“อภิสิทธิ์” แจงยิบ นโยบาย “เด็กเข้มแข็ง” ไม่ใช่ประชานิยม ลั่นเอาจริง ไม่ได้คิดเล่นๆ แต่รับ ควบคุมลำบาก หากผู้ปกครองใช้ผิดวัตถุประสงค์
เมื่อเวลา 14.30 น. 16 ธ.ค. 2561 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโยบาย “เด็กเข้มแข็ง” ด้านการศึกษาของพรรคที่ถูกวิจารณ์ว่ามีการให้เงินเด็กแรกเกิดคนละ 5 พันบาทในเดือนแรก นอกจากนั้นจะได้รับเดือนละ 1 พันบาทจนเด็กอายุครบ 8 ปี ว่า การให้เงินดังกล่าวยังเป็นจำนวนที่น้อยกว่า ข้อมูลจากฝ่ายวิชาการและองค์กรระหว่างประเทศสนับสนุน อย่างไรก็ตามการลงทุนเรื่องดังกล่าว จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับประเทศ เพราะนี่คือฐานรากที่สำคัญที่สุดสำหรับอนาคตของประเทศไทย เราไม่ได้คิดนโยบายขึ้นมาเล่นๆ เพราะการทำนโยบายเรื่องนี้ผ่านการปรึกษากับสถาบันวิจัยที่ไม่ใช่คนของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับองค์กรระหว่างประเทศที่ทำงานด้านการพัฒนา ได้พยายามนำเสนอมาหลายครั้ง ขณะที่เรื่องของงบประมาณสำหรับนโยบายนี้พรรคประชาธิปัตย์จะต้องมีคำอธิบายว่าจะสามารถหางบประมาณมาจากที่ไหน ซึ่งตอนนี้เราเตรียมตัวเลขดังกล่าวไว้หมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เงินดังกล่าวอาจถูกผู้ปกครองของเด็กนำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ ไม่ได้ใช้เป็นค่าอาหารสำหรับเด็กแรกเกิด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราคงไม่สามารถไปควบคุมได้ทั้งหมด แต่ถามว่าเกิดอย่างนั้นแล้วทำไมตอนรัฐบาลชุดปัจจุบันทำนโยบายให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ตนก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร ยืนยันว่านโยบายนี้ไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ไม่มีเรื่องที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์และความพอใจ หรือจังหวะการหาเสียงแต่นี่เป็นนโยบายที่ผ่านการศึกษามาโดยสถาบันวิจัยและคนที่ทำงานด้านการพัฒนาในประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่สำคัญ และที่จริงแล้วตัวเลขจำนวนเงินในนโยบายนี้ บางคนยังติงว่าน้อยเกินไป เพราะเฉลี่ยเป็นค่าอาหารแค่วันละ 30 บาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการนำเสนอนโยบายสังคมสวัสดิการใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สังคมสวัสดิการเป็นแนวทางที่เราผลักดันอยู่แล้ว สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการยืนยันคือคนไทยทุกคนต้องมีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา เรื่องรายได้ และเรื่องคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชนในด้านต่างๆ เราต้องการให้คนไทยมีความมั่นใจในหลักประกันตรงนี้ ไม่มีเรื่องแนวทางแบบประชานิยมอย่างแน่นอน เพราะประชานิยมต้องเป็นนโยบายที่ไม่มีเหตุมีผลให้รัฐต้องมายุ่งเกี่ยว ตนขอยกตัวอย่าง เช่น นโยบายรถคันแรก เป็นเรื่องที่หาคำตอบในทางวิชาการไม่ได้เลยว่าทำไมต้องเอาเงินภาษีไปสนับสนุนคนที่จะซื้อรถคันแรก อีกทั้งนโยบายที่เป็นประชานิยมไม่มีความยั่งยืน แต่นโยบายที่เราทำมีความเป็นระบบ และต้องมีคำตอบในเรื่องตัวเลขงบประมาณ ขณะเดียวกันนี่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ทำนองเดียวกับเรื่องของผู้สูงอายุและกลุ่มอื่นๆในสังคม ที่ต้องได้รับสิทธิ์ในสังคม เราจึงบอกว่าต้องเป็นการได้รับถ้วนหน้า
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |