17.ธ.ค.61- ยูเอ็นเตรียมปลดล็อก "สาร CBD" ที่มีมากในกัญชง ออกจากสารเสพติดใน 2-3 เดือน เหตุไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท หลายประเทศใช้เป็นอาหารเสริม ลุ้นไทยปลดล็อกตาม
นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กล่าวถึงแนวคิดการให้เกษตรกรปลูกกัญชา ว่า ส่วนตัวตนคิดว่า หากจะให้ชาวไร่ปลูก อยากให้ปลูก "กัญชง" เพื่อเอาสาร CBD มากกว่า เนื่องจากแนวโน้มตลาดโลกก็ไปทางสาร CBD มาก เพราะสามารถนำไปใส่หรือผสมได้ในหลายอย่างหลายผลิตภัณฑ์ ขณะที่กัญชาไทยจะมีสาร THC สูง สาร CBD น้อย และเสี่ยงต่อการนำไปเสพ จึงคิดว่าควรจะปลดล็อกให้ปลูกกัญชง เพียงแต่สายพันธุ์กัญชงกับพื้นที่ที่จะปลูกนั้นต้องศึกษาวิจัย เช่น ดินแหล่งไหนปลูกแล้วจะได้ CBD มาก หรือดินแห่งไหนที่ไม่ค่อยมีโลหะหนัก เป็นต้น ซึ่งการปลูกกัญชงนั้นจะต้องปลูกให้ได้สาร CBD สูง และสาร THC น้อย
ผศ.ดร.วิเชียร กีรตินิจกาล อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะผู้วิจัยพัฒนาสายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์ให้แก่ อภ. กล่าวว่า ทั่วโลกแยกกัญชงกับกัญชา โดยดูจากสาร THC สำหรับประเทศไทยกำหนดให้กัญชงต้องมีสาร THC ไม่เกิน 1% สหรัฐอเมริกาไม่เกิน 0.3% ยุโรปไม่เกิน 0.2% สวิตเซอร์แลนด์ไม่เกิน 1% อิตาลีไม่เกิน 0.6% ออสเตรเลียแล้วแต่รัฐ เช่น บางรัฐไม่เกิน 1% บางรัฐไม่เกิน 0.3% แต่สุดท้ายแล้วหากเราต้องการผลิตสาร CBD เพื่อส่งออกตามที่ทั่วโลกต้องการ ก็ต้องมีสาร THC ต้องต่ำกว่า 0.3% เพราะตลาดทั่วโลกต้องการเช่นนั้น และประเทศไทยอาจจะต้องแก้กฎระเบียบของเราให้ THC ต่ำกว่า 0.3% และต้องไม่มีโลหะหนักด้วย ถ้ามากกว่านี้จะถือว่าเป็นกัญชา ซึ่งกัญชาติดปัญหายาเสพติด เพราะตัว THC ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ส่วน CBD ไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
ผศ.ดร.วิเชียร กล่าวว่า ล่าสุดสหประชาชาติ (UN) เตรียมจะปลดล็อกสาร CBD ออกจากสารเสพติด ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว นายวิโรจน์ สุ่มใหญ่ สมาชิกคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ ยูเอ็น ได้มาประชุมร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็บอกว่า 2-3 เดือนนี้ ยูเอ็นจะพิจารณาเรื่องการปลดล็อก CBD ออกจากสารเสพติด ซึ่งไทยอยู่ในประเทศสมาชิกก็ต้องปฏิบัติตาม คิดว่าไม่ช้าเมืองไทยก็ต้องปลดล็อก ซึ่งในต่างประเทศ สาร CBD เป็นอาหารเสริม ใส่ทุกชนิด ทั้งในเครื่องดื่ม อาหารสุนัข เครื่องสำอาง ตลาดถือว่าใหญ่มาก แต่การผลิต CBD ต้องระมัดระวัง เพราะเหมือนกัญชาที่มีโลหะหนักได้ ซึ่งสาร CBD แหล่งใหญ่อยู่ในประเทศจีน แต่ผลิตภัณฑ์ของจีนทั่วโลกก็เริ่มกังวล เพราะว่ามีโลหะหนักปะปน เพราะฉะนั้นหลายส่วนที่จะปลูกกัญชงเพื่อให้เป็น CBD ก็ต้องระวังในเรื่องนี้
ผศ.ดร.วิเชียร กล่าวว่า การปลูกกัญชงมี 3 ประเภท คือ 1.กัญชงไฟเบอร์ที่เน้นเอาเยื่อใย 2.กัญชงซีดเฮมพ์ (Seed Hemp) เพื่อเอาเมล็ด เพราะมีน้ำมันโอเมกา 3 และโอเมกา 6 ซึ่งมีประโยชน์ และ 3.กัญชง CBD สูง ทั้งนี้ ประเทศจีนตลาด CBD ใหญ่เขาปลูกเป็นไฟเบอร์เพื่อเอาเยื่อใย และเอายอดที่มีสาร CBD ไม่เยอะ แต่เขาปลูกเป็นแสนไร่มาสกัดเรียกว่า ใช้ประโยชน์ทั้งสองส่วน ถ้าหากเมืองไทยจะเริ่มปลูกกัญชงก็อาจใช้รูปแบบของจีนได้ ซึ่งตนมองว่ากัญชงเป็นพืชที่ดีมาก เพราะเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และต้องมีอุตสาหกรรมมารองรับที่จะเอากัญชง ซึ่งทำได้หลายอย่าง ทั้งสี เสื้อผ้า ปาร์ติเกิลบอร์ด ส่วนยอดก็เอามาสกัด เช่นนี้เราจะใช้ได้ทั้งต้น หรือหากจะปลูกกัญชงที่มี CBD สูงเลย เพื่อเอาดอกมาทำ ก็อยู่ที่การตัดสินใจ ส่วนการปลูกกัญชา CBD นั้น บางประเทศไม่ยอม เพราะสาร CBD มาจากกัญชาถือว่าเป็นยาเสพติด ซึ่งกฎหมายเราจะกำหนดว่า สาร CBD ต้องมาจากกัญชงหรือไม่ หรือจากกัญชาก็ได้ ตรงนี้ต้องแล้วแต่กฎหมาย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |