กกต.ขึงขังบี้โต๊ะจีน ให้30วันแจงชื่อ‘ผู้บริจาค’พปชร.แอ่นอกพร้อมเปิด!


เพิ่มเพื่อน    

  "ป้อม" ยันซื้อโต๊ะจีนระดมทุน "พปชร." ไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล กกต.บี้ พปชร.แจ้งที่มาเงินระดมทุนภายใน 30 วัน ลั่นพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง "ณัฏฐพล" ปัดคลัง-ททท.ซื้อโต๊ะ วอนหยุดใส่ร้ายพร้อมเปิดรายชื่อ 2-3 สัปดาห์ถ้าพบทำผิดคืนเงินบริจาคทันที  "ททท.-กทม." เรียงหน้าปฏิเสธ "ศรีสุวรรณ" บุก กกต.จี้ให้ตรวจสอบ "สดศรี" เตือน กก.บห.หากมีหลักฐานชัดหน่วยงานรัฐซื้อโต๊ะโทษหนักคุก 10 ปี ตัดสิทธิ์การเมือง  "มาร์ค" ขยี้ซ้ำ ถ้าใช้อำนาจรัฐช่วยระดมทุนผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง ขณะที่ 25 พรรคการเมืองร่วมลงนามในสัญญาประชาคมเลือกตั้ง จะเป็นไปโดยเสรี สุจริต ตั้งรัฐบาลต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส. แต่ไร้เงา พปชร.

    เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่าหน่วยงานภาครัฐซื้อโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในงานระดมทุนเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้ตอบไม่ได้ เป็นเรื่องของพรรค พปชร. ตนไม่ได้เข้าไปอยู่ในพรรค ซึ่งคาดว่าทางพรรค พปชร.จะออกมาชี้แจงว่าได้เงินมาอย่างไร
    ผู้สื่อข่าวถามว่า หน่วยงานภาครัฐสามารถไปซื้อโต๊ะ จีนในงานระดมทุนของพรรคการเมืองได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาอาจจะได้เงินช่วยเหลือจากที่อื่นมาหรือไม่ เพราะหน่วยงานรัฐไม่สามารถใช้งบประมาณของรัฐไปสนับสนุนซื้อโต๊ะจีนของพรรคการเมืองได้ 
    เมื่อถามว่า กรณีการเปิดเผยข้อมูลการซื้อโต๊ะจีนของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อกดดันให้ 4 รัฐมนตรีที่อยู่ในพรรค พปชร.ลาออกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ให้ไปถาม 4 รัฐมนตรี เชื่อว่าไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคพปชร. ส่วนการทำงานของ 4 รัฐมนตรี ต้องดูว่าเขาสามารถแยกแยะการทำงานได้หรือไม่ว่าสิ่งไหนเป็นของรัฐบาล สิ่งไหนเป็นของพรรคการเมือง
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองวิพากษ์วิจารณ์การระดมทุนของพรรคพปชร.ว่า ไม่ทราบ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรกัน ไม่มีใครเคยมาถาม แต่ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เขียนว่าห้ามหน่วยงานของรัฐ หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจที่รัฐเข้าไปถือหุ้นอยู่มากเข้าไปอุดหนุนบริจาคให้กับพรรคการเมือง เพราะไม่ให้ใช้งบของหลวง แต่เขาเปิดช่องให้เอกชนและข้าราชการทำได้ในฐานะส่วนบุคคล ซึ่งถ้าเป็นคนในองค์กรนั้นเองไม่เป็นไร แต่เงินใครต้องถามด้วย ขณะที่กรณี 4 รัฐมนตรีที่เป็นผู้บริหารพรรค สามารถบริจาคเกิน 3,000 บาทได้ เพราะกฎหมายกำหนดเฉพาะห้ามรับเกินเท่าไร
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการเรียกร้องให้พรรค พปชร. เปิดรายละเอียดผู้ซื้อโต๊ะจีน นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบ คงเป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปตรวจสอบเอง และการซื้อโต๊ะถือเป็นการบริจาคในการระดมทุน ตนตอบอะไรไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นว่ารัฐบาลเข้าไปยุ่ง 
    ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พรรคการเมืองสามารถหารายได้ของพรรค หรือระดมทุนได้ แต่หลังจากการระดมทุนแล้ว พรรคการเมืองจะต้องรายงานต่อนายทะเบียนพรรค และประกาศให้ประชาชนรับทราบภายใน 30 วันนับจากวันที่จัดงาน รวมถึงต้องรายงานต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองด้วยว่าบุคคลใดบ้างบริจาคเกิน 100,000 บาท ซึ่งเหตุผลที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นนี้ เนื่องจากต้องการให้เกิดความโปร่งใสในพรรคการเมือง และให้การดำเนินการหารายได้ของพรรคมีธรรมาภิบาล
    ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่นของรัฐร่วมซื้อโต๊ะจีนด้วย พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ปกติตามหลักการทั่วไป หน่วยงานรัฐจะมีขอบเขตการใช้เงินของรัฐอยู่แล้วว่าอะไรสามารถใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐได้บ้าง ซึ่งเงินจากหน่วยงานของรัฐถือเป็นเงินหลวง อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นต้องรอให้พรรคพลังประชารัฐรายงานมายังนายทะเบียนพรรคการเมืองถึงที่มาของรายได้ก่อน กกต.จะดำเนินการตรวจสอบได้
     นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. กล่าวตอนหนึ่งระหว่างประชุมชี้แจงการดำเนินกิจกรรมให้แก่พรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ 13 พรรคการเมืองถึงการรับบริจาคและการระดมทุนว่า ก่อนหน้านี้ กกต.ได้มีหนังสือตอบไปยังพรรรคการเมืองแล้วว่า ทั้งเงินบริจาคและเงินระดมทุนผู้ให้จะสามารถให้ได้ไม่เกินคนละ 10 ล้านต่อคนต่อปี โดยการรับบริจาคสามารถรับเงินบริจาคได้ตลอด แต่การระดมทุนพรรคจะทำได้แค่จนถึงแค่วันก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง เมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้วทำไม่ได้ ดังนั้นถ้าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. พรรคการเมืองที่จะระดมทุนก็ต้องมองให้ออกว่า พ.ร.ฎ.เลือกตั้งจะเกิดขึ้นในช่วงไหน และวางแผนดำเนินการให้ดี
    "ที่พรรคการเมืองมีการไประดมทุนและเป็นข่าวในขณะนี้ คิดว่าทางพรรคเขาน่าจะศึกษากฎหมายแล้ว แต่สุดท้ายทุกอย่างมันมีที่มาในทุกเรื่อง ไม่ต้องมาบอกว่ากกต.ต้องไปสอบสวน มันมีเขียนอยู่ในระเบียบ กกต.แล้วว่าพรรคการเมืองต้องประกาศหรือแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองอย่างไร ซึ่งก็ต้องให้เวลากับพรรคการเมืองเขาดำเนินการ" นายแสวงกล่าว
ปัดคลัง-ททท.ซื้อโต๊ะจีน
    นายแสวงกล่าวถึงการหาเสียงของพรรคการเมืองว่า ขณะที่ยังไม่มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง พรรคการเมืองสามารถทำอะไรก็ได้ที่กฎหมายซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันไม่กำหนดเป็นความผิด ยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ลดเสรีภาพในการดำเนินการของพรรคการเมืองที่เคยทำมา ทั้งการแจกเอกสารแผ่นพับ สติกเกอร์ การใช้รถหาเสียง การหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าทำในนามส่วนตัวก่อนมี พ.ร.ฎ.ไม่ถือเป็นค่าใช้จ่าย แต่ถ้าติดในนามพรรคการเมือง จะต้องนำมาคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายของพรรค เมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้ว การดำเนินการในสิ่งเหล่านี้จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กกต.กำหนด 
    "ส่วนกรณีการกระทำผิด ณ วันนี้ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.มีผลแล้ว หากมีการกระทำผิด ทุจริต หรือทำให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นไม่สุจริต กฎหมายให้อำนาจ กกต.สามารถสั่งเลือกตั้งใหม่ได้ก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกพรรคระมัดระวัง" นายแสวงกล่าว
    ทางด้านนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพปชร. ในฐานะแม่งานจัดระดมทุนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวชี้แจงกรณีมีข่าวระบุว่ากระทรวงการคลังและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ บริจาคเงินซื้อโต๊ะจีนรวมกว่า 60 ล้านบาทว่า เท่าที่ตนตรวจสอบ ยืนยันได้ว่าไม่พบหน่วยงานตามที่กระแสข่าวระบุ เรามีการเปิดบัญชีพักเงินบริจาคส่วนนี้เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ถ้าพบว่าบริษัทหรือบุคคลใครก็ตามผิดคุณสมบัติที่กฎหมายกำหนด หรือมีข้อขัดแย้ง เราคืนเงินที่บริจาคมาทันที ทั้งนี้ ตนเคยทำระดมทุนในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 3-4 ครั้ง จึงต้องดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ จะทำแบบลักไก่นั้นไม่มี 
    "บางทีต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง หยุดใส่ร้ายกันได้แล้ว ยืนยันเราทำทุกอย่างด้วยความถูกต้อง ไม่มีกระทรวงการคลังหรือหน่วยงานรัฐบริจาค เรารับไม่ได้ พรรคอื่นที่กล่าวหากัน ไม่มีการระดมทุนแบบนี้ แล้วมาบอกว่าเราทำผิด พรรคที่ตั้งข้อสงสัยเตรียมการเลือกตั้งอย่างไร แต่พลังประชารัฐถือเป็นพรรคใหญ่ เราเตรียมการเลือกตั้ง วางแผนอย่างสุขุมรอบคอบ ทำตามกฎกติกาของ กกต. แต่ถูกใส่ร้ายทางการเมือง ทั้งที่เรามุ่งมั่นเดินหน้าให้ประเทศพัฒนา" นายณัฏฐพลกล่าว 
    ส่วนเสียงเรียกร้องให้เปิดเผยรายนามผู้บริจาคให้พรรคทั้งหมดนั้น นายณัฏฐพลกล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพียงแต่ขอเวลาตรวจสอบก่อน โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด คาดว่าใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ไม่ว่าบริษัทใดก็ตาม เมื่อตรวจสอบแล้วเป็นไปตามเกณฑ์กฎหมายกำหนด ก็เปิดเผยได้ ไม่มีข้อปิดบัง และไม่กังวลหากยอดที่บริจาคจะลดลงจาก 650 ล้านบาท
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องการระดมทุนของพรรคนั้น นายณัฏฐพล ได้ชี้แจงไปแล้วว่าทุกอย่างดำเนินการถูกต้องตามระเบียบ กกต. ทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ จะเห็นได้ว่าขณะนี้มีกระบวนการที่จ้องทำลายพรรคพลังประชารัฐ มีการใส่ร้ายทำเป็นกระบวนการ เป็นขั้นเป็นตอน อยากให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว แล้วหันมาทำการเมืองสร้างสรรค์ มุ่งไปสู่การเลือกตั้งดีกว่า
    นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวยืนยันว่า ททท.ไม่มีส่วนในการสนับสนุนการระดมทุนของพรรคพปชร. จำนวน 3 โต๊ะ เป็นเงิน 9 ล้านบาท ขอให้หยุดนำเสนอข่าวอันทำให้เสียชื่อเสียง ซึ่ง ททท.อาจจะดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งนี้ ททท.มีนโยบายในการใช้งบประมาณอย่างถูกต้องเหมาะสม คุ้มค่า และตรวจสอบได้ ดังนั้น ททท.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว เนื่องจากระเบียบด้านการเงินไม่สามารถกระทำได้ โดยการใช้งบประมาณต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการ ททท. ซึ่งมีขั้นตอนที่ชัดเจน ซึ่งไม่มีวาระการประชุม หรือวาระพิจารณาที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
    นอกจากนี้ ททท.ออกคำชี้แจงว่า การสนับสนุนซื้อโต๊ะ หรือบริจาคเพื่อกิจกรรมทางการเมืองนั้น มิสามารถกระทำได้ตามระเบียบของ ททท. และขอย้ำว่าไม่มีหน่วยงานภายในให้การสนับสนุนตามที่ปรากฏเป็นข่าว เนื่องจากเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัด
"ศรีสุวรรณ" บุกร้อง กกต.
    พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า เพิ่งจะทราบเรื่องว่ามีชื่อของ กทม.ปรากฏอยู่ในงานเลี้ยงโต๊ะจีน โดย กทม.และผู้ว่าฯ กทม.ปฏิเสธการเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องในการบริจาคเงิน เพราะผิดระเบียบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องคำนึงถึงเงื่อนไขตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 103 โดยค่ารับรองและของขวัญต้องรับเนื่องในโอกาสต่างๆ โดยปกติตามขนบธรรมเนียมประเพณี หรือวัฒนธรรม หรือให้กันตามมารยาทที่ปฏิบัติกันในสังคมเท่านั้น และต้องมีมูลค่าไม่เกิน 3,000 บาทเท่านั้น หาก ป.ป.ช.จะมีการตรวจสอบในส่วนของ กทม. มีความยินดีอย่างยิ่ง 
    เช้าวันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึง กกต. ขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า การจัดระดมทุนในขณะนี้มีอย่างน้อย 2 พรรค ซึ่งมีข้าราชการนักการเมืองเข้าไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก จนมองว่าเป็นพฤติการณ์ย้อนแย้งกับกฎหมายที่กำหนดให้พรรคการเมืองมีทุนประเดิมไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และให้ผู้ร่วมจัดตั้งและสมาชิกจ่ายเงินค่าบำรุงพรรค การระดมทุนผ่านการขายโต๊ะจีน ได้เงินกว่าหลายร้อยล้านบาท น่าสงสัยว่าข้าราชการนำเงินที่ไหนมาซื้อโต๊ะ ในส่วนของบริษัทเอกชนที่เข้ามาซื้อโต๊ะ ก็น่าสงสัยว่าเป็นพฤติการณ์ต่างตอบแทนหรือไม่ 
    นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ในการจัดเลี้ยงยังมีการนำศิลปิน นักร้องมานำแสดง ซึ่งเข้าข่ายการจัดมหรสพรื่นเริง และชี้นำหรือไม่ อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่ กกต.จะต้องเป็นผู้ตรวจสอบ เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการต่อไป โดยพฤติการณ์ต่างๆ อาจเข้าข่ายความผิดหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการครอบงำพรรคการเมืองโดยกลุ่มทุนนักธุรกิจ และหากมีข้าราชการและหน่วยงานของรัฐเข้าไปซื้อโต๊ะจริง จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ซึ่งกำหนดให้ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง และยังผิดต่อระเบียบสำนักคณะรัฐมนตรีว่าด้วยมารยาทของข้าราชการพลเรือน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบัตรเข้างานเอง ก็ต้องตรวจถูกสอบว่านำเงินที่ไหนมาซื้อบัตรที่นั่งละ 3 แสนบาท หรือหากอ้างว่ามีผู้อื่นซื้อบัตรให้ ก็จะมีความผิดฐานรับเงินเกิน 3 พันบาท
    นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ว่า หากมีหลักฐานชัดเจนว่าปรากฏชื่อหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจซื้อโต๊ะจีนระดมทุนให้พรรค พปชร.จริง มีโทษหนักตามกฎหมาย หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปถึงขั้นอาจถูกศาลสั่งตัดสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าพรรคการเมืองดังกล่าวจะมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะมันเลยเวลาสังกัดพรรคการเมืองแล้ว ทำให้พรรคการเมืองดังกล่าวส่งผู้สมัครลง ส.ส.ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม พปชร.สามารถจัดระดมทุนพรรคการเมืองได้ เพราะกฎหมายระบุว่าห้ามจัดระดมทุนในช่วงมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงสามารถจัดระดมทุนก่อนหรือหลังการเลือกตั้งได้
ใช้อำนาจรัฐช่วยผิด กม.แน่
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า การจัดงานระดมทุนเข้าพรรคการเมืองสามารถทำได้ แต่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือการใช้อำนาจหรือตำแหน่งของผู้ที่มีตำแหน่งทางการเมืองในฐานะรัฐมนตรีไประดมทุนหรือไม่ ถ้ามี แบบนี้ก็ถือว่าผิด กกต.ต้องตรวจสอบว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาที่พูดตั้งแต่ต้นว่าเมื่อคุณเป็นรัฐมนตรีและมีอำนาจเต็ม แม้หลังเลือกตั้ง แต่ถ้ามีผลได้เสียกับการแข่งขันทางการเมืองก็จะเกิดปัญหาแบบนี้ สำหรับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ถ้ามีการบริจาคเงินให้ พปชร.ก็จะผิดทั้งรับและคนให้ ซึ่งมีกฎหมายพรรคการเมืองห้ามไว้อยู่ว่าใครห้ามให้ และใครห้ามรับ ดังนั้นต้องเป็นไปตามกฎหมายและไม่เกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง เพราะเป็นกฎหมายพรรคการเมือง ส่วนถ้า กกต.ไม่ชี้ความผิดต้องดูข้อเท็จจริงก่อน เพราะมีกฎหมายที่ให้เปิดเผยรายชื่อผู้บริจาค จึงต้องไปดูว่าผิดหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
    นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่นายณัฏฐพลบอกว่าพร้อมคืนเงินบริจาคถ้ามีปัญหานั้น เท่ากับเป็นการแสดงว่ารับผิดแล้วใช่หรือไม่ถึงพูดแบบนี้ สำหรับพรรค ปชป. ได้กำชับสมาชิกให้ระมัดระวังเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และจะไม่มีการจัดระดมทุน เพราะอาศัยเงินบริจาค เงินบำรุงพรรค เงินสนับสนุนพรรคได้ตามปกติ
    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานทีมเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า วันนี้สังคมตั้งข้อสังเกตการจัดงานระดมทุนของพรรค พปชร.ว่า 4 รัฐมนตรีที่ไปเป็นกรรมการบริหารพรรค พปชร. ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อให้หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนเข้ามาซื้อโต๊ะจีนหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ถือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ซึ่ง กกต.ที่ทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นธรรมต้องเข้าไปตรวจสอบ รวมถึงต้องไปดูว่าบริษัทเอกชนที่ยอมจ่ายเงิน 3 ล้านเพื่อทานข้าวมื้อเดียวได้รับประโยชน์อะไรจากภาครัฐหรือไม่ เพราะมันสะท้อนภาพรวยกระจุก จนกระจาย เพราะวันนี้เศรษฐกิจย้ำแย่ประชาชนลำบากกันทั้งประเทศ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองที่คนในรัฐบาลเข้าไปขับเคลื่อน 
    น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่  กล่าวว่า ขอตั้งคำถามต่อพรรค พปชร. ว่าหน่วยงานดังกล่าวที่ระบุ หมายถึงกระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐใช่หรือไม่ ประชาชนจะทราบได้อย่างไรว่าเงินที่นำมาซื้อโต๊ะจีนไม่ใช่งบประมาณของหน่วยงานนั้น และนอกจากตัวแทนพรรคพลังประชารัฐและสมาชิกแล้ว ยังมีนักการเมืองที่มีชื่อเสียงจากพรรค หมายความว่านักการเมืองเหล่านี้ประกาศตัวจะสนับสนุนเผด็จการหรือไม่
    ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.กล่าวว่า ตัวแทนจากพรรคการเมืองและหน่วยงานของรัฐที่มีชื่อเข้าร่วมงาน คุณไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลังของเผด็จการอีกต่อไป แต่พวกคุณคือเบื้องหน้าของฝ่ายสนับสนุนเผด็จการ โดยภายบรรยากาศภายในงานเสมือนการเจรจาก่อตั้งรัฐบาลมากกว่ากิจกรรมของพรรคการเมือง
การระดมทุนในวันเดียวได้เงินถึง 650 ล้านบาท เป็นการเอาเปรียบพรรคอื่นๆ ที่ผ่านมา ที่บอกว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบ เรื่องทั้งหมด 2-3 สัปดาห์ ตนเห็นว่าไม่ต้องใช้เวลามากขนาดนั้น แค่นำบัญชีรายชื่อผู้เข้าร่วมงานมาเปิดเผย ก็ทราบแล้วว่ามีการบริจาคจากภาครัฐหรือไม่  ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ป.ป.ช.น่าจะตรวจสอบได้ไม่ยาก ถ้าจริงใจในการให้ตรวจสอบจริง 2-3 ชั่วโมงก็ทำได้แล้ว
    ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ มูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย ร่วมจัดพิธีลงนาม “สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้กับประชาชน” เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ แสดงความมั่นใจแก่ประชาชนว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.2562 จะเป็นไปโดยเสรี สุจริต และเที่ยงธรรม โดยพรรคการเมืองจะหาเสียงเลือกตั้งด้วยกระบวนการที่มีจรรยาบรรณ และให้การจัดตั้งรัฐบาลหลักการเลือกตั้งเป็นไปโดยเคารพเสียงและความต้องการของประชาชน โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมจำนวน 25 พรรค อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ, นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย, นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา, นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ ร่วมพิธีลงนาม ส่วนพรรคการเมืองที่ไม่ได้ร่วมลงนามในวันนี้ ทางมูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรมฯ ยังเปิดโอกาสให้ร่วมลงนามเพิ่มเติมได้จนถึงวันที่ 10 ม.ค.2562   
    ภายในงานมีตัวแทนทูต ตัวแทนเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี หรือแอนเฟรล เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน    โดยนางสาวจันดานี วาตาวาละ ผู้อำนวยการแอนเฟรล กล่าวแสดงความยินดีที่ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้ง และหวังว่า ทางมูลนิธิอัลเฟรลจะได้ร่วมสังเกตการการเลือกตั้งของไทยด้วย
    จากนั้นผู้เข้าร่วมได้ร่วมกันอ่านคำสัญญาที่พรรคการเมืองให้ไว้กับประชาชนก่อนที่จะมีการลงนาม ด้วยถ้อยคำตอนหนึ่งว่า ก่อนการเลือกตั้งพรรคการเมืองขอให้สัญญาว่า จะปฏิบัติตามจรรยาบรรณการหาเสียงเลือกตั้ง คือจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง และกฎระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้งพรรคการเมืองขอให้สัญญาว่าจะเคารพเสียงของประชาชน และเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดความสงบสุขและเป็นธรรม พรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีเสียงสนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร   
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้อำนวยการแอนเฟรลได้เข้ามาสอบถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาอนุญาตให้องค์กรเข้ามาร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งในไทย แต่เนื่องจากขณะนี้วันเลือกตั้งยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ ต้องรอให้มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อน กกต.จึงจะสามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ ดังนั้นยังไม่สามารถสามารถพิจารณาได้ หากวันเลือกตั้งออกมาแล้วไม่ว่าจะเป็นแอนเฟรล หรือหน่วยงานใด กกต.ก็จะต้องพิจารณา รวมทั้งการเชิญให้เข้ามาร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รายงานว่า ล่าสุดมีแอนเฟรลและอียูที่ทำหนังสือขอเข้ามาร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้ง แต่ตนยังไม่เห็นรายละเอียด
ปีใหม่"บิ๊กตู่"ไม่ลาออก
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่ใกล้จะเลือกตั้งว่า ท่านแสดงความเป็นห่วงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ขณะนี้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยดี เพราะเราใช้กฎหมายดูแล และทุกคนก็รู้กฎหมายกันอยู่แล้ว เราควรจะทำอย่างไรให้เกิดความสงบ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีอะไร และเราพยายามรักษาสภาพบ้านเมืองให้มีความสงบเรียบร้อย ซึ่งก็ทำมา 4 ปีแล้วทุกอย่างก็ผ่านมาด้วยดี ทั้งนี้ คิดว่าไม่มีสัญญาณอะไร ท่านคงเป็นห่วงบ้านเมือง กลัวว่าบ้านเมืองจะยุ่ง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราจะได้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ แต่คิดว่าคงไม่มีอะไร
    เมื่อถามว่า จะแยกแยะอย่างไรว่าพรรคการเมือง พูดเป็นการหาเสียงหรือการปลุกระดม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ต้องไปดูกันเอาเอง จะให้ตนไปดูอย่างไร ซึ่งคสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คงต้องเข้าไปดูว่าบิดเบือนหรือไม่ หากบิดเบือนก็ต้องถูกดำเนินการ
    ส่วนกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมลาออกจากตำแหน่งนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาพูดของเขาคนเดียว ซึ่งนายกฯ บอกแล้วว่าจะทำงานให้จบ ยืนยันหลังปีใหม่ไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรแน่นอน
    พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ว่า ในส่วนของทหารต้องเตรียมการในการทำความเข้าใจในพื้นที่ และให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง ทั้งนี้ เรื่องการเมืองตนไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพราะเราเป็นทหาร แม้ว่าจะถูกจับตามอง โดยกองกำลังทหารจะให้ความเป็นธรรม เราจะพยายามรักษาเสถียรภาพ เชื่อมั่นว่าการตัดสินใจทั้งหมดจะอยู่ที่ประชาชน 
    เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงความเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ ในช่วงที่มีการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า คิดว่าทุกฝ่ายที่เห็นด้วยหรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นเรามาลงสนามแข่งขันในสนามเลือกตั้ง ซึ่งบรรยากาศในการเลือกตั้งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องพูดในสิ่งไม่ดีของฝ่ายตรงข้าม ถือเป็นวิถีทางการเมือง ส่วนทหารจะขยับตัวอะไร ก็ถูกมองว่าเป็น คสช. และอยู่ฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล กองทัพก็มีจุดยืนของกองทัพ ที่เป็นกองทัพของรัฐบาลและสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยืนยันผู้บังคับหน่วยทุกคนมีความเป็นทหารอาชีพสูง
    ถามว่า หากไม่มีการยอมรับผลการเลือกตั้งจะทำอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า ขอให้รอดูผลการเลือกตั้ง เรามี กกต.ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และจะกลั่นกรองข้อร้องเรียนต่างๆ ซึ่งเราเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องยอมรับกติกา เพราะการเลือกตั้งต้องมีแพ้และชนะ หลังการเลือกตั้งแล้วเชื่อว่าถ้าคนไทยด้วยกันอยากให้ไปสู้กันในสภา อย่ามาสู้นอกเวที ทำไมต้องออกมาเคลื่อนไหวให้ประชาชนเดือดร้อน ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ยินว่าหัวหน้า คสช.จะลงไปเล่นการเมือง
    ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ วันเดียวกัน ที่ จ.พังงา แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค, นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะทำงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ประธานคณะทำงานภาคใต้ เป็นต้น ลงพื้นที่ จ.พังงา พบปะประชาชน รับฟังความคิดเห็นเรื่องปัญหาประมง 
     ขณะที่ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า วันนี้ทุกคนต่างสะท้อนเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่เพียงคนพังงา แต่เป็นคนไทยทั้งประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ขณะที่รัฐบาลรายงานตัวเลขเศรษฐกิจดีวันดีคืน แต่ประชาชนตบกระเป๋าแล้วกลับไม่มีเงินในกระเป๋า เพราะประเทศขาดโอกาสที่จะพัฒนามานาน ประชาชนถูกกดทับเพราะไม่เป็นประชาธิปไตย
    หลังจากนี้แกนนำ ทษช.และคณะจะเดินทางไปรับฟังความคิดเห็นเรื่องการท่องเที่ยว ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาการจราจรติดขัด และการจัดระเบียบผู้ค้า-ผู้ประกอบการโรงแรม A2 Resort อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต ต่อไป
    ที่โรงแรมอิมพีเรียลนราธิวาส กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เปิดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของพรรคทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา และการแก้ปัญหาชายแดนใต้ นายธนาธรระบุว่า สิ่งที่ต้องการนำเสนอคือการกระจายอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรกลับมาสู่ท้องถิ่น รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนโดยการเปิดให้เกิดการตั้งธนาคารท้องถิ่น รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ซึ่งมีฐานประเทศที่ประชากรเป็นชาวมุสลิมรองรับทั่วโลก. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"