จากกรณีนางทิชา ณ นคร ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ในฐานะอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ดำเนินการล่ารายชื่อกดดันให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมลาออกจากตำแหน่งตามที่ได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่กระทรวงกลาโหม ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ change.org นั้น

5 ก.พ. 61 - นางทิชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ ณ วันที่ 5/2/61 เวลา 09.21 น. รายชื่อสนับสนุนให้รองนายกประวิตรฯ ลาออก 60,052 ถอยกลับไปที่รัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งเป็นฉบับที่ผ่าน การมีส่วนร่วมของประชาชนที่สูงมากหรือสูงสุดก็ว่าได้ ในชื่อ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ : สสร. ในรัฐธรรมนูญฉบับ สสร. ได้ให้อำนาจพลเมืองเจ้าของอำนาจเข้าชื่อ 50,000 ชื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ โดยเฉพาะในประเด็น ร่ำรวยผิดปกติและ ขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรง ข้อที่น่าสงสัย คือ การไม่ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินก่อนรับตำแหน่ง นาฬิกาหรูบนข้อมือต่างกรรมต่างวาระ เข้าข่ายหรือไม่ รายชื่อมากกว่า 60,000 ชื่อ ใน Change คือ ตรรกะ คือ เจตนารมณ์ที่เป็นหนึ่งเดียว กับรัฐธรรมนูญปี 40 ใช่หรือไม่”

นางทิชา ให้สัมภาษณ์ว่า จะมีการหารือกับกัลยาณมิตรและบุคคลที่สนใจในประเด็นดังกล่าวว่าจะนำรายชื่อที่ได้จากการลงชื่อของประชาชนผ่านเว็บไซต์ Change.org ไปดำเนินการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดได้มีเว็บไซต์ชื่อ konrakpa.org  หรือ “คนรักษ์ป่า”  ลักษณะเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับป่าไม้ของประเทศไทย มีการนำรูปภาพของอุทยานแห่งชาติต่างๆ มานำเสนอบนเว็บไซต์ โดยหน้าเว็บไซต์มีบทกลอนว่า “ป่าเอ๋ย..ป่าไม้ เป็นของใคร จงคิดครวญ ให้ถ้วนถี่ ของข้าราชการ พ่อค้า ผู้มากมี หรือของพี่ น้องไทย ในแผ่นดิน เป็นของเรา ชาวไทย ใช่ใครอื่น ทุกวันคืน ควรรักษา อย่าให้สิ้น เมื่อป่ายัง อยู่ยั้ง ไม่พังภินท์ ผองชีวิน ก็จะยังอยู่ คู่ป่าเอย”

ที่สำคัญมีภาพพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมเปิดให้ลงชื่อสนับสนุนพล.อ.ประวิตร ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป  โดยมีข้อความระบุว่า “พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักป่า ปกป้องผืนป่า ดูแลป่า พวกเราจึงรัก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ พวกเราขอเป็นแนวร่วมและขอให้กำลังใจ ให้ท่าน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ในคณะรัฐบาล และรับใช้ประเทศชาติต่อไป” 

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. มีผู้ลงชื่อสนับสนุนกว่า 3.4 หมื่นคน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าตัวเลขการลงชื่อสนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงบ่าย ท่ามกลางกระแสข่าวการให้บุคลากรหน่วยงานทหารและหน่วยงานราชการลงชื่อสนับสนุนพล.อ.ประวิตรในเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป.