“ซานต้าตู่” ยันไม่ใช่รัฐบาลสายเปย์ แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อสร้างสุขและรอยยิ้มให้ประชาชน เตือนผู้ถือบัตรสวัสดิการต้องใช้ให้เป็น เตือนพรรคการเมืองชูนโยบายแจกระวังผิดกฎหมาย “คลัง” โอ่มาตรการคืนแวตผู้มีบัตรเดบิตทุกกลุ่มใช้ได้หมด
เมื่อวันพุธที่ 19 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการสนับสนุนการจัดทำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อใช้กำหนดและติดตามประเมินผลการจัดสวัสดิการภาครัฐ และการนำระบบบริหารจัดการข้อมูลแบบชี้เป้า (TPMAP) มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งบันทึกความร่วมมือเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง 11 หน่วยงาน
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลต้องการสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกคน วันนี้บ้านเรามีทั้งคนที่พัฒนาได้และพัฒนาได้ช้า จึงจำเป็นต้องมีสวัสดิการ ในขณะที่เรากำลังพัฒนาไปพลางๆ ก่อน การทำงานด้านรัฐสวัสดิการมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องมีกลไกในการขับเคลื่อน ที่ผ่านมาไทยได้รับการยอมรับว่ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ตราบใดที่ยังมีผู้มีรายได้น้อย เราคงไปไม่พ้นกับดักประเทศผู้มีรายได้น้อยต่อไป
"การที่รัฐบาลมีโครงการต่างๆ ในเรื่องของรัฐสวัสดิการมาช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ไม่ใช่เป็นเรื่องของการสร้างบุญคุณ การให้ของขวัญหรือเปย์ แต่เป็นหน้าที่ของทุกๆ รัฐบาล อะไรทำได้ก็ต้องทำ แต่รัฐบาลก็ต้องมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณ ขอร้องว่าอย่าให้ใครมาบิดเบือน รัฐบาลไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากการช่วยเหลือประชาชนทุกระดับ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการสวัสดิการแห่งรัฐมีมากกว่า 40 โครงการ ช่วยเหลือประชาชนอย่างครอบคลุม การที่รัฐบาลลงทุนในโครงการต่างๆ ก็เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และเอาเงินไปดูแลข้างล่างให้มากขึ้น เพราะถือว่าทุกคนคือคนไทย เราจะสร้างความขัดแย้งบาดหมางกันอีกไม่ได้ เพราะเป็นห่วงโซ่ร่วมกัน เราต้องทำทุกอย่างให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ผลีผลาม งบประมาณภาครัฐเสียหาย ระบบการเงินการคลังล้มเหลว เราจะปล่อยอย่างนี้ไม่ได้ ต้องมีการถ่วงดุล ประชาชนเองก็ต้องเข้าใจนโยบายของรัฐบาล และรัฐบาลเองก็ต้องมีวิธีการอันเหมาะสมในการดูแลประชาชน เพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่เกิดความขัดแย้ง หรือปล่อยให้ใครเอามาใช้ประโยชน์ สวัสดิการแห่งรัฐจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
นายกฯ กล่าวอีกว่า การสร้างสุขทุกช่วงวัยต้องทำตั้งแต่วันนี้ ถือเป็นก้าวแรกของรัฐบาลที่มีการชี้เป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าทำ แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้มุ่งหวังให้ใครพอใจหรือไม่พอใจ แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำแบบนี้ในการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งจะเห็นว่าทุกคนเริ่มมีความสุขมากขึ้น แต่ความต้องการก็มีมากขึ้น ถือเป็นเรื่องธรรมดา จะไปโกรธเคืองไม่ได้ เพราะเขาขาดมานาน ซึ่งถ้าเราทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะขยายการดูแลรัฐสวัสดิการให้เพิ่มขึ้นต่อไป
“อย่าไปตั้งเป้าว่าเราจะแก้ไขปัญหาความยากจนได้ภายในปีนี้หรือปีหน้า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนและขั้นตอน ไม่เช่นนั้นก็คงจบ โดยคำสั่งไม่กี่คำสั่ง หลายคนบอกให้แก้ปัญหาด้วยมาตรา 44 ยืนยันว่าทำไม่ได้ การทำโครงการบัตรสวัสดิการไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่คิดเป็นคนเก่ง คนใช้ก็ต้องคิดให้ทันว่าจะใช้อย่างไร ขอให้ใช้ให้เป็น ให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้าได้บัตรสวัสดิการไปแล้วยังใช้ไม่เป็น แล้วต้องไปจ้างคนมากด หักค่าหัวคิว 50 บาท 100 บาท บางทีก็เชิดเงินไปเลย อย่างนี้ถือว่าอันตรายที่สุด ขอร้องว่าอย่าไปสอนคนแบบนั้น และขอร้องอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาบิดเบือน ว่าต้องเสียอย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องสร้างการรับรู้ให้ทุกคน คนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ช่วยหาคนมากดเงินให้คนเหล่านี้ได้หรือไม่ เดี๋ยวก็กดเป็นเอง คนเราใช้เงินเป็น ใช้เก่งอยู่แล้ว การที่รัฐให้เงินไปก็เพื่อให้ไปซื้อของที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ไปซื้อถั่วแระถั่วเน่า ของแบบนั้นซื้อร้านค้าปลีกก็ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า วันนี้ปัญหาเรามีหลายอย่าง แต่อย่าให้ทุกอย่างมาเป็นปัญหาความขัดแย้งจนทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เราจะทำอย่างไรที่จะปรับความคิดที่แตกต่างให้ตรงกับมาตรฐานได้ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในระดับล่าง รวมถึงการเป็นประชาธิปไตยที่มาจากรัฐธรรมนูญ กฎหมายและประชาชนมีหลักคิดที่ถูกต้อง เพื่อให้ประชาธิปไตยมีธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง ขอให้ทุกคนเดินหน้าไปด้วยกันตามยุทธศาสตร์ชาติ ตามแผนแม่บทที่เราวางไว้ อย่าให้ใครที่กล่าวอ้างว่า จะทำอย่างนี้ทำอย่างนู้น ให้เรียนตรงนี้ตรงนั้น ถามว่าเอาเงินมาจากไหน พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ว่าอย่างไร ทำอย่างนั้นก็ผิดหมด
“รัฐบาลนี้มุ่งหวังไม่ให้มีความผิดเช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก รัฐบาลนี้เองก็ต้องระวัง ซึ่งเป็นเรื่องของการตรวจสอบ รัฐบาลนี้ก็ถูกตรวจสอบมาโดยตลอด อย่าหาว่าไม่ถูกตรวจสอบ ซึ่งแล้วแต่ความรู้สึกจะคิด ผมไม่แก้ตัว ใครทำความผิดก็ต้องถูกลงโทษ ทั้งนี้ ผมขอให้ทุกคนมั่นใจในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจน” นายกฯ ระบุ
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงมาตรการส่งเสริมการชำระเงิน เพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ว่าเป็นมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนใช้จ่ายผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรเดบิต) มากขึ้น ไม่ได้เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะเปิดให้ประชาชนที่ใช้จ่ายบัตรเดบิตสามารถหักลดหย่อนและขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% วงเงินคืนสูงสุด 1,000 บาท หรือซื้อสินค้าไม่เกิน 2 หมื่นบาท โดยมาตรการมีผลตั้งแต่วันที่ 1-15 ก.พ.2562 และเปิดให้ประชาชนที่จะเข้ามาตรการลงทะเบียนล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.2562 ผ่านเว็บไซต์อีเพย์เมนต์ หรือสาขาของธนาคารของบัตรเดบิตที่ประชาชนถืออยู่ ซึ่งสามารถระบุบัตรเดบิตที่จะซื้อสินค้าได้เพียง 1 ใบเท่านั้น โดยการคืนแวต 5% จะได้ภายในเดือน พ.ย.2562 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เนื่องจากต้องของบประมาณปี 2562 จำนวน 9,240 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิคืนภาษี รวมทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านราย จากผู้ที่มีสิทธิทั้งหมด 50 ล้านราย
นายลวรณยังกล่าวว่า ประชาชนสามารถซื้อสินค้าทุกประเภท ยกเว้นสินค้าที่มีภาษีสรรพสามิตทั้งหมด ทั้งสุรา เบียร์ ยาสูบ และสินค้าอื่นๆ และต้องซื้อในร้านสินค้าที่จดทะเบียนเสียภาษีแวต ติดตั้งระบบ POS และเครื่อง EDC ของกรมบัญชีกลาง โดยกระทรวงยังได้รับความร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยจะเปิดให้ผู้ที่ไม่มีบัตรเดบิต สามารถขอทำบัตรฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ภายในสิ้นปี 2562 ด้วย
สำหรับข้อมูลของ สศค. พบว่าประชาชนที่อายุ 15 ปีขึ้นไปมี 52 ล้านคน เป็นผู้มีรายได้น้อยรับบัตรสวัสดิการจากรัฐ 14.5 ล้านคน เป็นผู้เสียภาษีและได้ประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงวันที่ 15 ธ.ค.2561-15 ม.ค.2562 จำนวน 4 ล้านคน ยังมีอีก 36.45 ล้านคน ยังไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการใด ๆ แต่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการคืนภาษีแวต 5%นี้ โดยผู้มีรายได้น้อย 14.5 ล้านราย หากมีบัตรเดบิต ซึ่งไม่ใช่บัตรสวัสดิการก็สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้เช่นกัน รวมถึงผู้เสียภาษี 4 ล้านรายที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ ก็ยังมีสิทธิในมาตรการนี้ แต่ต้องไปลงทะเบียนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |