ตามรัฐมนตรีกลาโหมไปติดๆ "เบรตต์ แม็กเกิร์ก" ทูตพิเศษของสหรัฐในกองกำลังผสมต่อต้านไอเอส ยื่นลาออกต่อรัฐมนตรีต่างประเทศแล้ว แสดงความไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องการถอนทหารอเมริกันออกจากซีเรียโดยอ้างว่ามีชัยชนะเหนือไอเอสแล้ว
แฟ้มภาพ เจมส์ แมททิส รัฐมนตรีกลาโหม (ขวา) และเบรตต์ แม็กเกิร์ก ทูตพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐประจำกองกำลังผสมนานาชาติเพื่อต่อต้านไอเอส ฟังคำถามผู้สื่อข่าวระหว่างการแถลงที่กระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2561 / AFP
การเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเมื่อวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2561 เรื่องการลาออกของทูตพิเศษสหรัฐประจำกองกำลังผสมนานาชาติที่ปฏิบัติภารกิจต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลามในครั้งนี้ เป็นการตอกตะปูปิดท้ายสัปดาห์อันวุ่นวายภายในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ต่อจากคำประกาศของทรัมป์เรื่องการถอนทหาร และการยื่นใบลาออกของเจมส์ แมททิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ที่คัดค้านการตัดสินใจของทรัมป์
หนังสือลาออกที่เบรตต์ แม็กเกิร์ก ยื่นต่อไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคมนั้น จะเริ่มมีผลบังคับในวันที่ 31 ธันวาคม ถึงแม้ว่าทูตพิเศษวัย 45 ปีผู้นี้มีกำหนดจะพ้นจากตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าอยู่แล้วก็ตาม รายงานของนิวยอร์กไทมส์อ้างอีเมลที่เขาส่งถึงเพื่อนร่วมงานหลายคนว่า เขาไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้อีกต่อไปหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศถอนทหารอเมริกันที่มีอยู่ราว 2,000 นายออกจากซีเรียเมื่อวันพุธที่แล้ว
ทูตพิเศษซึ่งได้รับการแต่งตั้งในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อปี 2558 กล่าวไว้ในอีเมลด้วยว่า การตัดสินใจของทรัมป์นั้นสร้างความ "ช็อก" และย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับนโยบายที่พวกตนได้รับมอบหมายมา ทั้งยังทำให้ประเทศหุ้นส่วนในกองกำลังผสมสับสน และหุ้นส่วนที่ร่วมในการต่อสู้ต่างก็งุนงง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม็กเกิร์กเพิ่งกล่าวไว้ว่า ไม่มีใครประกาศได้ว่าภารกิจต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) นั้นสำเร็จลุล่วงแล้ว การพูดแค่ว่า รัฐคอลิฟะห์ถูกโค่นแล้วในทางรูปธรรม เราจึงควรถอนทหารกลับนั้น ถือเป็นความสะเพร่า
ทรัมป์ประกาศผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันพุธว่า ไอเอสถูกโค่นพ่ายแพ้อย่างยับเยินแล้ว ดินแดนของไอเอสโดนยึดคืน และถึงเวลาที่สหรัฐต้องถอนทหารออกจากซีเรีย แต่เมื่อวันเสาร์ หลังจากเผชิญกระแสต่อต้านอย่างหนักทั้งภายในและนอกประเทศ ทรัมป์ปรับแก้คำพูดว่า นักรบญิฮาดกลุ่มนี้ "ถูกโค่นพ่ายแพ้เป็นส่วนใหญ่" และประเทศที่อยู่ในภูมิภาคนั้น ซึ่งรวมถึงตุรกี สามารถรับช่วงต่อในการจัดการกับงานที่เหลือได้อย่างง่ายดาย
แฟ้มภาพ เบรตต์ แม็กเกิร์ก (ซ้าย) เดินทางมาร่วมการประชุมสภาพลเรือนร็อกเกาะห์ พร้อมกับบรรดานายทหาร ที่หมู่บ้านไอน์อิสซาทางเหนือของซีเรีย เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2560 / AFP
การถอนทหารอเมริกันจะทำให้นักรบชาวเคิร์ดหลายพันคน ซึ่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝนและติดอาวุธเพื่อให้ต่อสู้กับนักรบญิฮาดไอเอสในซีเรีย อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะโดนตุรกีรุกโจมตี นักรบเคิร์ดเหล่านี้เป็นแกนนำในกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) ที่ร่วมในปฏิบัติการสู้รบกับไอเอสในซีเรีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังผสมนานาชาติต่อต้านไอเอสซึ่งมีหน่วยพิทักษ์ประชาชน (วายพีจี) เป็นกองกำลังส่วนใหญ่
เมื่อวันเสาร์ เจ้าหน้าที่อาวุโสชาวเคิร์ดเรียกร้องสหรัฐให้ป้องกันการรุกโจมตีของตุรกีในพื้นที่ทางเหนือของซีเรียซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวเคิร์ด โดยระบุว่าเป็นหน้าที่ของสหรัฐที่ต้องป้องกันการโจมตีใดๆ และยุติภัยคุกคามจากตุรกี
อัลดาร์ คาลิล ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสถาปนาเขตกึ่งปกครองตนเองของชาวเคิร์ดในซีเรียเมื่อปี 2556 กล่าวว่า สหรัฐและชาติพันธมิตร "ต้องเคารพพันธสัญญาของพวกเขา"
ขณะเดียวกัน องค์กรจับตาสิทธิมนุษยชนในซีเรียเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เมื่อวันเสาร์กองทัพตุรกีได้ส่งรถถัง 35 คันและอาวุธหนักอื่นๆ ข้ามชายแดนสู่ตอนเหนือของซีเรีย ใกล้กับพื้นที่ในความควบคุมของกองกำลังชาวเคิร์ด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |