จากความฝันในวัยเด็ก ว่าโตขึ้นอยากเป็นนักการเมือง เพื่อเข้ามาช่วยเหลือประชาชน หลังถูกบ่มเพาะจากโรงเรียนนานาชาติให้รู้จักแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือผู้อื่น
เริ่มทำงานในลักษณะ “อาสาสมัคร” ตั้งแต่อายุ 19 ปี ในบทบาทโฆษกสถานีธรรมะ ทางช่องสังฆทานนิวส์ เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเล่าธรรมะภาษาอังกฤษให้ชาวต่างชาติฟัง โดยไม่รับค่าแรงและค่าจ้างใดๆ
กระทั่งอายุ 23 ปี มีโอกาสได้ไปเรียนรู้และทำงานในตำแหน่งผู้ช่วย “จารุพงศ์ จีนาพันธ์” อดีต ส.ว.สรรหา ก่อนขยับไปเป็นเลขานุการประธานวุฒิสภา “นิคม ไวยรัชพานิช” พร้อมทั้งช่วยงานในคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ
เริ่มต้นงานการเมืองครั้งแรก ในฐานะสมาชิก “พรรคชาติไทยพัฒนา” เมื่อปี 2556 แต่เกิดรัฐประหารในปี 2557 ทำให้ยังทำอะไรไม่ได้มาก
จนมาถึงสนามเลือกตั้งครั้งนี้ ได้ทำงานเต็มตัว หลัง “ดร.เฟิร์ส” ทัศน์ลักษณ์ ปัตตพงศ์ภัช ได้รับโอกาสสำคัญจากผู้ใหญ่ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค และรองโฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา
“ทัศน์ลักษณ์” ในฐานะคนรุ่นใหม่ของพรรคชาติไทยพัฒนา อธิบายเหตุผลที่ชอบงานการเมือง ทั้งที่คนอื่นมองว่าเป็นเรื่องที่เครียดและเปลืองตัว ว่า ชอบทำอะไรเพื่อสังคมตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือเด็กยากไร้ และทำแบบนี้มาตลอด ที่สำคัญชอบการลงพื้นที่เพื่อไปดูปัญหาของประชาชนให้เห็นกับตาตัวเอง
“คิดว่าปัญหาและอุปสรรคเป็นอะไรที่ท้าทาย และชอบแก้ไขปัญหามาตั้งแต่เด็ก อย่างตอนที่เรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติ เขาจะสอนให้คิดนอกกรอบ ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง รวมไปถึงเรื่องการช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งเวลาใครมีปัญหาอะไรมักจะมาปรึกษาเรา และเราก็จะช่วยแก้ให้ได้เกือบทุกเรื่อง”
จนโตขึ้นพอจะเข้าทำงานทางการเมืองได้ “สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง” แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา อดีต ส.ว. ชุดที่ 7 และอดีต ส.ส.ชาติไทย ซึ่งเป็น “อา” และ “ไอดอล” ของ “ดร.เฟิร์ส” ที่รู้ว่าหลานชอบงานด้านนี้ ได้นำพามาฝึกปรืออยู่กับพรรค
ในการเลือกตั้งหนนี้ นอกจากได้เป็นกรรมการบริหารพรรค “ทัศน์ลักษณ์” ยังจะได้ประเดิมลงรับสมัคร ส.ส.ในแบบบัญชีรายชื่อ หรือ “ปาร์ตี้ลิสต์” ด้วย
เธอระบุว่า อยากให้ผู้หญิงเข้าไปมีส่วนร่วมในสภามากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมามีเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งยังไม่ได้เปิดกว้างมากพอ และอยากจะลบภาพด้านลบที่มักถูกเพ่งเล็งว่า เวลามีผู้หญิงเข้ามาทำงานการเมือง ถ้าไม่เพราะมีเส้นสาย ก็คงเป็นเด็กของใคร
“เราอยากแสดงศักยภาพให้เขาเห็นในความสามารถว่า ตอนนี้ผู้หญิงไม่ใช่ช้างเท้าหลังอีกต่อไปแล้วนะ เราทำอะไรได้อย่างเสมอภาคกับผู้ชาย และถ้าได้โอกาสเราจะพิสูจน์ให้เห็น”
นอกจากนี้ เธอยังต้องการเข้าไปแก้ไขและผลักดันในประเด็นเกี่ยวกับปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความรุนแรงที่มีต่อผู้หญิง เรื่องเพศสภาพ ปัญหาเด็ก การดูแลคนพิการ และเรื่องที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าคือผู้สูงอายุ โดยพรรคจะมองในภาพรวมก่อนโฟกัสเป็นจุดๆ เพื่อมาออกเป็นนโยบาย
“อย่างเรื่องการดูแลหรือส่งเสริมคนพิการ ทั้งด้านกีฬา และความสามารถอื่นๆ ทางพรรคเราสนับสนุนเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงอายุ หรือคนวัยเกษียณ ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะบางคนถูกทอดทิ้ง ซึ่งทางเราจะเดินหน้ารับฟังปัญหาแล้วเอามาคิดเป็นนโยบายเพื่อให้แก้ไขปัญหาตรงจุด”
เช่นเดียวกับเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญมาตลอด อย่างเรื่องการศึกษา และการแก้ไขเรื่องราคาพืชผลทางเกษตร ตรงนี้ ก็จะถือเป็นนโยบายเด่นของพรรค
“จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวเกษตรกร และชาวประมงมา ตอนนี้ทุกคนเดือดร้อนเรื่องราคาโคขุนตกต่ำ เมื่อก่อนกิโลกรัมละ 100 บาท ตอนนี้เหลือ 70 บาท เราจะต้องหานโยบายให้พี่น้องอยู่ดีกินดี”
ส่วนจุดแข็งของ “คนรุ่นใหม่” ของพรรคชาติไทยพัฒนาที่จะชูในครั้งนี้ “ดร.เฟิร์ส” ระบุว่า ไม่ได้น้อยหน้าพรรคใหญ่แม้แต่นิด เพราะบุคลากรในพรรคมีศักยภาพ ความสามารถ กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก ที่สำคัญคือพร้อมจะเสียสละเพื่อประเทศชาติ
“ยุคนี้เป็นยุค 4.0 เป็นยุคของไอทีและโซเชียลมีเดีย คนรุ่นใหม่ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญ เพราะจะมีความคิดใหม่ๆ แต่พูดตรงๆ ว่าจะเอาคนรุ่นใหม่อย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะเรายังขาดประสบการณ์ จึงต้องมีคนรุ่นเก่ามาผสมผสานกับคนรุ่นใหม่ ช่วยกันหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติต่อไป ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนามีตรงนี้”
ขณะเดียวกัน นักการเมืองรุ่นใหม่จะต้องก้าวข้ามเรื่อง “วาทกรรม” และ “การใส่ร้ายป้ายสี” แบบเดิมๆ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคที่ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง
“เราเบื่อกันแล้วเรื่องการทะเลาะ เราต้องเปิดใจคุยกัน ต้องหันหน้าคุยกัน คนรุ่นใหม่เองก็ควรยุติเรื่องการใช้วาทกรรม หรือการใส่ร้ายป้ายสีกัน เพราะไม่ได้มีความสร้างสรรค์อะไรเลย ได้แต่ความสะใจ อย่างในโลกโซเชียลมีเดียตอนนี้ก็มีการใช้วาทกรรมกันรุนแรงกันแทบทุกวัน ที่เรียกๆ กันว่านักเลงคีย์บอร์ด ทั้งที่เรื่องความเห็นต่าง ถ้าเรายอมรับหรือเปิดใจในมุมมองที่แตกต่างมันก็จะเดินหน้าไปได้ แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ประเทศยังทะเลาะกัน ยังตีกัน เราจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้เลย”
รองโฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งรับผิดชอบด้านสังคม ยังเปรียบเปรยว่า ในช่วงที่ยังมีความขัดแย้งกัน พรรคชาติไทยพัฒนาจะขอเป็นเหมือน “โอเอซิส” ทางการเมือง
“พรรคจะไม่ทะเลาะกับใคร เพราะเราไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร เราต้องการเป็นเหมือนโอเอซิส เป็นพื้นที่ที่เขาพักพิง ให้เขาเข้ามาแล้วรู้สึกไม่ร้อน ร่มเย็น แม้แต่สีของพรรคเรายังเป็นสีชมพู เพื่อให้ทุกคนรักกัน นี่คือจุดแข็งของเรา เหมือนสโลแกน ก้าวข้ามความขัดแย้ง และร่วมกันปฏิรูปประเทศชาติ”
ถือเป็นสตรีรุ่นใหม่ที่น่าจับตา เพราะมีความมุ่งมั่น และมีใจรักในงานช่วยเหลือสารทุกข์สุกดิบของพี่น้องประชาชน ซึ่งย้ำหลายครั้งเพื่อยืนยันความตั้งใจที่เธอมีอย่างแรงกล้า
ต้องจับตา “คลื่นลูกใหม่” ของชาติไทยพัฒนารายนี้ให้ดีเสียแล้ว.
ดร.ทัศน์ลักษณ์ ปัตตาพงศ์ภัช
- รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีซี คอนกรีต จำกัด
- รองเลขาธิการพรรค, รองโฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ด้านสังคม
- การศึกษา : ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, ปริญญาโท คณะศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง มหาวิทยาลัยรังสิต, ปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ สาขาการจัดการชั้นสูง มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |