อนาคตไหม้ยังระส่ำหนัก ลาออกกันระนาว "ทนายจ๋า" แฉแหลก ถูกตัดชื่อออกด้วยข้อเป็นเสื้อเหลือง จวกยับอ้างประชาธิปไตยเพื่อหาเสียง แต่ภายในกลับเป็นระบบยิ่งกว่าเผด็จการ อ้างความมุ่งเน้นถึงความโปร่งใส แต่ใช้วิธีไม่สะอาดมาก เป็นวิธีนอกเหนือประชาธิปไตย ผงะ! ไพรมารีวูบ งดออกเสียงบานตบหน้ากันเอง

    ที่ศูนย์ประสานงานฝั่งธนบุรี พรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายณัฐวรรธน์ พัชรพรนุกูล ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ เขตบางขุนเทียน พร้อมด้วย น.ส.ณัฏฐนันท์ ณัฏฐภูเบศร์ ผู้สมัครเขตหนองแขม, นายกิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์ ผู้สมัคร เขต 7 จ.นครศรีธรรมราช ร่วมกันแถลงข่าวหน้าศูนย์ฯประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำไพรมารีโหวตสรรหาผู้สมัคร ทำให้ไม่ได้รับเลือกเป็นผู้สมัครของพรรค
          นายณัฐวรรธน์กล่าวว่า พบว่าพรรคมีการนำบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้เสนอตัวลงสมัครตั้งแต่ต้นมาลงทับพื้นที่เขตที่จะลงสมัครเป็น ส.ส. เป็นการเอาบุคคลอื่นที่มีการวางตัวไว้แล้วมาลงแทน อย่างเขตบางขุนเทียน มีการสรรหาเลือกบุคคลประสงค์สมัครเขตบางบอกน้อยมาลงเขตบางขุนเทียน แล้วตัดสิทธิ์คนในพื้นที่ และได้เรียกร้องความเป็นธรรมต่อพรรคแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข พรรคไม่เห็นความสำคัญ ทั้งๆ ที่ผ่านมาพวกตนลงพื้นที่หาสมาชิกให้กับพรรคอย่างเต็มที่ และเมื่อทักท้วงพรรคก็ถูกคนในพรรคดูถูกดูแคลนกล่าวหาว่าเป็นคนของพรรคอื่นที่เข้ามาสร้างความวุ่นวาย ทั้งๆ ที่ส่วนตัวมีอุดมการณ์ร่วมกับพรรคชัดเจน
        "ยืนยันว่าทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่ได้ติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติ แต่ที่ต้องลาออกเพราะกลัวถูกสมาชิกในพื้นที่กล่าวหาว่าหลอกลวงให้สมัครเป็นสมาชิก และเห็นว่าปัญหาแค่นี้ หัวหน้าพรรคยังจัดการแก้ไขไม่ได้ จะสามารถแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้อย่างไร" 
    นายณัฐวรรธน์กล่าวว่า เดิมทีจะมีการเผาป้ายพรรคหน้าศูนย์ประสานงาน แต่ยังมีความรักพรรคอยู่ จึงจะให้เกียรติ และหลังจากนี้จะให้สมาชิกพรรคตัดสินใจเองว่าจะร่วมอยู่ต่อกับพรรคต่อไปหรือไม่ จะไม่บังคับ
    ด้าน น.ส.ธิดารัตน์ ศิริวิทยากร หรือทนายจ๋า สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นอีกคนที่ถูกตัดชื่อออกจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคอนาคตใหม่ ได้เข้าไปชี้แจงในกลุ่มไลน์ของสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ด้วย โดยระบุว่า
