"อภิรัชต์" ยันกองทัพมีความเป็นมืออาชีพ ไม่เคยใช้คน เครื่องมือไปถ่ายคลิปสวาทนักการเมือง ใช้ IO เฉพาะกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ เป็นภัยความมั่นคงของชาติเท่านั้น ชี้การป้ายสีก่อนเลือกตั้งเป็นเรื่องไม่ปกติของสังคมมาทุกยุค ยกคำคมอาจารย์หม่อม “รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ปัญหา คณะปฏิวัติเป็นเพียงปลายเหตุ คนโกงต่างหาก คือต้นเหตุ”

    เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.และเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีการพาดพิง คสช.และกองทัพ ว่าอยู่เบื้องหลังหรือปฏิบัติการ IO แพร่คลิปสวาท “นักการเมือง-นักกิจกรรมทางการเมืองหญิง ว่า 
    1.กองทัพบกเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงและมีความเป็นมืออาชีพ และไม่เคยใช้คนหรือเครื่องมือนอกเหนืองานด้านความมั่นคง และผิดจรรยาบรรณโดยเด็ดขาด
    2.คำว่า IO หรือ Information Operation หรือการต่อต้านงานด้านการข่าว และการต่อต้านการข่าวกรองทางทหาร จะปฏิบัติต่อกลุ่มคนหรือองค์กรที่ต่อต้านระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกลุ่มที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติเท่านั้น
    3.ทบ.เข้าใจและเห็นใจต่อผู้เสียหายจากการใช้ Social Media ทุกคน และขอให้สังคมให้ความเป็นธรรม และใช้วิจารณญาณกับสิ่งที่เกิดขึ้น
    4.ปรากฏการณ์ใส่ร้ายป้ายสีก่อนการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ไม่ปกติของสังคมไทยมาทุกยุคสมัย
    5.ทบ.ได้มีประสบการณ์ในวิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้นมาทุกสมัย และทุกครั้งที่เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทบ.มักจะถูกเป็นจำเลยของสังคม 
    โดยที่กลุ่มเห็นต่าง มิได้มองถึงสาเหตุหรือต้นเหตุแห่งความวุ่นวายที่เกิดขึ้น โดยขอนำอมตวาจาของ ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีว่า “รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ปัญหา คณะปฏิวัติเป็นเพียงปลายเหตุ คนโกงต่างหาก คือต้นเหตุ”
    พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในฐานะโฆษก บก.ปอท. กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ส่งต่อภาพและคลิปว่า เบื้องต้นศูนย์เฝ้าระวังโซเชียลของ บก.ปอท.ได้ตรวจพบการส่งต่อแล้วตลอดวันเมื่อวานนี้ แม้จะยังไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปล่อยคลิปดังกล่าวต่อพนักงานสอบสวน เราก็ไม่นิ่งเฉย ได้ทำการตรวจสอบรายละเอียดของภาพนิ่งและคลิปที่ส่งต่อกันมาที่มีความยาว 6 วินาทีแล้ว 
    "เบื้องต้นพบว่าอาจยังไม่ชัดเจนที่จะเข้าข่ายความตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงการแสดงความเห็นหรือคอมเมนต์ในลักษณะคึกคะนองที่สร้างความเสียหายให้กับผู้หนึ่งผู้ใดที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ อาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทได้"
    นอกจากนี้ หากมีผู้ใดนำภาพนิ่งในคลิปไปตัดต่อในทางเสียหายกับผู้หนึ่งผู้ใด ก็อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 16 ซึ่งจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ทั้งอยากฝากถึงการใช้บริการสถานที่ เช่น โรงแรม รีสอร์ต หรือที่พักต่างๆ ต้องตรวจสอบว่าปลอดภัยหรือไม่ เพราะอาจมีการติดตั้งกล้องแอบถ่ายและนำภาพมาปล่อยในโลกโซเชียลในลักษณะแบบนี้ได้
    ด้านนายสุทิน วรรณบวร อดีตนักข่าวการเมืองอาวุโส แนวร่วมกลุ่ม กปปส. เมื่อครั้งชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความว่า "ลองคิดดูนะ ถ้าคุณมีเขยที่กำลังติดคุกเพราะคอร์รัปชัน ซึ่งจะส่งกระทบอย่างรุนแรงมาถึงเครดิต ชื่อเสียงของครอบครัวที่มีธุรกิจคับประเทศที่คุณต้องพึ่งพาฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจ
    เมื่อเขยเจ้าปัญหาที่กำลังติดคุก ยังซ่าหาเรื่องเดือดร้อนท้าทายอำนาจ เมื่อคุณรู้ว่านอกจากมันสร้างความวุ่นวายแล้ว มันยังสำส่อน ถ้าคุณอยากอยู่รอดทางธุรกิจ และรักษาชื่อเสียงของตระกูล เมื่อมีโอกาสที่จะเขี่ยมันให้พ้นทางได้คุณจะทำไหม
    ดังนั้นเรื่องสำส่อนที่เกิดขึ้นมันมี...งำ คนมีสติต้องไม่กล่าวหาว่าฝ่ายตรงข้ามทางเมืองแบล็กเมล์ แต่ผู้ที่ทำให้เรื่อง...งำนี้ฉาวโฉ่ขึ้นมา ฟันธงว่าคือคนใกล้ตัวที่ทำสิ่งนี้ เพื่อเขี่ยขยะออกไปจากรั้วบ้าน เป็นการยิงปืนนัดเดียวทำให้...ตายสองตัว
    สรุปว่าเรื่อง...งำนี้ถูกทำให้โฉ่ขึ้นจากคนใกล้ตัว ที่วางแผนขจัดหมาหัวเน่าออกจากบ้านเป็นผู้ทำ อย่าได้พล่านวุ่นวายด่าฝ่ายเผด็จการ นะฝ่ายเผด็จกามประชาธิปไตย"
     นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ รองศาสตราจารย์ประจำศูนย์วิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ปัจจุบันอาศัยอยู่ต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun โดยระบุว่า "ฝ่ายเราเห็นคลิปหลุดล่าสุดแล้วเกรี้ยวกราด แต่ฝ่ายเราเช่นกันนี่แหละ ที่ยังเอาคลิปหลุด...มาล้อเรื่องเบบี้ออย"
    นายปวินแลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้เข้ามาแสดงความเห็นที่ว่า "....มันถ่ายของมันเอง ไม่ได้โดนแอบถ่ายนี่ครับ" ว่า "อย่าผิดประเด็น เค้าถ่ายเอง แต่เค้าไม่ต้องการเปิดสาธารณะ แต่ฝ่ายเราเอามาล้อไม่หยุด"
    ส่วนนายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และผู้เสนอตัวลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome โดยระบุว่า "เป็นกำลังใจให้ Bow Nuttaa Mahattana และคุณวัฒนา นี่คือเรื่องส่วนตัว และอย่าไปสนใจพวกที่โจมตี ขอให้ยืนหยัดต่อสู้ต่อไป คนที่เอาเรื่องนี้มาใช้เป็นประเด็นโจมตีเท่ากับเป็นการเผาตัวเองเสียมากกว่า"
    ช่วงค่ำ น.ส.ณัฏฐา มหัธนา หรือโบว์ แกนนำคนอยากเลือกตั้ง ได้ไลฟ์สดนานเกือบชั่วโมง ระบุว่า ในนคลิป โบว์สะพายกระเป๋าที่ไม่ได้ใช้นานแล้ว จึงรู้ว่าเขาเก็บคลิปนี้ไว้นานมากแล้ว และรอจังหวะที่จะปล่อยออกมา ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พรรคการเมืองเริ่มทำกิจกรรมใหญ่ มีงานใหญ่เกิดขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เรารณรงค์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง กระทั่งมาถึงระดับที่เราสร้างภาพกิจกรรมทางการเมืองที่ชัดเจน ดังนั้นเจตนาจึงชัดเจนว่าการปล่อยคลิปนี้ต้องการอะไร ไม่ได้เพียงทำลายหรือทำร้ายคนสองคน แต่ได้ทำลายสิ่งที่เชื่อมโยงของเราด้วย
