26 ธ.ค.61 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ เมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 25 ธ.ค. จนถึงเวลา 01.00 น.ของวันที่ 26 ธ.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) 3 สำนวน ในคคดีหมายเลขดำ อ.1992/2558, อ.6499/2558, อ.4592/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 11 (อัยการจังหวัดมีนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 43 ปี อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ จำเลยที่ 1, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สจล. ที่ 2, นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 30 ปี ที่ 3, น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ อายุ 30 ปี ที่ 4, นายสมบัติ โสประดิษฐ์ อายุ 47 ปี ที่ 5, นางระดม มัทธุจัด อายุ 58 ปี ที่ 6, นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ อายุ 35 ปี ที่ 7, นายภาดา บัวขาว อายุ 31 ปี ที่ 8, นายถวิล พึ่งมา อายุ 64 ปี อดีต อธก.สจล.ที่ 9, นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อายุ 54 ปี อดีต ผช.อธก. ที่ 10, นายสลุต ราชบุรี อายุ 57 ปี ที่ 11, นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ที่ 12, นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ ที่ 13 และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ที่ 14
ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันฟอกเงิน, สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต, สนับสนุนพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 264, 265, 266, 268, 335, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3, 4, 8, 11 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 7, 10, 60
จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.- 12 พ.ย. 2555 ต่อเนื่องในปี 2557 พวกจำเลยได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์เบียดบังทรัพย์ 689 ล้านบาทเศษ ของ สจล.ไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต และยังร่วมกันฟอกเงิน 303 ล้านบาทเศษด้วย ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยนายถวิล และกลุ่มอาจารย์ สจล. รวม 3 คน ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี
ขณะที่บรรยากาศการอ่านคำพิพากษานั้น ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้งชาย-หญิงที่ถูกคุมขังมาจากเรือนจำพิเศษมีนบุรี ส่วนจำเลยที่ได้ประกันตัวก็มาศาลครบทั้งหมด โดยศาลเริ่มอ่านคำพิพากษายาวนานที่สุดของศาลจังหวัดมีนบุรีที่เคยมีมา ตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 26 ธ.ค.นี้
โดยเนื้อหาคำพิพากษาความหนา 572 หน้า ซึ่งใช้องค์คณะผลัดเปลี่ยนหมุนอ่านคำพิพากษาต่อเนื่อง 12 คน ขณะที่ศาลได้พักเบรคเพื่อให้จำเลย-ญาติ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานคดี ได้รับประทานอาหารช่วงเที่ยง เวลา 12.00-13.00 น. เศษ และช่วงเย็นอีกเมื่อเวลา 18.00 น.เป็นเวลานานราว 50 นาที จึงได้เริ่มอ่านคำพิพากษาต่อทั้งหมด
โดยศาลได้พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของนายทรงกลด อดีต ผจก.ธ.ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ จำเลยที่ 1 และ น.ส.อำพร ผอ.ส่วนการคลัง สจล.จำเลยที่ 2 ซึ่งศาลรับฟังพยานหลักฐานอัยการโจทก์ และ สจล.โจทก์ร่วมแล้วรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันใช้ทั้งอำนาจในหน้าที่และในฐานะส่วนตัวฉ้อฉล ลักทรัพย์เงินจากบัญชี สจล.ไปเมื่อเดือน ธ.ค. 2557 ยอดแรกกว่า 80 ล้านบาท และยังร่วมกับนายพูนศักดิ์ จำเลยที่ 3 ฟอกเงินที่จำเลยที่ 3 ได้เปิดบัญชีรับฝากเงินไว้แล้วมีการโอนเงินยอด 55 ล้านบาท ไปเพื่อประโยชน์ของพวกตนเอง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยทั้ง 14 คนนำสืบหักล้างกันแล้ว พิพากษาให้จำคุกจำเลยรวม 11 คน ยกฟ้อง 3 คน โดยเห็นว่า การกระทำของ นายทรงกลด จำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามฟ้องฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง, ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม กับฟอกเงิน จำคุกรวม 193 ปี 8 เดือน คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 145 ปี 3 เดือน โดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 10 ปี ดังนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 50 ปี โดยให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืน สจล.โจทก์ร่วมที่ 1 ตามแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ รวม 80 ล้านบาท และคืนเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ โจทก์ร่วมที่ 2 อีก 636,795,884.80 บาท
ส่วน น.ส.อำพร อดีต ผอ.ส่วนการคลัง สจล. จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรฯ ด้วย มาตรา 4,8 รวมจำคุกทั้งสิ้น 203 ปี ลดโทษ 1 ใน 4 คงจำคุก 152 ปี 3 เดือนโดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 10 ปี ดังนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 50 ปี โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมจำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืน สจล.โจทก์ร่วมที่ 1 ตามแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ รวม 80 ล้านบาท และคืนเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ โจทก์ร่วมที่ 2 อีก 608,675,884.80 บาท
นายพูนศักดิ์ จำเลยที่ 3 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี
น.ส.จันทร์จิรา ที่ 4 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน
นางระดม มัทธุจัด ที่ 6 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 18 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 13 ปี 6 เดือน
นายจริวัฒน์ ที่ 7 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี
นายสรรพสิทธิ์ อดีต ผช.อธก. ที่ 10 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 33 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 24 ปี 9 เดือน ให้ร่วมจำเลยที่ 1 และที่ 2 คืนเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ โจทก์ร่วมที่ 2 อีก 55,972,785.80 บาท
นายสลุต ที่ 11 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี
นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด กก.บริษัทมัทธุจัด จก.ที่ 12 ที่รับโอนเงินจากการฉ้อฉลเข้าบัญชี ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 36 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 27 ปี โดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 3 ปีแต่ไม่เกิน 10 ปีดังนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 20 ปี
นายสมพงษ์ ที่ 13 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน
และนายธวัชชัย ที่ 14 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน
ขณะที่ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องในส่วนนายสมบัติ ที่ 5, นายภาดา ที่ 8, นายถวิล พึ่งมา อดีต อธก.สจล.ที่ 9
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังนั่งฟังคำพิพากษายาวนานกว่า 15 ชม. ว่า รู้สึกโอเค ขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งตนไม่ได้กระทำผิด หากอัยการจะยื่นอุทธรณ์ ก็พร้อมสู้คดี ส่วนคดีที่ตนกับพวกถูกอัยการยื่นฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฐานยักยอกทรัพย์ สจล. และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในองค์การของรัฐตนก็ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะตนไม่ได้กระทำผิดแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 26 ธ.ค.นายถวิลเดินทางกลับพร้อมครอบครัวบุตรชายและบุตรสาว
ขณะที่จำเลยทั้ง 11 คนที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก ญาติของจำเลยรวม 8 คน ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวทันที โดยจำเลยที่ 1, 2, 3 ยังไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งนายอภิชาติ เทพหนู ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี พิจารณาแล้วจึงเห็นควรให้ส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งต่อไป
โดยนายอภิชาติ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี กล่าวย้ำว่า การพิจารณาคำร้องก็เน้นในเรื่องสิทธิเสรีภาพของจำเลย ในคืนนี้จึงได้แจ้งกับญาติจำเลยทุกคนให้ทราบว่าถึงสิทธิการยื่นประกัน ซึ่งตามขั้นตอนก็จะส่งสำนวนคดีพร้อมคำพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาทันทีเช้าวันที่ 26 ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 21.30 น. ระหว่างอ่านคำพิพากษา นายอภิชาติ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี ได้ลงตรวจความเรียบร้อยบริเวณห้องพิจารณา และการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยที่สับเปลี่ยนชุดกันตั้งแต่ช่วงกลาง-ค่ำ
โดย นายอภิชาติยังเปิดเผยถึงขั้นตอนการยื่นประกันตัวของจำเลยภายหลังมีการอ่านคำพิพากษาแล้วว่า ไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาในทางใด จำเลยที่ถูกพิพากษาลงโทษให้จำคุก ญาติสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวได้ภายในคืนนี้ระหว่างรออุทธรณ์คดี โดยตนในฐานะผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี ผู้บังคับบัญชาสูงสุด ได้อยู่พิจารณาคำร้องด้วยตนเอง ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ญาติ และความเป็นธรรมของจำเลยทุกคนที่ได้โอกาสเท่าเทียมกันในการที่ใช้สิทธิขอปล่อยชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับ นายถวิล อดีต อธก.สจล., น.ส.อำพร ผอ.ส่วนการคลัง สจล.,
นายสรรพสิทธิ์ อดีต ผช.อธก.สจล., นายทรงกลด อดีต ผจก.ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์, นายคงฤทธิ์ อดีต ผจก.ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3 M, นายกิตติศักดิ์, นายพูนศักดิ์, นายจริวัฒน์ (8 คน) ก็ยังถูกดำเนินคดีในศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย เป็นคดีหมายเลขดำ อท. ฐานร่วมกันลักทรัพย์ สจล.และปลอมเอกสารถอนเงินจากบัญชี สจล.ระหว่างวันที่ 19 ก.ย. 2552 – 8 เม.ย. 2557 กว่า 700 ล้านบาทไปโดยทุจริต
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) (11), 147, 151, 157, 265, 268 ประกอบมาตรา 83, 86 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4, 8, 11 กรณีสืบเนื่องกันด้วย
ซึ่ง นายคงฤทธิ์ได้รับการประกันตัว 800,000 บาท ส่วน นายถวิลและนายสรรพสิทธิ์ ได้ประกันคนละ 8 ล้านบาท ขณะที่ศาลก็ได้กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นได้รับอนุญาตจากศาลด้วย โดยคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |