ชาติหน้า!พปชร.ชนะ 'เหลิม'หยันแพ้พท.100%/ดับฝันเบอร์เดียวทั่วปท.


เพิ่มเพื่อน    

     "เฉลิม" ตั้งโต๊ะแถลงที่บ้านริมคลอง รับแก่แล้ว จะขยันหาเสียงแบบทิ้งทวน ฟันธง พปชร.ไม่มีทางชนะเลือกตั้งแต่กลัวโดนโกง ปัดขัดขา “หญิงหน่อย” แค่ข่าวเสี้ยม โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ กำชับ 4รมต.ระมัดระวังทำกิจกรรม แต่ไม่ได้บังคับให้ลาออก  อ้างเป็นสิทธิ์แต่ละคน "ป้อม" หายป่วย ยันไม่ใช้ ม.44แก้บัตรเลือกตั้ง เวที กกต.รับฟังพรรคการเมืองยังไร้ข้อสรุป ดับฝันเสนอใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศ ตัวแทนพรรคข้องใจ กกต.รอความเห็นจากใครกันแน่  "พปชร." จัดระดมทุนคึกคัก ยอดบริจาคเกิน 650 ล้านแล้ว   
     เมื่อวันพุธ ที่บ้านริมคลอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า ตนไม่ต้องการทะเลาะกับใคร หรือกับพรรคการเมืองใด แต่เนื่องจากอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน มองการเมืองได้ทะลุปรุโปร่ง การกำเนิดของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 4 รัฐมนตรียังอยู่ในตำแหน่ง จดแจ้งเป็นพรรคการเมืองมีตำแหน่งในพรรค  ถามหน่อยเถอะว่าแบบนี้ในประเทศไทยเคยมีหรือไม่ พอตนเรียกร้องให้ลาออกก็โกรธ จะมาโกรธทำไม คุณต้องมีสำนึก พอจะลงเลือกตั้ง แจกโน่นแจกนี่แจกนั่น  ไม่อิจฉาประชาชน แต่ทางการเมืองเขาถือว่าเอาเปรียบ ถ้าทำมาแต่ต้นมันก็ไม่น่ารังเกียจ แล้วยังการไปเอาสมาชิกพรรคการเมืองพรรคอื่น เรียกว่าไปดึงตัว อย่าเรียกว่าไปดูด ข่าวสารออกมาทุกระยะว่ามีเรื่องผลประโยชน์แลกกับคดีความ แล้วพรรคอย่างนี้จะมาชนะการเลือกตั้งได้อย่างไร พอฟันธงว่าแพ้ก็ฟูมฟายโกรธ
    "ยืนยันวันนี้ พปชร.ไม่มีวันชนะ แพ้พรรคเพื่อไทย 100% ขอย้ำอีกครั้ง อย่าไปก่อให้เกิดปัญหาในวันข้างหน้าเลย ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยได้เกือบ 300 แล้วพรรคคุณจะรัฐบาลอย่างไร คุณมี ส.ส. 25 คน เป็นนายกฯแล้วหาอีก 100 เป็น 126 รวม ส.ว.อีก 150 ถ้าคุณชนะด้วยเสียง ส.ว. แต่พอตั้งนายกฯ เสร็จแล้ว ส.ว.ต้องกลับ รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะบริหารประเทศชาติอย่างไร เลือกแล้วจะคิดยุบสภาเลยหรือ เผลอพูดไปว่าจะได้ 300 เสียง ผมบอกเลยว่าชาติหน้าเถอะ พปชร.ไม่ใช่คู่แข่งเพื่อไทย สบายมาก กทม.ขอฟันธงพปชร.ถ้าจะได้ก็แค่คนเดียว"
    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า วันนี้ 4 รัฐมนตรียิ่งอยู่คะแนนยิ่งหด ไม่สง่างาม สังคมเปลี่ยน การเมืองเปลี่ยน พี่น้องประชาชนก็เปลี่ยน การเมืองเขาเห็นกันหมด เอาเด็กมาด่าผมว่าเป็นนักต่อรอง ชีวิตผมไม่มีคดีทุจริต ไม่เหมือนพวกจันทร์อับ มีคดีใน ป.ป.ช.เต็มไปหมด แต่ผมมีแค่คดีเดียว แต่ไอ้พวกจันทร์อับไม่กล้าพูดในสภา การพูดวันนี้เป็นการพูดในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค แต่พรรคก็รับทราบ
    เขาบอกว่า พรรคการเมืองบางพรรคพูดว่าถ้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วต้องเผชิญหน้า ขอถามว่าเผชิญหน้ากับใคร ตรงนี้เป็นเรื่องของแต่ละพรรค ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ยาก แต่เพื่อไทยมีธงต้องแก้ ตนเห็นด้วยที่สุด เพราะในกลุ่มอาเซียนบ้านเราย้อนยุคมากที่สุด จึงจะเสนอพรรคให้มีการแก้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ทั้งหมด 11 ประเด็น อย่างไรก็ตาม ขอฝากถึงนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ว่าต้องนุ่มนวล เวลาให้สัมภาษณ์คุณดุดันเหลือเกิน ไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ให้ต่างชาติมาสังเกตการณ์บ้านเมือง มันจะเป็นอะไรหนักหนา ถ้าสะอาดหมดจดต้องให้เขามาสังเกตการณ์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นอำนาจของทางรัฐบาลและ กกต. โดยเฉพาะ กกต.ต้องเข้มแข็ง 
    เมื่อถามว่า มีข่าว ร.ต.อ.เฉลิมไม่ลงรอยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิมยืนยันว่า ไม่จริง ตนไม่เคยมีความไม่ลงรอย เป็นการปล่อยข่าวให้เกิดความแตกแยกในพรรค ตนไม่เคยคิดเป็นนายกฯ ถ้าพรรคเพื่อไทยเลือกก็สนับสนุน จะจัดให้ตนขึ้นปราศรัยพร้อมกับคุณหญิงสุดารัตน์ตนก็พร้อม เพราะตนมีตารางชัดเจนอยู่แล้ว การเมืองจะมามัวน้อยใจไม่ได้ เลือกตั้งรอบนี้ตนจะขยันแบบทิ้งทวน เพราะแก่แล้ว แต่จะอยู่ให้ครบเทอม อย่างน้อยก็อีก 4 ปี แต่การเลือกตั้งครั้งนี้สิ่งที่ตนกลัวที่สุดคือกลัวโกง วันนี้ตนกำชับแล้ว ในพื้นที่ให้เข้มงวดตั้งแต่เปิดหีบบัตรลงคะแนน 
    ถามถึงกระแสข่าวว่า พปชร.จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ คนต่อไป ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า “ถือเป็นสิทธิ ไม่ขอแสดงความเห็น” 
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ทีมปราศรัยหาเสียงพรรค พท. กล่าวว่า ตำแหน่งหัวหน้าทีมปราศรัยหาเสียงของ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ใช่การปูนบำเหน็จทางการเมืองที่จะมาปลดกันได้ คนที่มาเป็นทีมปราศรัยมาจากความเสียสละ ทุ่มเท มีความรู้ ความสามารถเป็นที่ยอมรับ การออกมาพูดความเท็จว่ามีขัดแย้ง หรือการเสนอให้ปลดนั้น เป็นการเต้าข่าวที่ปราศจากข้อเท็จจริง ลองไปนับขุนพลปราศรัยทางการเมืองของเมืองไทยในระดับแถวหน้ามีกี่คน แล้วไปอยู่ที่ไหนมา ถึงไม่รู้จักขุนศึกฝั่งธนฯ ดาวสภา ฉายาไปทะเลเจอฉลาม มาสภาเจอเฉลิม ซึ่งจะแตกต่างจากพวกอยู่ในสภาหลายปี แต่นั่งประชุมไม่กล้ากระดิกไหวตัว เพราะกลัวประธานชี้ให้พูด
นายกฯ ไม่บังคับ 4 รมต.ลาออก
    นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค พท. กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อนานาชาติ ว่าจะจัดการเลือกตั้งให้โปร่งใส เพราะสัญญาดังกล่าวไม่สอดคล้องกับท่าทีของรัฐบาล เห็นได้ชัดจากท่าทีของนายดอน ที่ไม่เห็นด้วยกับการให้องค์กรต่างประเทศส่งตัวแทนเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ต้องใส่ใจต่อเสียงสะท้อนจากองค์กรต่างๆ ที่มีเข้ามา หากอยากเป็นนักการเมืองที่ดีและมีความเป็นประชาธิปไตย ต้องเริ่มต้นจากการทำให้โลกยอมรับตั้งแต่ก้าวแรก หากปิดกั้น ระวังทั่วโลกจะไม่ให้การยอมรับแม้จะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในหลายๆ ด้าน 
    ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้แจ้ง 4 รัฐมนตรีที่ร่วมทำงานการเมืองกับ พปชร.ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าให้ระมัดระวังการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว โดยต้องมีความรอบคอบในการดำเนินการเรื่องต่างๆ อย่าใช้เวลาราชการไปทำงานการเมือง และแยกแยะระหว่างนโยบายรัฐบาลกับนโยบายของพรรคการเมืองให้ชัดเจน อย่าให้ประชาชนเกิดความสับสน เพื่อป้องกันปัญหาการร้องเรียนและตรวจสอบในอนาคต ส่วนการลาออกของ 4 รัฐมนตรี เป็นการตัดสินใจของแต่ละคน โดยกฎหมายเปิดกว้าง ไม่ได้บังคับ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำว่าไม่ควรเอานโยบายของรัฐบาลไปทำให้เกิดความซ้ำซ้อนกับนโยบายของพรรคการเมือง 