        "ที่เข้ามาในกลุ่มเพื่อจะชี้แจงข้อสงสัย และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จ๋าจะขอสื่อสารกับพี่น้องอนาคตใหม่          สมาชิกมากกว่า 80% ในเขต 1 เป็นมวลชนของจ๋า วันที่ 8 ที่ผ่านมา ในการรับรองสาขาพรรคที่เชียงใหม่ ใช้มวลชนของจ๋าทั้งปวงที่เป็นแกนนำ ทั้งเยาวชน ผู้ใหญ่ คนแก่ จากทั่วพื้นที่เขต 1 รับรองกรรมการทุกท่าน สร้าง ความชอบธรรมให้กับสาขาพรรคอนาคตใหม่ในเชียงใหม่ หากจ๋ามีชื่อเข้าโหวตย่อมชนะ
ข้อหาเป็นเสื้อเหลือง
          สำหรับข้อหาที่จ๋าทราบมาที่โดนตัดชื่อออกมี 2 ประเด็นหลักๆ 
    1.อ้างว่าจ๋าเป็นเสื้อเหลือง แกนนำ กปปส. ด่าซ้ำเติมศพที่มาจากการเมืองในปี 2553 ซึ่งจ๋าไม่รู้เรื่องเลย เป็นความเท็จทั้งปวง จ๋าสนิทกับทั้งวงในชั้นลึกของทั้งสีเหลือง สีแดง จ๋าไม่เคยเลือกสีใดสีหนึ่ง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ที่ผ่านมา ได้คะแนนจากทั้ง 2 สี
          2.กล่าวหาว่าจ๋าซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ครั้งนี้พรรคไม่ซื้อเสียง จ๋าจะได้คะแนนให้พรรคได้อย่างไร ข้อนี้ตลกมาก ใครๆ ทั่วเชียงใหม่ทราบกันเป็นที่ประจักษ์ว่าเงินเกือบทั้งหมดของจ๋าถูกโกง คะแนนที่ออกมาแทบจะเป็นคะแนนบริสุทธิ์ทั้งสิ้น และที่จ๋าพาแกนนำมวลชนจากทั่วพื้นที่เขต 1 มารับรองสาขาพรรคและกรรมการทุกคน ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเองนะคือ อะไร??
         และถ้าอ้างว่าจะหาคะแนนให้พรรคไม่ได้ แล้วใครกัน ณ เวลานี้ที่น่าจะทำคะแนนให้พรรคได้ และทำได้จริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม จ๋าได้เคยพูดไว้แล้วว่าเป็นผู้เดินเข้ามาเองก็จะยอมรับผลที่เกิดขึ้น ทุกอย่างจ๋าจึงขอยุติความขัดแย้ง ขอให้สมาชิกทุกท่านที่เคลือบแคลงสงสัย ได้โปรดอย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นอีกเลยนะคะ
          สำหรับจ๋า คงขอลาออกจากสมาชิกพรรค รวมถึงแกนนำสมาชิกคงทยอยลาออก เพราะแกนนำรับไม่ได้ หากเราแพ้ด้วยวิธีประชาธิปไตยเรายินดีจะสนับสนุนพรรคต่อ แต่นี้เป็นวิธีนอกเหนือประชาธิปไตย เรารับไม่ได้
        การอ้างประชาธิปไตยเพื่อหาเสียง แต่ภายในกลับเป็นระบบยิ่งกว่าเผด็จการ อ้างความมุ่งเน้นถึงความโปร่งใส แต่ใช้วิธีไม่สะอาดมาก จ๋าจึงไม่สามารถนำมวลชนเดินมาสู่ทางที่ผิด
         จ๋าขอเรียนว่าจ๋าทราบผลเรื่องนี้ ก่อนวันที่จ๋าจะนำมวลชนไปโหวตรับรองสาขาพรรค แต่เมื่อจ๋ารับปากว่าจะช่วยแล้ว จ๋าก็ได้ทำตามที่ให้สัจจะไว้ จ๋าได้บอกแกนนำทุกคนไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ถ้ายังเกิดรับรองจ๋าให้เขาไปโหวต จ๋าก็จะลาออกเองหลังจากพิสูจน์คะแนนโหวตให้ชนะขาด ไม่คิดจะร่วมกับพรรคต่อไปอยู่แล้ว เพียงแต่รอวันให้พรรคประกาศออกมาเอง แสดงออกมาเองว่าใช้วิธีเยี่ยงนี้
      นี่คือความสัตย์จริงที่จ๋าอยากจะชี้แจง เพื่อมิให้ผู้ใดต้องสงสัย และร้องขออย่าได้นำประเด็นนี้ นำไปสู่ประเด็นขัดแย้งใดๆ อีกเลย
         ความผิดนี้เป็นของจ๋าเองที่เดินเข้ามาสู่อุดมการณ์ที่มันไม่มีจริง จ๋ามีสิ่งที่อยากจะชี้แจงเพียงเท่านี้ และหากผู้ใดต้องการนำสิ่งนี้เป็นประเด็น หรือฟ้องร้องตามกฎหมาย จ๋ายินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่แท้จริงค่ะหวังว่าต่อไปพรรคนี้จะมีแต่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจนะคะ"
แจงเข้าใจคลาดเคลื่อน
    สำหรับ ทนายจ๋า เกิดและโตในจังหวัดเชียงใหม่ จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างชุมชนกับรัฐ เช่น คดีชุมชนรุกล้ำป่าสงวนที่จังหวัดลำพูน คดีข้อพิพาทในเขตเทศบาลเชียงใหม่ เป็นต้น ในปี 2556 เธอลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ โดยได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 2 แพ้นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยในครั้งนั้น
         ด้านนายอำนาจ สถาวรฤทธิ์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฝ่ายการเมือง พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาพร้อมคณะเพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกับผู้ที่ร้องเรียน โดยใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการหารือ ซึ่งคิดว่ามีปัญหาทั้งหมดนี้มี 7 เขต 7 ผู้สมัคร แต่ในวันนี้เราพบผู้สมัครเพียง 5 คน 
    โดยปัญหาที่สรุปนั้นมีอยู่ 3 ข้อ 1.มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไม่ตรงกันในเรื่องขบวนการไพรมารีโหวต ซึ่งทางพรรคได้มีการเสนอขั้นตอนการทำไพรมารีโหวตแล้วว่าคณะกรรมการสรรหาของพรรคเรามีอำนาจในการคัดสรร ก่อนที่จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหาร
          2.ความเสียหายของผู้สมัครที่ไม่ได้รับการประกาศชื่อในไพรมารีโหวตนั้น เราคิดว่าจะหาทางพูดคุยเพื่อที่จะช่วยเยียวยาในเรื่องที่เกิดขึ้น
        3.ตนได้เสนอว่าเรายังมีพื้นที่ที่จะพูดคุยกันในฐานะที่เป็นชาวอนาคตใหม่อีกหรือไม่ เพราะว่ากระบวนการคัดสรรนั้นยังไม่ได้จบ แม้จะผ่านการทำไพรมารีโหวตแล้วก็จริง แต่เรายังจะต้องนำรายชื่อบุคคลที่ได้รับเลือกไปขอความเห็นจากตัวแทนในแต่ละจังหวัด หลังจากนั้นต้องนำให้คณะกรรมการบริหารเป็นผู้ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย ซึ่งคณะกรรมการบริหารจะประชุมกันในวันที่ 18-20 ธ.ค.นี้เพื่อคัดเลือก
         “เราได้พูดคุยกับเหล่าสมาชิกพรรคของเราว่า ถ้าหากยังยินดีที่จะร่วมงานกัน เราขอให้แต่ละคนที่มีปัญหาทำบันทึกอย่างเป็นทางการ เพื่อนำผลเสนอต่อกรรมการบริหาร แต่ปรากฏว่าผลที่เกิดขึ้นคือ จาก 5 คนที่ได้มาพูดคุย มี 2 คนที่เข้าใจและยินดีที่จะรับข้อเสนอของผม ส่วนที่เหลือตามที่เขาได้แถลงข่าวกันไว้" 
         เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งข้อสังเกตกันในแอปพลิเคชันไลน์ว่าทำไมพรรคถึงไม่ใช้โอกาสชี้แจงเบื้องต้นไปก่อน ก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้นมานั้น นายอำนาจตอบว่า กลุ่มไลน์ดังกล่าวตนไม่ได้เป็นสมาชิก ซึ่งไม่ใช่ไลน์ทางการของพรรคที่สมาชิกจำนวนหนึ่งได้ตั้งขึ้นมา อีกทั้งยังไม่เคยเห็นไลน์นั้นเลย ซึ่งวันนี้ตนก็ได้สอบถามแล้วว่าได้มีการโพสต์อะไรกันในไลน์บ้าง ซึ่งตนก็ได้รับทราบแล้ว
ไพรมารีอนาคตวูบ
          เขายังกล่าวว่า หากเหล่าสมาชิกพรรคเข้าใจหลักเกณฑ์ เคารพกติกา และยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค เราไม่คิดว่าประเด็นปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดการขยายตัว
         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ที่ลาออกจากสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วย นายพิสุทธิ อังจันทร์เพ็ญ เขต 22 คลอนสาน, นายณัฐวรรธน์ พัชรพรนุกูล เขต 25 บางขุนเทียน, นายกิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์ เขต 7 นครศรีธรรมราช, น.ส.ณัฏฐนันท์ ณัฏฐภูเบศร์ เขต 27 หนองแขม และนายกฤษณ์ สุริยผล เขต 30 บางพลัด
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสดรามาบนโลกโซเชียลกรณีที่สมาชิกพรรคอนาคตใหม่บางรายถูกตัดชื่อออกจากการทำไพรมารีโหวต ผ่านการลงคะแนนในระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น พบว่าหลายเขตเลือกตั้งที่มีปัญหาเรื่องการตัดตัวสมาชิกลงไพรมารีนั้น มีผลการหยั่งเสียงมีคะแนนสนับสนุนเพียงหลักสิบหรือต่ำกว่า และในบางเขตมีคะแนนเสียงไม่ประสงค์ลงคะแนนหรือโหวตโน ชนะคะแนนสนับสนุน 
    เช่น จ.เชียงใหม่ เขต 1 ผู้ชนะอันดับหนึ่ง 49 คะแนน งดออกเสียง 199 คะแนน, จ.เชียงราย เขต 6 ผู้ชนะอันดับหนึ่ง 26 คะแนน อันดับสอง 15 คะแนน งดออกเสียง 116 คะแนน, จ.มุกดาหาร เขต 2 ผู้ชนะอันดับหนึ่ง 7 คะแนน งดออกเสียง 60 คะแนน, จ.กาฬสินธุ์ เขต 4 ผู้ชนะอันดับหนึ่ง 5 คะแนน เขต 5 ผู้ชนะอันดับหนึ่ง 7 คะแนน ส่วนกรณีของนายคริส โปตระนันท์ สมาชิกผู้ก่อนตั้งพรรค ที่มีกระแสเบียดสมาชิกรายหนึ่ง ลงกรุงเทพมหานคร เขต 6 เป็นผู้ชนะอันดับหนึ่ง 26 คะแนน งดออกเสียง 5 คะแนน
    อย่างไรก็ตาม ผลการหยั่งเสียงเบื้องต้นนี้ ยังต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาผู้ลงสมัครส.ส. และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ระหว่างวันที่ 18-20 ธ.ค.นี้ อีกครั้งก่อนประกาศเป็นรายชื่อผู้ลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 350 เขตเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้
    ทั้งนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค และเครือข่ายสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ในพื้นที่ กทม. ร่วมคิกออฟแคมเปญ ไม่หยุดนิ่ง วิ่งสู่อนาคต ที่สวนลุมพินี ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกันกับสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเริ่มต้นไปสู่การเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ก่อนที่นายธนาธรจะแถลงนโยบายเปิดวิสัยทัศน์ เปลี่ยนอนาคต ในช่วงเที่ยงของวันที่ 16 ธ.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์.