ประเดิม ครม.สัญจรแรกของปีระกา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ล็อกเป้าหมาย “สุดฝั่งตะวันออก” อย่างจันทบุรีและตราด เป็นสถานที่ประชุม

      รวมกับปลายปีก่อนหลังจากเคาะฝุ่นประชุม ครม.สัญจรกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้ถือว่า “บิ๊กตู่” เท้าแตะพื้นที่แทบจะครบทุกภาคแล้ว

      ตั้งแต่ จ.นครราชสีมา โซนอีสาน ต่อด้วยภาคกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา เสร็จยกพลลงใต้ จ.สงขลา ก่อนจะส่งท้ายปลายปี 2560 กันที่เมืองกรุงเก่า จ.สุโขทัย กลับมาศักราชใหม่ ไล่เก็บตกพื้นที่ตะวันออก ตอนนี้เหลือแค่ “ตะวันตก” ทิศเดียวแล้ว

      ก่อนหน้านี้แต่ละพื้นที่โดนเพ่งเล็งว่าเป็นอีเวนต์ “เปิดตัวแนวร่วม” ทางการเมือง เพราะส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางการเมือง ไม่ได้โดนผูกขาดโดยพรรคใหญ่ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ แต่มีพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กอยู่ด้วย

      ขณะที่ จันทบุรี–ตราด ในทางการเมือง ถือเป็นพื้นที่สัมปทานของค่ายสีฟ้า “ประชาธิปัตย์” ผูกขาดการเลือกตั้งมานานสองนาน

      แม้จะเหมาะแก่การกระชับมวลชนให้ช่วยสนับสนุน แต่โซนตะวันออก “ไม่หมู” อย่างที่คิด หนำซ้ำควรจะต้องเร่งทำพื้นที่เสียด้วย เพราะปัจจุบันเมืองที่อยู่ติดชายทะเล เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายบางอย่างของรัฐบาลและ คสช.

      โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ “IUU Fishing” หลังสหภาพยุโรป (อียู) แจกใบเหลืองไทยตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศแรกๆ ชาวประมงพื้นบ้านที่มีอยู่จำนวนมากในโซนนี้ ได้รับผลกระทบจากการเข้มงวดเรื่องดังกล่าว ทั้งการออกพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 หรือ พ.ร.ก.การประมง และคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 24/2558

      ชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกัน ไม่โอเคอย่างแรง!

      ขณะที่มิติทางการเมือง การมาเที่ยวนี้ถือว่า แซ่บ! เพราะมีอดีต ส.ส.และนักการเมืองที่เป็นตัวละครสำคัญ โผล่ในเวที “พบผู้นำท้องถิ่นภาคตะวันออก” ที่ จ.จันทบุรี กันพรึ่บพรั่บ

      ซึ่งที่ผ่านมาเวที “พบผู้นำท้องถิ่น” จะถูกจัดอยู่ในโปรแกรมทุกครั้ง และมักจะถูกโยงว่าเป็นเวทีเปิดตัวแนวร่วมของทหาร เหมือนตอนลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ยกก๊กมัชฌิมาทั้งหมดมาพูดคุยกับ “บิ๊กตู่”

      ครั้งนี้ “สนธยา คุณปลื้ม” แกนนำพรรคพลังชล ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกจับตาว่าเป็นอีกตัวเต็งที่จะโดดร่วมกับท็อปบูตในการเลือกตั้งครั้งหน้า พาอดีต ส.ส.และผู้นำท้องถิ่นใน จ.ชลบุรีมาทั้งหมด เหมือนกับที่ “สมศักดิ์” เคยทำ

      ที่ฮือฮากว่านั้น ยังถือเป็นครั้งแรกที่มีอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มาร่วมประชุมด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอน “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก หรือสงขลา ซึ่งพรรคมีอดีต ส.ส.อยู่ในพื้นที่ ไม่ปรากฏอดีต ส.ส.ของค่ายนี้แม้แต่รายเดียว

      อีกทั้งคนที่ตบเท้ามาไม่ใช่อดีต ส.ส.ธรรมดา แต่เป็นถึงระดับรองหัวหน้าพรรค “สาธิต ปิตุเตชะ” อดีต ส.ส.ระยอง ที่นำทัพนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่มาเกือบทั้งหมด

      นอกจากนี้ยังมี “พงศ์เวช เวชชาชีวะ” อดีต ส.ส.จันทบุรี เครือญาติ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ในฐานะเจ้าถิ่นปรากฏตัว ถือเป็นการขยับทางการเมืองที่น่าสนใจ

      นอกจากสองพรรคการเมือง ยังพบว่า “ทรงยศ เทียนทอง” ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว หลานชายแท้ๆ ของ “ป๋าเหนาะ” เสนาะ เทียนทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก็เป็นตัวแทนของจังหวัดมาร่วมถก เพราะถือเป็นโซนตะวันออกเหมือนกัน

      เวที “พบผู้นำท้องถิ่น” ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังปัญหา ไปๆ มาๆ กลายเป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างมาเหมือนต้องการให้ “บิ๊กตู่” ได้คุยกับนักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่นไปแล้ว โดยมีเรื่องโครงการ “บังหน้า” และครั้งนี้ “พลังชล” คือ พรรคที่ถูกมองว่าพามา “เปิดตัว”

       ในขณะที่ “ประชาธิปัตย์” ยังคงคลุมเครือ เพราะการมาครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเพื่อแสดงตัวความเป็นเจ้าของพื้นที่ และแสดงตัวให้เห็นว่าพวกเขาเป็นปากเสียงของชาวบ้าน

       หนักไปทางการรักษาการ “มีตัวตน” มากกว่า

      ในส่วนของโครงการต่างๆ ที่มีการเสนอจากผู้แทนภาคเอกชน ผู้นำท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งที่รอการแก้ไขและการสร้างใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องถนน ระบบราง เรื่องน้ำอุปโภคบริโภคที่เป็นปัญหาในพื้นที่โซนตะวันออก ไฟฟ้า อุตสาหกรรม ด้านเกษตร ด้านการท่องเที่ยว

      ถ้าไม่ใช่ “โปรเจ็กต์” ที่อยู่ระหว่างมีข้อพิพาท ครม.ไฟเขียวในหลักการทั้งหมด เช่นเดียวกับการประชุม ครม.สัญจรทุกครั้ง

      เพราะเวลาไปแต่ละที่ นอกจากการมาพูดคุยทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ ของรัฐบาล ทั้งที่กำลังเป็นประเด็นร้อน หรือสิ่งที่ต้องการสร้างความรับรู้ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังให้คนในพื้นที่เห็นในการมาของ “บิ๊กตู่” อีกอย่าง คือ การนำความเจริญมาให้

       ข่าวที่ประชุม ครม.สัญจร อนุมัติโครงการต่างๆ แม้เป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับชาวบ้านมันเหมือน “ได้รับการเอาใจ”