ข่าวดี แผนพีดีพีใหม่ค่าไฟไม่เกิน 3.60 บาท


เพิ่มเพื่อน    


“กุลิศ”เผยพีดีพีใหม่ค่าไฟไม่เกิน 3.60 บาท/หน่วย อ้างเชื้อเพลิงราคาถูก มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมเผยเตรียมเข้า กพช. ม.ค. 62 ก่อนกำหนดแผนลูกวางแนวทางด้านพลังงานประเทศ ย้ำไม่เปิดให้กฟผ.ทำโรงไฟฟ้าแข่งเอกชน แต่จะพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(พีดีพี) ของประเทศ ฉบับใหม่ระหว่างปี 2561-2580 ว่าการรับฟังความคิดเห็น(พับลิค เฮียริ่ง) ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 หลังจากที่มีการรวบรวมจากทุกภาคของประเทศ ซึ่งจะมีการรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดและสรุปก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ภายในเดือน ม.ค. 2562 ก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติ ซึ่งจากการหารือนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกกำหนดให้ค่าไฟฟ้าตลอดทั้งแผนเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 3.60 บาทต่อหน่วย จากเดิมกำหนดอยู่ที่ 5 บาทต่อหน่วย

“เรามองว่าในการกำหนดแผนพีดีพีเดิมปี 2015 นั้นยังไม่มีความเสถียรมากนักของเทคโนโลยีด้านพลังงาน แต่ปัจจุบันแหล่งการผลิตไฟฟ้ามาจากหลายด้าน ทั้งพลังงานทดแทนที่อนาคตจะสามารถทำให้เสถียรได้ เชื้อเพลิงมีราคาถูกลงเนื่องจากการแข่งขันที่สูง รวมถึงมีนวัตกรรมที่จะส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าให้ได้ในราคาถูกลง รวมถึงการนำเข้าไฟฟ้าในต่างประเทศที่ในอนาคตจะราคาต่ำลงไปอีก”นายกุลิศ กล่าว

ทั้งนี้การกำหนดแผนพีดีพีนั้นได้วางแนวทางในการจัดสรรการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าให้เพียงพอ คือเน้นจากโรงไฟฟ้าจากนโยบายส่งเสริมภาครัฐ เช่น โรงไฟฟ้าขยะชุมชน , โรงไฟฟ้าหลักจากเชื้อเพลิงฟอสซิล , โรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีเทคโนโลยีที่สะอาด , โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ซึ่งภายในปลายเดือน ธ.ค.นี้ ทางกระทรวงจะมีการประชุมกำหนดแผนลูกของพีดีพีที่ชัดเจน ได้แก่ แผนก๊าซธรรมชาติ แผนน้ำมัน แผนพลังงานทดแทน และแผนอนุรักษ์พลังงาน ก่อนที่จะเสนอเข้า กพช. ต่อไป

“เราจะต้องมีการกำหนดการใช้ไฟฟ้าเป็นภูมิภาค รวมถึงกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ต้องดูความต้องการของคนในพื้นที่ รวมถึงการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคใต้เองก็ต้องดูความจำเป็นว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร และโรงไฟฟ้าถ่านหินเองก็ต้องรอผลศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์(เอสอีเอ) ก่อนเราก็ตั้งใจว่าจะทำให้แผนมีความยืดหยุ่นมากที่สุด” นายกุลิศ กล่าว

นายกุลิศ กล่าวว่าความต้องการใช้ไฟฟ้ายังเพียงพอไปถึงในช่วงปี 2568 และเมื่อถึงตอนนั้นก็จะต้องมาศึกษาและประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อจะเปิดโอกาสให้เข้ามาพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ ที่เป็นโรงไฟฟ้าหลักของประเทศ(ไอพีพี) โดยดูความสามารถและศักยภาพของผู้ดำเนินการว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) หรือเอกชนรายอื่น ๆ เข้ามาทำ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เปิดให้มีการแข่งขันกันระหว่าง กฟผ.และเอกชนอยู่แล้ว เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่าไม่สามารถแข่งขันกันได้
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"