19 ธ.ค. 61 - ที่ศาลแขวงดอนเมือง ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1078/2561 ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 9 (ดอนเมือง) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายหรืออดีตพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อายุ 59 ปี อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล ประธานที่ปรึกษาบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 138 กรณีเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2561 นายสันธนะ ได้ขัดขวางดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง
วันนี้นายสันธนะ ซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางมาฟังคำพิพากษา
นายสันธนะ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า กระบวนการที่ถูกกล่าวหาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่กำกับโดยแก๊งค์ 3 นายพลตำรวจนั้น การพิสูจน์ข้อเท็จจริง ข้อพิรุธในศาล ศาลให้ความเมตตาตนในการสู้คดีเต็มที่ ตนพกความมั่นใจมา 99% คดีวันนี้ข้อหาดูหมิ่นขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติตามหน้าที่ คำว่าตามหน้าที่ต้องปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย การกล่าวหาตนโดยให้ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง เป็นผู้กล่าวหานั้น ถ้าตนผิดจริงไม่ต้องให้ พล.ต.ต.นราเดช กล่าวหาคนเดียว ตำรวจทั้ง สตช. กล่าวหาได้เลย
"ผมเป็นตำรวจมาก่อน คนแต่งเครื่องแบบมาปฏิบัติหน้าที่มีหรือผมจะไม่ให้เกียรติ ถ้าทำตามกฎหมายตนพร้อมยอมรับ การแจ้งความใส่ร้ายทำให้สังคมมองผมไม่ดี แต่ถ้าถูกลงโทษก็พร้อมรับ เผื่อใจไว้ 1% เหมือนกัน เพราะขณะนี้ประเทศบริหารด้วยอำนาจพิเศษ ผมก็จะสู้ต่อไปในกระบวนการ ทั้งนี้ ไม่ได้สู้ด้วยปากเปล่า มีพยานเอกสารนำสืบให้ศาลเห็นตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ มีการวางแผนเป็นขั้นตอน มีข้อพิรุธที่ผมชี้ให้เห็นว่าบันทึกประจำวันมีการแก้ไขขีดลบ เอามาส่งศาลเป็นเอกสารเท็จ หลังพิพากษาแล้วต้องกลับไปถึงทุกคนแน่ เพราะคดีมาถึงศาลต้องการให้ผมต้องโทษจำคุก วันพฤหัสบดีหน้า (27 ธ.ค.) ผมจะไปฟ้อง 18 จำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง" นายสันธนะ ระบุ
โดยศาลพิเคราะพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว มีประเด็นวินิจฉัยว่าจำเลยได้ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานหรือไม่ เห็นว่าแม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการแสดงกิริยาท่าทางพร้อมแสดงหนังสือการได้รับมอบหมายจากเจ้าของสถานที่ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ออกจากสถานที่ แต่เมื่อพิจารณาเหตุว่าจำเลยมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าของพื้นที่ ซึ่งผู้บริหารบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมืองได้โทรแจ้งจำเลยและบอกกล่าวให้จำเลยไปดำเนินการบอกกล่าวให้ตำรวจออกไปจากพื้นที่ การที่จำเลยแสดงอาการท่าทางพร้อมชี้นิ้ว แม้จะเป็นเหตุให้ผู้เสียหายออกจากพื้นที่ แต่จำเลยก็ไม่ได้มีการแสดงท่าทางอื่นที่เป็นการข่มขู่คุกคาม ตรงนี้ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
ส่วนประเด็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ศาลเห็นว่าการดูหมิ่น จะต้องเป็นคำพูดลักษณะที่ดูหมิ่นเหยียดหยามให้ผู้เสียหายได้รับความอับอาย การที่จำเลยใช้เสียงดังพร้อมชี้นิ้วที่หน้าอก แม้มีการแสดงท่าทางประกอบเป็นเพียงกริยาที่ไม่สุภาพเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ พิพากษายกฟ้อง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |