ในแต่ละปีประเทศไทยต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้เกิดความสูญเสียงเงินตรา หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะ พพ. กระทรวงพลังงาน ในฐานะที่กำกับดูแลทางด้านการอนุรักษ์-ประหยัดการใช้พลังงาน จึงมีนโยบายส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานอย่างประหยัดและถูกวิธีเพื่อลดการสูญเสียทั้งเงินตราและพลังงานที่กำลังทยอยลดลงจากโลก
โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซ จะเห็นได้จากในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ที่ผ่านมานั้น กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) รายงานว่าปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 46,585 ล้านลิตร หรือ 153 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.2% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กลุ่มน้ำมันอากาศยาน (เจ็ต) น้ำมันเตา น้ำมันก๊าด กลุ่มน้ำมันเบนซิน และกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มขึ้น 6%, 5.8%, 4.2%, 3.3%, 2.5% และ 1.4% ตามลำดับ
และมีการนำเข้าน้ำมันดิบถึง 965,506 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่านำเข้ารวม 700,830 ล้านบาท โดยปริมาณเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.6% มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 191,263 ล้านบาท คิดเป็น 37.5% ซึ่งมูลค่าการนำเข้าที่สูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยระดับราคาน้ำมันช่วงก่อนหน้านี้ มีการเคลื่อนไหวในระดับที่สูงขึ้นต่อเนื่อง
และเมื่อมาดูในด้านการใช้แล้วจะเห็นว่ายอดการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นกว่า 6% ขณะที่น้ำมันดีเซลมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 19,481 ล้านลิตร น้ำมันอากาศยานอยู่ที่ 5,851 ล้านลิตร การใช้น้ำมันเตาอยู่ที่ 1,816 ล้านลิตร, แอลพีจีอยู่ที่ 5,416 ล้านลิตร ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) อยู่ที่ 1,872 ล้านลิตร
จากยอดการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายหน่วยงานเริ่มตระหนักถึงการสูญเสียเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ดังนั้นกระทรวงพลังงานงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้เดินหน้ารณรงค์ให้การใช้พลังงานที่แลกมากับการสูญเสียเงินตราให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยล่าสุดได้ได้ผนึกกำลังกับ กรอ.ในการขับเคลื่อนและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในภาคโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มงานโครงการสาธิตหรือริเริ่ม ปีงบประมาณ 2561 ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดการใช้พลังงานแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาอีกคือการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข็งขันของภาคอุตสาหกรรม ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในระบบไอน้ำสำหรับโรงงานควบคุม ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เพื่อต้องการยกระดับภาพอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องใช้หม้อน้ำ ในกระบวนการผลิต
ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการขับเคลื่อนเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม และมีการใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นที่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาองค์ความรู้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์และเครื่องจักรภายในโรงงานให้สามารถลดต้นทุนพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนหลักของผู้ประกอบการ
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในการร่วมมือครั้งนั้น สมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม ได้ระบุชัดเจนว่า เพื่อต้องการเข้าไปสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล ทั้งในด้านเทคโนโลยี แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพด้านพลังงาน รวมทั้งแหล่งเงินทุน เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์และเครื่องจักร โดยเฉพาะบอยเลอร์ (Boiler) ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่สำคัญที่จะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการได้
นอกจากนี้ ยังเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรม ให้เป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ตามแนวทางนโยบายของ 4.0 ของรัฐบาลให้ความสำคัญของการอยู่ร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและชุมชน โดยเฉพาะการดูแลด้านความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม โดยทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันจัดทำมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานของโรงงานอุตสาหกรรม (Factory Energy Code) เพื่อใช้เป็นข้อกำหนดอ้างอิงในการจัดตั้งหรือดัดแปลงโรงงานที่มีแนวโน้มการใช้พลังงานจำนวนมาก
และหากดูภาพรวมแล้วในปี 2561 นั้น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าโครงการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เป็นรูปธรรม 7 โครงการ โดยได้รับการอุดหนุนจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานประมาณ 97 ล้านบาท ทำให้เกิดผลการประหยัดพลังงานทั้งสิ้น (ไฟฟ้าและเชื้อเพลิง) 37,166 ตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ/ปี สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งสิ้น 268,596 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ปี หรือคิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ทั้งสิ้น 193,303,617 บาท/ปี
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามที่จะรณรงค์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนของภาคเอกชน เพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันทางการค้า ยังช่วยลดมลพิษที่จะเกิดขึ้นกับประเทศและโลกด้วย
แต่จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ก็ต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน.
บุญช่วย ค่ายาดี
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |