคดีเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.จึงยกฟ้อง          โดยในคำพิพากษาไม่มีแม้แต่แผ่นเดียวที่ระบุถึงการใช้กระสุนจริงตามที่มีการบิดเบือน หากนายณัฐวุฒิยังบิดเบือนคำพิพากษาแบบนี้ ตนจะเล่นงานนายณัฐวุฒิฐานละเมิดอำนาจศาล

คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้คดีดังกล่าว ป.ป.ช.ก็ยกคำร้องยุติคดีไปแล้ว อีกทั้งยังมีคำพิพากษาศาลฎีกาอีกฉบับหนึ่งที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ          โดยศาลชี้ว่าคดีมีมูลต้องมีการสืบพยาน และรับคำฟ้องไว้ และวินิจฉัยลงลึกในข้อเท็จจริงว่าการชุมนุมชายชุดดำใช้อาวุธปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม และอาคารสูง ยิงใส่ทหารจนเสียชีวิต โดยจะมีการสืบพยานในเดือนหน้า

 "อยากให้นายณัฐวุฒิไปติดตามคดีล้มการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุดหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยคดีนี้นายณัฐวุฒิ ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย ซึ่งมีหลายคนถูกศาลพิพากษาลงโทษแล้ว เหลือแต่คนสั่งการให้คนเสื้อแดงล้มการปรุะชุมที่ยังไม่ถูกลงโทษ ดังนั้นจึงอยากให้นายณัฐวุฒิไปติดตามให้ถูกคดีจะดีกว่า"           คณะทำงานฝ่ายกฎหมายปชป. กล่าวและว่าในส่วนที่นายณัฐวุฒิ อ้างถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์จะยื่นคำร้องให้รื้อคดีของพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหมนั้น แตกต่างจากกรณีที่นายณัฐวุฒิ มาอ้าง เพราะมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ชัดเจนว่า พล.อ.อ.สุกำพล ใช้อำนาจส่อไปในทางไม่สุจริต แต่ข้อเท็จจริงและหลักฐานต่าง ๆ เป็นชุดเดิม.