    เธอยังกล่าวว่า มีคำถามจะฟ้องไหม ทำไมไม่ฟ้อง จะยุให้ฟ้อง ต้องเล่าย้อนก่อนว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เราเคยมีบางจุดบางช่วงที่หันเข้าหากระบวนการยุติธรรมมาแล้ว คุณวัฒนาเคยถูกชกที่ลานจอดรถของสนามฟุตบอล ในการถูกชกนั้นไม่สามารถจับตัวผู้กระทำผิดได้ ทั้งๆ ที่จดทะเบียนรถได้ชัดเจน เช็กได้ว่าทะเบียนรถนั้นเป็นของค่ายทหารที่จังหวัดไหนด้วยซ้ำ แต่กล้องวงจรปิดพร้อมใจกันเสียทุกตัว พวกเราหันเข้าหากระบวนการยุติธรรมมาแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    "สื่อทีวีบางสำนักได้มาขอสัมภาษณ์โดยให้พาไปที่จุดเกิดเหตุ เพื่อจะขอสัมภาษณ์คนบริเวณนั้นว่ามีทหารมาติดตามจริงหรือไม่ ซึ่งขอโทษเถอะ ทหารคงไม่ใช้รถฮัมวีมาติดตามโบว์หรอก"
    น.ส.ณัฏฐาตั้งคำถามว่าใครเป็นคนเสียประโยชน์ และใครได้ประโยชน์จากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราสองคน คนหนึ่งเป็นนักการเมือง ที่ผลักดันอะเจนดาหลายอย่างที่ค่อนข้างถูกมองว่าเป็นการนำภัยเข้าหาตัว อยู่ในพรรคการเมืองที่เป็นเป้า อีกคนคือโบว์เองเป็นนักเคลื่อนไหว แม้ไม่ได้เป็นโดยอาชีพ แต่ทุกวันนี้จริงจังจนใกล้เป็นอาชีพไปแล้ว ถ้าจะมองว่าคนที่ต้องการทำร้ายและทำลายเรา เขาทำลายเราในฐานะคนสองคนหรือเปล่า โบว์ว่าไม่ แต่ทำลายสิ่งที่เชื่อมโยงกับองค์กร ทั้งนี้ ถ้าดูจากติดโลโก้ในภาพจากคลิป จะเห็นได้ว่าไม่ได้ทำลายแค่สิ่งที่เชื่อมโยงกับเรา แต่ทำลายสิ่งที่เราพยายามแบกไว้บนบ่าด้วย
    เธอกล่าวว่า ในฐานะนักเคลื่อนไหวแบกไฟฉายไปยังกลไกการเลือกตั้ง แบกไฟฉาย DRG เครือข่ายแฟร์ (FFFE) แบกพันธกิจในการทำสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ ให้เกิดเสรี เป็นธรรม และมีผลในทางปฏิบัติ จึงได้ไปเดินสายหาพรรคการเมือง 7 พรรค เพื่อให้ออกไปผลักดันประเด็นที่จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เสรีและเป็นธรรม เราอยากให้สนามครั้งนี้เล่นได้สำหรับทุกคน ที่สุดแล้วเราแบกความพยายามในการหยุดการสืบทอดอำนาจของเผด็จการไว้ 
    "ดังนั้นการทำลายคนสองคนครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ทำลายชายและหญิง แต่ยังทำลายสิ่งที่เชื่อมโยงองค์กร คนแวดล้อม และสิ่งที่อยู่บนบ่าของพวกเราที่จะนำไปสู่เป้าหมายคือประเทศเป็นประชาธิปไตย อาชญากรรมที่เกิดขึ้นไม่ได้แค่ทำลายมนุษย์ แต่ทำลายหลายอย่าง เรื่องนี้ต้องตั้งหลักให้ดี ฉะนั้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าใครได้ประโยชน์ แล้วจะรู้เองว่าเรื่องนี้น่ากลัวกว่าที่คิด น่ากลัวกว่าการเซตอัพติดตั้งกล้องถ่ายคนสองคน น่ากลัวกว่าการปล่อยคลิป แต่คือผลประโยชน์ของสาธารณะของประเทศที่จะถูกทำลายไป"
    นอกจากนี้ น.ส.ณัฏฐายังบอกว่า มีคนมาเตือนว่าให้ระวังอุบัติเหตุจากการเซตอัพ ส่วนคนที่เข้ามาคอมเมนต์ด่านั้น เป็นพวกที่กองทัพอีกฝ่ายจ้างมา ฉะนั้นไม่ต้องไปสนใจ.