    เมื่อถามว่า หลายนโยบายของรัฐบาลนี้พรรคพปชร.จะเอาไปหาเสียงด้วย นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า หากเห็นว่าเกิดประโยชน์ ทุกพรรคการเมืองสามารถเอานโยบายของรัฐบาลไปใช้ได้ตามกรอบกฎหมาย แต่หากพรรคการเมืองใดเอาไปอ้าง หรือเหมารวมว่าเป็นนโยบายของพรรคตัวเองก็ไม่ควร แต่ถ้าบอกว่าจะสนับสนุนนโยบายนั้นๆ ก็ทำได้ โดยไม่ควรให้ประชาชนสับสนคิดว่าเป็นนโยบายที่พรรคคิดขึ้นเอง ซึ่งอาจมีปัญหาต่อข้อกฎหมายได้
    ส่วนเสียงวิจารณ์ที่รัฐบาลแจกของขวัญปีใหม่หวังผลการเลือกตั้งนั้น นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทุกกระทรวงก็จะมีมาตรการเพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชน เพียงแต่ปีนี้อยู่ในช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.2562 รัฐบาลจึงถูกวิจารณ์ว่าคิดนโยบายขึ้นมาหาเสียง  
    ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการไม่เข้าประชุม ครม.และ คสช. เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นไข้หวัด อากาศเปลี่ยน ตอนนี้ไม่มีไข้แล้ว หายดีแล้ว พร้อมทำงาน ผู้สื่อข่าวถามว่ามีคนตั้งข้อสังเกตว่า แอบไปช่วยพรรค พปชร.ระดมทุน พล.อ.ประวิตร กล่าวติดตลกว่า "ระดมทุนอะไร นอนซมอยู่ที่บ้าน"
    เมื่อถามถึงการตอบโต้ของฝ่ายการเมืองจะส่งผลต่อบรรยากาศในการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็พูดกันไป ให้ไปคิดกันเอาเอง ส่วนที่ พปชร.และ ร.ต.อ.เฉลิมตอบโต้กันค่อนข้างจะรุนแรงนั้น ตนไม่ทราบ อยากตอบโต้ก็พูดกันไป สำหรับการลงพื้นที่ของนักการเมืองนั้น ก็อยู่ในการดูแลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ต้องยึดตามกฎหมาย ทั้งนี้ เราไม่จำเป็นต้องไปกำชับ กกต. ซึ่งเขาก็รู้หน้าที่ของเขาอยู่แล้ว
    ถามถึงข้อเสนอแนะของพรรคการเมืองที่จะให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า ประเทศไทยไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลการเลือกตั้งใช่หรือไม่ ถึงจะต้องให้ต่างชาติเข้ามาดูแล เราก็มี กกต. ในขณะที่การเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ ก็ไม่ได้ให้องกรค์ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์ ส่วนที่ฝ่ายการเมืองเริ่มปลุกกระแสว่าการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 จะไม่เป็นธรรม ก็ไปคิดกันเอาเอง จะพูดอะไรก็พูดได้หมด ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่รัฐและ กกต.ยังไม่ได้ทำอะไรเลย จะไปปลุกกระแสอะไรกัน
ถก กกต.ยังไร้ข้อสรุป
    เมื่อถามว่า ในอนาคตอาจเกิดการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และอาจจะเกิดความวุ่นวาย รองนายกฯ  กล่าวว่า ไม่มี คิดกันไปเอง ซึ่งตนดูแลได้ ในส่วนของการหาเสียงของพรรคการเมืองนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปจับตาอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากเราเปิดโอกาสให้ลงพื้นที่หาเสียงได้อิสระแล้ว ส่วนที่ทางฝ่ายการเมืองเรียกร้องให้หาเสียงได้ในทุกพื้นที่ หรือ Free Zone นั้น ทำไม่ได้ เนื่องจากว่าเป็นระเบียบซึ่ง กกต.ได้กำหนดไว้แล้ว และจะไม่มีการใช้อำนาจตาม ม.44 แก้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.ให้เป็นแบบพรรคเดียวเบอร์เดียวตามฝ่ายการเมือง
    ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการฯ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการประชุมหารือระหว่าง กกต. พรรคการเมือง และสื่อมวลชน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง โดยมีพรรคการเมืองตอบรับเข้าร่วมหารือจำนวน 77 พรรค โดย กกต.ได้กำหนดประเด็นหารือไว้ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง 2.การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดทำ การกำหนดสถานที่ หรือที่ปิดประกาศแผ่นป้ายโฆษณาการเลือกตั้ง และ 3.การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ 
    ภายหลังการหารือ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. แถลงว่า พรรคการเมืองมีข้อเสนอเรื่องค่าใช้ในการหาเสียง ส.ส.แบบแบ่งเขตที่มีข้อเสนอตั้งแต่ขั้นต่ำ 2 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขปรับขึ้นจาก 1.5 ล้านบาทจากปีที่แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองมีข้อเสนอที่หลากหลาย แต่เบื้องต้น กกต.คำนึงถึงจำนวนผู้สมัครที่แต่ละพรรคจะส่งสมัครในแต่ละเขต ส่วนเรื่องสถานที่ ขนาดของประกาศ ป้ายหาเสียงและจำนวน โดยจำนวนป้ายมีทั้งเสนอว่าเพียงพอ น้อยเกินไป และควรมีมากกว่าที่กำหนด แต่ที่เห็นร่วมกันคืออยากให้เร่งประกาศสถานที่ติดป้ายโดยเร็ว ส่วนเนื้อหาในป้าย นอกจากที่ กกต.กำหนดเป็นตุ๊กตาว่าให้รูปผู้สมัคร หัวหน้าพรรค และผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรค จะสามารถมีรูปคู่กับผู้สมัครบัญชีรายชื่อได้หรือไม่ ทั้งนี้ ตามกฎหมายต้องคำนึงว่าจะนำมาติดป้ายได้หรือไม่ คือบุคคลนั้นเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ 
    ประธาน กกต.กล่าวว่า ในส่วนของการรับฟังหลักเกณฑ์การหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย มีการหารือใน 8 ประเด็น ตั้งแต่การนิยามการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ การนำหุ่นยนต์และป้ายแอลอีดีมาใช้หาเสียงได้หรือไม่ ซึ่ง กกต.ตีความว่าเป็นการหาเสียงแบบอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นการหาเสียงอาจจะเป็นสีสันการเลือกตั้งที่หุ่นยนต์จะเดินมาคุยกับท่าน เรื่องการกำหนดให้พรรคแจ้งรายละเอียดช่องทางหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ มาตรการควบคุมตรวจสอบมีมาตรการอย่างไร เพื่อให้มีคำสั่งแก้ไข ลบ ได้ทันเวลา ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่ผู้สมัครก่อนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งมีการเสนอให้ กกต.ตั้งคณะทำงาน วอร์รูม เพื่อให้พรรคการเมืองแจ้งเข้ามาโดยตรง และให้ กกต.แก้ข่าวเมื่อมีการหาเสียงที่ไม่ถูกต้อง ส่วนการตั้งวอร์รูมจะแล้วเสร็จในอีกไม่นาน 
    "การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็น จึงยังไม่มีข้อสรุป จะมีข้อสรุปต่อเมื่อผ่านการหารือของ กกต.ทั้ง 7 คน แต่ยืนยันว่าจะทำร่างระเบียบต่างๆ ให้เสร็จก่อนปีใหม่ ซึ่งขณะนี้เหลือ 8 ฉบับ"
    นายอิทธิพรกล่าวอีกว่า ในที่ประชุมไม่มีพรรคการเมืองใดเสนอให้ใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศ ส่วนที่มีการเสนอให้แก้ไขกฎหมาย หรือให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 เพื่อให้การเลือกตั้งสะดวกขึ้น คงไม่ใช่หน้าที่ กกต. การที่ กกต.มีมติให้บัตรเลือกตั้งมีชื่อ โลโก้พรรค ก็เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และเห็นช่วงนี้เราต้องใช้ระยะเวลาให้เร็วที่สุดในเรื่องการจัดเลือกตั้ง อะไรที่ไม่เกี่ยวเราจะไม่พิจารณา
ข้องใจ กกต.รอใครสั่ง
    ประธาน กกต.กล่าวถึงการมีผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากต่างประเทศว่า เป็นประเด็นที่ กกต.ชุดก่อนดำเนินการมาตั้งแต่มี 2546 เท่าที่หารือกับ กกต.ทั้ง 7 คน ทุกคนเห็นด้วยในหลักการที่จะให้เข้ามาสังเกตการณ์ได้ เราจะประชุมเพื่อกำหนดท่าทีที่ชัดเจนเร็วๆ ส่วนท่าทีของนายดอน ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของ กกต. ถ้าอ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายดอน คิดว่าเป็นส่วนเสริมข้อมูลกันมากกว่าที่จะเป็นความเห็นที่ขัดกัน ส่วนภาวะการเมืองไม่อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต. เราจะดูเขามาแล้วพร้อมจะปฏิบัติตามกฎระเบียบของเราหรือไม่ 
    ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนหารือว่า จะนำเรื่องเบอร์ของผู้สมัครเข้าหารือกับ กกต.ด้วย เพราะเห็นว่าถ้าผู้สมัครในพรรคเดียวกันใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศจะเกิดประโยชน์มากกว่า และประชาชนจะได้ไม่สับสน ส่วนจะทำอย่างไร ต้องแก้ไขกฎหมายหรือไม่ กกต.ต้องเป็นผู้พิจารณาว่าสามารถทำได้หรือไม่ 
     นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การเสนอให้ใช้เบอร์เดียวทั้งประเทศ ที่น่าเป็นห่วงคือ ต้องมีการแก้ไขกฎหมายหรือไม่ หากในที่สุดบอกว่าจะให้เป็นเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ แล้วการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป ก็จะเป็นการกระชากอารมณ์ประชาชน ซึ่งไม่คิดจะเป็นประโยชน์ 
    นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ข้อเสนอที่ให้พรรคการเมืองใช้หมายเลขเดียวในทุกเขตทั่วประเทศ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ จะต้องแก้ไขกฎหมายที่ต้องใช้เวลา จะเป็นปัจจัยที่ทำให้วันเลือกตั้งเลื่อนออกไปหรือไม่ นอกจากนี้ยังทำให้บัตรเลือกตั้งมีช่องว่างหากพรรคการเมืองไม่ส่งผู้สมัครในเขตนั้นๆ
     นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กกต.ควรอำนวยความสะดวกแก่พรรคการเมืองในช่วงของการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องการติดป้ายหาเสียง ทุกพรรคทุกฝ่ายควรมีเสรีภาพในการดำเนินการ กกต.ควรทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ส่วนตัวเห็นว่าหากใช้วิธีการพรรคเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศ ก็จะเกิดประโยชน์มากกว่า แต่ครั้งนี้ขึ้นอยู่กับกกต.ที่จะเป็นผู้พิจารณา เพราะมีการแก้ไขกฎหมาย  หาก กกต.เห็นว่าการดำเนินการในปัจจุบันมีเสรีภาพ และสามารถทำได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎหมาย
     นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ยังมีเรื่องกฎหมายที่มีคำสั่ง คสช.กำกับยังไม่เป็นการปลดล็อกที่แท้จริง เพราะสื่อต้องทำหน้าที่ตรวจสอบให้ประชาชน และยังเป็นพื้นที่ให้แต่ละพรรคได้วิพากษ์วิจารณ์เต็มที่ ซึ่งได้แก่ประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557, ประกาศ คสช.ฉบับที่ 103/2557 แก้ไขเพิ่มเติมจากประกาศฉบับที่ 97/2557 คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558
    ขณะที่นายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเท่าที่ควร ส่วนบางคำถามที่หลายๆ พรรคการเมืองเตรียมมาเสนอในวันนี้ ก็มิสามารถนำเสนอได้ อาทิ เรื่องหนึ่งพรรค หนึ่งเบอร์เลือกตั้งทั่วประเทศ การทำเช่นนี้ของ กกต. ส่งผลให้เกิดข้อกังขาถึงการทำงานของ กกต.ว่าเป็นอิสระจริงหรือ หรืออยู่ภายใต้การกำกับของใคร กกต.มีอำนาจในการตัดสินใจจริงหรือไม่ หรือต้องรอปรึกษาขอความเห็นจากใครก่อนกันแน่ 
พปชร.ระดมทุน 650 ล้าน
     นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า ทางพรรคพอใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย การหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส. ในวงเงินคนละ 2 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่เหมาะสม ส่วนเรื่องรายละเอียดในป้ายหาเสียง ในกฎหมายใหม่ มีการกำหนดรูปแบบที่ค่อนข้างชัดเจน อาทิ คนที่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค หรือสมาชิกพรรค จะเข้ามาครอบงำหรือชี้นำพรรคไม่ได้ ดังนั้นการจะขึ้นรูปคู่กับผู้สมัคร ต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องในขอบข่ายของกฎหมาย พรรคพปชร.มีผู้นำที่จะขึ้นรูปคู่กับผู้สมัครในขอบเขตที่สามารถทำได้แล้ว
    เมื่อถามว่า หากจะขึ้นรูป พล.อ.ประยุทธ์ร่วมกับผู้สมัคร ส.ส. อาจเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ เพราะเป็นนายกฯ นายวิเชียรกล่าวว่า ในหลักการคนที่จะขึ้นรูปต้องเป็นคนที่เป็นผู้สมัครของพรรคหรือเป็นคนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรค ไม่ใช่บุคคลอื่น ดังนั้นนายกฯ ไม่ได้อยู่ในฐานะของผู้สมัครบัญชีรายชื่อ แต่อาจจะอยู่ในฐานะของพรรคการเมืองที่จะเสนอบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน หากเป็นบัญชีรายชื่อนายกฯ และทาง กกต.อนุญาตให้ขึ้นรูปได้ ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไข โดยคนที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นสมาชิกหรือเป็นคนในบัญชีรายชื่อ ถือว่าอยู่นอกเงื่อนไขที่กำหนด ไม่เช่นนั้นหากอยากจะเสนอใครแล้วเอาบุคคลนั้นไปขึ้นป้าย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง คาดว่าอาจจะเสนอชื่อนายกฯ ได้เป็นช่วงหลังปีใหม่        
    ช่วงค่ำ ที่อิมแพ็ค ฟอรั่ม 9 บรรยากาศก่อนเริ่มงานเลี้ยงระดมทุนของ "พรรคพลังประชารัฐ ประเทศไทยหนึ่งเดียว” แบบโต๊ะจีน จำนวน 200 โต๊ะ โต๊ะละ 3 ล้านบาท เป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดากรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคทยอยเดินทางมาร่วมงาน ได้แก่ นายอุตตม กสาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายวิรัช รัตนเศรษฐ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคอีสาน, นายสุพล ฟองงาม คณะกรรมสรรหาผู้สมัคร ส.ส., ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือ นอกจากนั้นมีนักการเมืองจากพรรคต่างๆ อาทิ นายสุวัจน์ ลิปพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.), นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค, พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก รองหัวหน้าพรรค และนายวราเทพ รัตนากร 
    ภายในงานได้ใช้วิธีการสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อลงทะเบียนผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมงาน และยังจัดเตรียมซุ้มถ่ายภาพโลโก้พรรค เป็นที่ระลึกสำหรับผู้มาร่วมงาน นอกจากนั้นยังเป็นช่องทางสำรวจความเห็น 5 ปัญหาของประเทศที่ต้องการให้แก้ไขมากที่สุด โดยมีการแสดงจากศิลปินนักร้องดัง อาทิ โก้ มิสเตอร์แซกแมน,  รัดเกล้า อามระดิษ, ทาทา ยัง และวงนูโว สร้างสีสันภายในงาน 
    ขณะที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า ตนไม่เล่นการเมืองแล้ว แต่ที่มาเพราะเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยดี ประเทศเดินไปได้ ทั้งนี้ ตนซื้อไว้ 2 โต๊ะ
    นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเผยว่า วันนี้ในงานระดมทุน มีการจัดโต๊ะทั้งหมด 200 โต๊ะ โต๊ะละ 3 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มียอดเงินที่บริจาคเกิน 650 ล้านบาท เนื่องจากมีผู้บริจาคเงินเกินโต๊ะละ 3 ล้านบาท แม้ยอดบริจาคทุกยอดจะต้องมีการตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกินเพดานตามที่กฎหมายกำหนด โดยเงินที่ได้ในวันนี้จะนำไปเก็บไว้ในอีกบัญชีหนึ่งก่อน เพื่อทำการตรวจสอบ ก่อนที่จะนำเงินเข้าบัญชีพรรค
    นายณัฏฐพลกล่าวเปิดงานเลี้ยงระดมทุนว่า  ต้องยอมรับว่าในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ความขัดแย้ง ความเห็นต่างในความคิด ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาไปได้ตามศักยภาพของประเทศ โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ประเทศไทยจมอยู่กับความขัดแย้ง เต็มไปด้วยปัญหาความเห็นต่างทางด้านความคิด ไม่สามารถขับเคลื่อนไปตามแนวทางที่ควรจะเป็น ถึงเวลาต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง เข้าสู่การพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน
    "การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้ง ส.ส.เข้าสภา แต่เป็นการกำหนดอนาคตประเทศและคนไทยทุกคน พรรคพลังประชารัฐ รวมถึงสมาชิกพรรค ไม่ต้องการให้ประเทศย้อนหลังเข้าสู่ความขัดแย้ง แต่ต้องการพัฒนาไทยให้ยั่งยืน มอบประเทศไทยที่สมบูรณ์ให้กับลูกหลานของเรา เราสัญญาจะนำนโยบายที่ดี ที่เหมาะสมสำหรับพี่น้องประชาชนในทุกภาคส่วน ทุกคนในประเทศไทยต้องไม่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง คำสัญญาของพรรคพลังประชารัฐ” นายณัฏฐพลกล่าว
    มีรายงานว่า จากกำหนดการเดิมที่รัฐมนตรีทั้ง 4 คน ประกอบด้วยนายอุตตม, นายสนธิรัตน์, นายสุวิทย์ และนายกอบศักดิ์ มีคิวต้องขึ้นเวทีกล่าวในงานระดมทุนของ พปชร. แต่เนื่องจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ  ได้ท้วงติงห้ามขึ้นเวทีโดยเด็ดขาด หลังทั้ง 4 รัฐมนตรีหารือข้อกฎหมาย เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กฎหมายที่เกี่ยวกับการระดมทุนห้ามรัฐมนตรีขึ้นเวทีพูดหรือแสดงแอคชั่นไว้ แม้เป็นเวลานอกราชการก็ตาม หากฝ่าฝืนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี โดยให้มาในฐานะแขกร่วมงานเท่านั้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"