เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้พูดถึงวิธีการของพรรคต่างๆ ในการเชิญคนเข้าพรรค เกิดปรากฏการณ์ของเลือดไหลออกจากบางพรรค และไหลเข้าบางพรรค สำหรับพรรคที่มีคนไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ถูกมองว่าเป็นพรรคพลังดูดบ้าง เป็นคนที่ตกปลาในบ่อเพื่อนบ้าง และเมื่อสิ้นสุดของเวลาการเชิญคนเข้าพรรคแล้ว ทุกพรรคก็ถึงเวลาที่จะโชว์ว่าพวกเขามีใครบ้างเข้ามาร่วมอยู่ในพรรค เพื่อชวนให้คนลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครพรรคของตน สำหรับคนที่นำมาโชว์นั้น บางคนก็เป็นที่ถูกใจคนที่พร้อมจะลงคะแนนให้ แต่บางคนเป็นคนที่ทำให้คนที่ตั้งใจจะลงคะแนนให้เกิดความสับสนและผิดหวัง เพราะพรรคที่ตนเองตั้งใจจะเลือกนั้นได้คนที่เข้ามาร่วมพรรคที่ไม่ถูกใจเท่าใดนัก เพราะเป็นคนที่มีอดีตที่ไม่งดงาม เคยทำงานการเมืองที่ไม่ค่อยจะโปร่งใส ยังมีเรื่องราวของความไม่ชอบมาพากลในการทำงานการเมืองที่ผู้คนยังคงจดจำได้อยู่
พรรคใหญ่แม้ว่าจะมีเลือดไหลออกไปหลายสิบคน เขาก็โชว์ว่าคนที่ประชาชนชื่นชอบและศรัทธายังคงอยู่กับพรรค เขาโชว์คนที่เป็นแกนนำของพรรค เขาโชว์คนที่เป็นขุนพลของพรรค ทั้งคนที่จะเป็นแม่ทัพในการวางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งที่คาดว่าถ้าหากพรรคนี้ชนะการเลือกตั้ง และได้เป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาล แม่ทัพรายนี้ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ภาพที่แสดงออกก็คือเป็นคนเก่ง เป็นคนมีธรรมะ นอกจากแม่ทัพด้านยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งแล้ว พรรคนี้ก็ยังโชว์ขุนพลที่จะเป็นแม่ทัพในการหาเสียงอีกด้วย ทั้งนี้เพราะเขามีความเชื่อมั่นในลีลาที่ดุเด็ดเผ็ดมันของขุนพลผู้นี้ แต่ก็น่าจะตั้งคำถามหน่อยนะว่า ขุนพลคนนี้ยังมีความน่าเชื่อถือเหลืออยู่ไหม สังขารที่เป็นอยู่ในขณะนี้จะมีลีลาการหาเสียงที่เร่าร้อนได้อย่างแต่ก่อนไหมนะ และที่ต้องระวังก็คือ ระวังจะพูดเรื่อยเปื่อยทั้งจริงและเท็จ เดี๋ยวจะมีความผิด ไม่ว่าส่วนตัวและของพรรค นอกจากการใช้แม่ทัพยุทธศาสตร์และแม่ทัพหาเสียงแล้ว ยังมีการโชว์สมาชิกพรรคคนสำคัญที่เพิ่งเข้ามาสมัครใหม่สดๆ ร้อนๆ เป็นลูกของนายใหญ่เพื่อให้พลพรรคมั่นใจว่านายใหญ่ยังไม่ทิ้งพรรคนี้ และดูเหมือนว่าในการหาเสียงจะให้คุณลูกชายออกไปโชว์ตัวด้วย เพื่อให้ฐานเสียงที่ยังคงภักดีกับพรรคนี้มีความมั่นใจว่านายใหญ่ยังคงดูแลพรรคนี้อยู่
ในขณะที่พรรคนี้โชว์แกนนำอาวุโสที่พวกเขาคิดว่าเป็นขวัญใจชาวบ้านแล้ว เขาก็ไม่ยอมตกขบวนของการโชว์คนรุ่นใหม่ตามกระแสเรียกร้องของประชาชนที่อยากจะเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานการเมือง เพราะเบื่อและไม่ไว้ใจคนรุ่นเก่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้โชว์ว่าพรรคของเขามีคนรุ่นใหม่เข้ามา แต่เขาก็ไปตั้งพรรคลูกของพรรคใหญ่ที่เป็นหัวเรือในการต่อสู้ เป็นพรรคที่ใครมองเข้าไปก็จะเห็นว่าคนรุ่นใหม่ในพรรคนี้คือลูกหลานที่เป็นทายาทของนักการเมืองเก่าและแก่ในพรรคใหญ่นั่นเอง และยังมีแกนนำแก่ๆ อีกหลายคนที่เคยอยู่ในบัญชีรายชื่อ เข้าไปอยู่ในพรรคใหม่นี้ เพื่อที่จะย้ายไปลง ส.ส.เขต ที่ทำให้มีแววของความขัดแย้งระหว่างผู้อาวุโสกับคนรุ่นใหม่ออกมาโชว์ให้เห็นอยู่เหมือนกัน
สำหรับอีกพรรคที่เป็นคู่ปรับของพรรคใหญ่ ก็มีเลือดไหลออกไม่น้อยเหมือนกัน มีทั้งไปที่พรรคที่มีความเกี่ยวพันกับรัฐบาลและพรรคที่ร่วมกันต่อสู่ขับไล่รัฐบาลที่เป็นเผด็จการทางการเมือง พวกเขาโชว์ความเป็นประชาธิปไตยด้วยการให้สมาชิกพรรคมีโอกาสลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรค โชว์ความเป็นพรรคที่มีหลักการด้านประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เป็นอุดมการณ์ของพรรคมายาวนาน ซึ่งการโชว์ดังกล่าวนี้ก็เป็นที่พึงใจของคนที่มีความภักดีกับพรรคที่เลือกพรรคนี้มาตลอดด้วยความเชื่อมั่นในหลักการและอุดมการณ์ด้านความเป็นประชาธิปไตย คงต้องรอดูกันต่อไปว่าพรรคนี้จะมียุทธศาสตร์ในการชวนให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้เขาได้อย่างไร เพื่อที่จะยืนหยัดเป็นคู่ต่อสู้ของพรรคใหญ่อย่างที่ทุกคนเคยคาดหวัง
อีกพรรคหนึ่งออกมาโชว์ความสามารถในการตกปลาในบ่อเพื่อน หรือโชว์การดูดที่มีพลังมหาศาล สิ่งที่พวกเขาสามารถจะโชว์ได้ก็คือ (1) เขาดูดมาได้มากมาย (2) ส.ส.ที่เขาดูดมานั้นเป็นพวกดาวฤกษ์เป็นส่วนใหญ่ หมายถึงคนที่ลงเลือกตั้งครั้งใด ไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหนเขาก็จะได้รับชัยชนะ ทั้งนี้เพราะพวกเขามีภาพลักษณ์เป็นผู้อุปถัมภ์ที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ อีกทั้งยังมีโครงการและงบประมาณมาทำนุบำรุงท้องถิ่นอยู่เนืองๆ ทำให้ประชาชนมองว่าพวกเขามีส่วนในการสร้างความเจริญให้พื้นที่ พวกเขามีภาพลักษณ์เป็น “คนใจถึง พึ่งได้” สำหรับประชาชนในพื้นที่ แม้คนนอกพื้นที่จะมีความกังขาในความโปร่งใสของคนเหล่านี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจคนในพื้นที่ได้ เพราะพวกเขาคิดว่าความเจริญของพื้นที่มาจากการทำงานการเมืองของคนเหล่านี้ (3) เขามีคนรุ่นใหม่ทั้งอายุปานกลางและอายุน้อยที่เป็นคนมีความรู้มีความสามารถเข้ามาร่วมพรรคเป็นจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นคนหน้าใหม่ทางการเมืองที่สามารถนำมาโชว์ให้เห็นว่าพรรคนี้น่าจะเป็นพรรคที่พอจะเป็นความหวังของประชาชนได้ แต่อนิจจา เพื่อที่จะต้องเอาชนะให้ได้ พรรคนี้จึงมีนักการเมืองหน้าเก่าที่ภาพลักษณ์ไม่ค่อยจะงามเท่าใดนัก เมื่อเอาออกมาโชว์ ทำให้ประชาชนบางกลุ่มเกิดความไม่แน่ใจว่าจะลงคะแนนให้พรรคนี้หรือไม่ ใจหนึ่งก็อาจจะเชียร์พรรคนี้ที่พวกเขาเข้าใจว่าสนับสนุนนายกรัฐมนตรีให้อยู่ต่อ อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากได้ ส.ส.เก่าบางคนที่พวกเขาไม่ชอบ หรือไม่พอใจกับการทำงานการเมืองในอดีต ก็คงต้องดูกันต่อไปว่าการมี ส.ส.ลักษณะเป็นแกงโฮะแบบนี้ พรรคนี้จะมีวิธีการชวนให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้พรรคนี้ได้อย่างไร เพราะตอนนี้เมื่อมีการปลดล็อกแล้ว ดูเหมือนว่าพรรคที่คาดหวังว่าจะได้จำนวน ส.ส.เกิน 100 ขึ้นไป กำลังตั้งหน้าตั้งตารุมกินโต๊ะพรรคนี้อย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกัน
นอกเหนือจากสามพรรคนี้แล้ว ยังมีพรรคกลางๆ อีก 3 พรรคที่ยังไม่ประกาศชัดเจนว่าจะเป็นพันธมิตรกับใคร หรือเป็นศัตรูกับใคร พวกเขาก็มีการโชว์ศักยภาพของพรรคพวกเขาเช่นกัน วิธีการโชว์ก็คือการบอกกับประชาชนว่าเขาได้ตระกูลใหญ่ที่เป็นดาวฤกษ์มาร่วมงานกับพวกเขา เพื่อให้เห็นว่าพรรคของเขาก็ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดคนที่มีศักยภาพได้เป็น ส.ส.มาร่วมงานด้วย พรรคทั้ง 3 นี้มีความสุภาพ ไม่ด่าใคร ไม่ว่าใคร ไม่กล่าวหาใคร เป็นมิตรกับทุกฝ่าย พวกเขาคงมั่นใจว่าไม่มีพรรคใดจะได้ ส.ส.จำนวนมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่รวมกับพรรคอื่น และพวกเขาคิดว่าพรรคที่ไม่เป็นศัตรูกับใครอย่างพวกเขานี่เอง ที่จะเป็นพันธมิตรกับฝ่ายใดก็ได้ในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฉะนั้น ไม่ว่าฝ่ายใดใน 3 ก๊กที่กล่าวมาข้างต้นได้จัดตั้งรัฐบาล ทั้ง 3 พรรคนี้ก็คงจะเข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน เพราะการรวมตัวกันเป็นรัฐบาลของประเทศไทย ไม่มีเรื่องของอุดมการณ์อยู่แล้ว ดังนั้น การเข้าร่วมรัฐบาลจึงเป็นเรื่องของความสมประโยชน์มากกว่าที่จะมีการพิจารณาว่าอุดมการณ์ตรงกันหรือไม่ บัดนี้ถึงเวลาที่น่าจะหาเสียงได้แล้ว มาดูกันต่อไปว่าแต่ละพรรคจะชวนให้ประชาชนเลือกคนของพรรคเขาอย่างไร.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |