ทอมเข้าแจ้งความ ถูกชาย 4 คนอ้างเป็นตำรวจเข้าค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้น ซ้ำบางคนอยู่ในอาการมึนเมา กล่าวหาครอบครองยาบ้า โทร.แจ้งตำรวจจริงจึงได้กำนันมาเป็นพยาน หลังค้นไม่พบอะไรก็บอกผิดบ้าน 
    เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมนี้ น.ส.ภัสรา ช่วยแจ้ง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/1 ถนนจริงจิตร อ.เมือง จ.ตรัง เข้าร้องทุกข์ผู้สื่อข่าวว่า ตนเองถูกบุคคล 4 คนอ้างตัวเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด จะเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักโดยไม่มีหมายค้น กล่าวหาว่าครอบครองยาบ้า พร้อมข่มขู่ว่าหากไม่ยอมให้ค้นจะยกรถจักรยานยนต์ของตนไป ซึ่งสังเกตว่าในจำนวนนี้มีอาการมึนเมา ซึ่งตนได้บอกไปว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ขอแต่งตัวก่อน และตนเองก็อาศัยอยู่กับน้องสาวเพียง 2 คน หากไม่มีหมายค้นก็จะไม่ให้เข้า อย่างไรก็ตาม ชายทั้ง 4 ได้ดึงดันเข้าไปในบ้าน และทำท่าจะลวนลามน้องสาวอีกด้วย 
    ผู้ร้องเรียนซึ่งมีบุคลิกเป็นทอม กล่าวว่า ตนได้ขอดูบัตรประจำตัวของบุคคลทั้ง 4 มีอยู่คนหนึ่งให้ดู อ้างว่าเป็นสารวัตร ส่วนอีก 3 คนไม่แสดงบัตรประจำตัว ตนเห็นท่าไม่ดีจึงถ่ายคลิปไว้ จากนั้นได้โทรศัพท์ให้ตำรวจเข้าช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพียงแต่การตรวจค้นครั้งนี้ได้มีกำนันมาเป็นพยานด้วย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เขียนบันทึกการตรวจค้นโดยให้กำนันเซ็นรับทราบว่าไม่พบอะไร และอ้างว่าค้นผิดบ้าน ก่อนจะฉีกบันทึกดังกล่าวทิ้ง ตนขอดูก็ไม่ให้ดู ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นบ้านเช่าประมาณ 5-6 หลังติดกัน จุดประสงค์ในการร้องเรียนคือต้องการให้ผู้สื่อข่าวไปเป็นพยานในการแจ้งความ เพราะมิเช่นนั้นเกรงว่าตำรวจจะไม่รับแจ้ง
    จากนั้น น.ส.ภัสราได้เข้าแจ้งความ ร.ต.อ.มังกร ชัยเพชร์ ร้อยเวร สภ.เมืองตรัง ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่อธิบายว่า กรณีเจ้าหน้าที่มีข้อสงสัยว่ามีเหตุการณ์มั่วสุม หรือมีพฤติกรรมน่าสงสัย หรือมีเหตุการณ์ต่อเนื่องเหตุอันควร เจ้าหน้าที่สามารถแสดงตัวตรวจค้นได้ทันที โดยที่เจ้าหน้าที่มีบัตรเพียงคนเดียวก็ได้ เพราะส่วนที่มาด้วยเป็นทีมงานเข้ามาช่วยเหลือ และสามารถกักตัวไว้ได้ถึง 3 วันโดยไม่ต้องนำตัวมา สภ. แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าทางเจ้าหน้าที่จะสามารถแสดงตัวไปค้นบ้านใครก็ได้ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีการแอบอ้างค้นบ้านผู้อื่นจนเกิดความวุ่นวาย
    ขณะที่ น.ส.ภัสรากล่าวว่า ที่ตนมาแจ้งความเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในบ้านด้วยอาการมึนเมา ข่มขู่ อวดอ้างรู้จักตำรวจนายใหญ่ เข้ามาเหมือนจู่โจมทำหน้าที่โดยมิชอบ จึงมาแจ้งความและขอความเป็นธรรม ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จริง แต่การปฏิบัติหน้าที่ก็ส่อว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย.