ทีดีอาร์ไอชี้แจกเงินปีใหม่หาเสียงเลือกตั้ง แต่รัฐบาลอื่นก็ทำ รับช่วยคนจนได้ตรงจุด เผย 4 ปีใช้งบกระตุ้นรากหญ้า 4-5 แสนล้านไม่มากไป พปชร.ท้าพรรคไหนไม่เห็นด้วยบัตรคนจนให้ยกเลิก "พิชัย" เตือน "บิ๊กตู่" นั่งนายกฯ รอบ 2 ศก.ไทยเจ๊งยาว
ที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม มีการจัดงานเสวนาในหัวข้อ “สวัสดิการประชาชนและมาตรการแก้จน บนโจทย์วินัยการคลัง” โดยมีนายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายภาวิน ศิริประภานุกูล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายอธิภัทร มุทิตาเจริญ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง ทีดีอาร์ไอ ร่วมเสวนา
นายประจักษ์กล่าวว่า ช่วงก่อนปี 2540 รูปแบบที่พบคือการซื้อเสียง-แจกเงิน แต่หลังจากปี 2540 พรรคการเมืองต่างๆ เริ่มมีการแข่งขันเชิงนโยบายมากขึ้น สำหรับปัจจุบัน ราคาตลาดการซื้อเสียงระดับชาติ จากการวิจัยพบว่า อยู่ที่ 500 บาท แต่ในระดับท้องถิ่น อยู่ที่ระดับ 1,000-2,000 บาท ทั้งนี้ รูปแบบการหาเสียงของการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเน้นไปที่การซื้อเสียงในรูปแบบต่างๆ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบให้การแข่งขันกลับไปสู่ระบบเขตเลือกตั้ง ไม่ใช่การแข่งขันเชิงนโยบาย ซึ่งจะพบการหาเสียงระยะสั้นและการซื้อเสียง
"แม้ว่ารัฐประหารครั้งนี้มีโจทย์เรื่องวินัยการเงินการคลังชัดเจน เนื่องจากพวกเขาต่อต้านประชานิยม แต่ในปีที่ 4 กลับมีของขวัญปีใหม่ออกมาช่วงก่อนเลือกตั้ง พร้อมอาศัยบริการของนักการเมืองตั้งพรรคเฉพาะกิจ เน้นเพียงการชนะการเลือกตั้ง ซึ่งตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมา จะมีพรรคนอมินีแบบนี้เกิดขึ้นตลอด ควบคู่ไปกับนโยบายการแจกเงิน ซึ่งดูจากประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเรื่องปกติในประวัติศาสตร์การเมืองไทย” นายประจักษ์ระบุ
นายสมชัยกล่าวว่า แม้นโยบายการแจกเงินจะสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้มากกว่ามาตรการด้านภาษี เนื่องจากบรรเทาความยากจนได้ตรงจุด เป็นการส่งเสริมโอกาสและการลงทุนในมนุษย์ มีต้นทุนในการบริหารจัดการต่ำ ป้องกันการคอร์รัปชันได้มากกว่า แต่จำนวนเงินต้องไม่มากเกินไป จนทำให้เกิดการใช้ผิดแนวทาง อย่างไรก็ดี จากข้อมูลการวิจัยคาดว่ารัฐต้องใช้งบประมาณเพิ่มอีก 350,000 ล้านบาท ในการพัฒนานโยบายดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งรัฐต้องปรับตัวโดยการพิจารณาความเหมาะสมของสัดส่วนงบประมาณการป้องกันประเทศ
“4 ปีของ คสช. มีการช่วยเหลือเกษตรกร มีการเพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน ช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชน ช่วยเหลือกองทุนประชารัฐ ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คาดว่าใช้งบประมาณ 400,000-500,000 ล้านบาท หรือ 100,000 ล้านบาทต่อปี คิดว่าไม่มากเกินไป แต่บางส่วนยังเป็นการใช้นอกงบประมาณ อาทิ ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ฯ และยังไม่มีการแก้ปัญหาความยากจนเชิงโครงสร้าง อาทิ อุดหนุนเด็กแรกเกิด และพัฒนาคุณภาพการศึกษา อย่างไรก็ตาม การใช้บัตรคนจนเป็นเครื่องมือนั้นมาถูกทางแล้ว สำหรับมาตรการล่าสุด ทุกโครงการที่รัฐบาลบอกว่าเป็นของขวัญปีใหม่นั้น เป็นการแจกเงินทั้งหมด ซึ่งผมมองว่าเป็นนโยบายหาเสียง และไม่มีผลต่อเศรษฐกิจมหภาค เพราะเป็นนโยบายครั้งเดียว เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลอื่นก็ทำกัน ไม่ได้น่ารังเกียจ แต่รัฐบาลต้องบอกประชาชนว่ามีต้นทุนเท่าไหร่” นายสมชัยกล่าว
วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีแชร์คลิปโจมตีโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่าคนรวยก็ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะมีการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเคร่งครัดว่าเป็นผู้มีรายได้น้อยจริงๆ หากจนไม่จริงก็จะถูกยกเลิกบัตรทันที ซึ่งโครงการนี้เป็นประโยชน์กับพี่น้องคนยากคนจนอย่างมาก จะเห็นได้จากการที่พี่น้องคนยากคนจนต่างมีความสุขมากที่ไปกดเงินจนล้นตู้เอทีเอ็ม
นายธนกรกล่าวว่า จากการที่ตนและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงฯ ลงพื้นที่หาสมาชิก พี่น้องคนยากคนจนทั่วประเทศต่างฝากขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ดำเนินโครงการนี้ และอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่เข้าใจพรรคการเมืองสองพรรคใหญ่ที่ออกมาโจมตีเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลแจกเงินล่วงหน้า ทั้งที่นโยบายนี้ทำมาก่อนแล้ว หากสองพรรคใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ประกาศเป็นนโยบายของพรรคว่าจะยกเลิกไปเลย
ขณะที่นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า รู้สึกสับสนว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้นหรือตกต่ำลง เพราะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล บอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น แต่กลับมีการทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนออกมามากถึง 14.5 ล้านใบ แต่เมื่อถูกตั้งคำถามเรื่องอัดเงินในบัตรคนจนช่วงใกล้เลือกตั้ง นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอ้างว่าไม่ให้ไม่ได้ คนจะอดตายอยู่แล้ว ซึ่งความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า 4 ปีที่ผ่านมาต่างคนต่างทำ เหมือนคนทำงานไม่เป็น ไม่ใช่มืออาชีพ และไม่รู้ว่าคำพูดของรัฐมนตรีคนไหนที่โกหกกันแน่
“การแจกเงินผ่านบัตรคนจนคือการบริหารที่ไร้การวางแผนแก้ไขความยากจนอย่างยั่งยืน ไร้ฝีมือ ไร้ประสบการณ์ จะช่วยคนจนทั้งทีแต่เงินจำนวนมหาศาลกลับไหลไปให้กลุ่มทุนเพียงไม่กี่ราย ต่างจากแนวปฏิบัติของพรรคเพื่อไทยที่เคยแก้ปัญหาความยากจนสำเร็จมาแล้ว และมั่นใจว่าไม่เกินความสามารถของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยที่จะรับภาระหยุดความยากจนครั้งใหม่ให้แก่ประชาชนชาวไทยทุกคน ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะไม่ยกเลิกบัตรคนจน ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดจะปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม เพื่อให้ประชาชนหายจน สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี" โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวในงานเสวนาพิเศษ “เศรษฐกิจการเมืองไทย หลังการเลือกตั้ง”ว่า อนาคตเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทยขึ้นกับผลการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 หากผลการเลือกตั้งออกมาปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง เศรษฐกิจไทยจะถอยหลังไปอีกนาน 5-20 ปี เพราะ 4 ปียังเจ๊งขนาดนี้ ถ้าได้กลับมาอีกประเทศไทยจะเจ๊งขนาดไหน ดังนั้นหากไม่อยากให้ประเทศไทยล้าหลัง ก็ต้องไม่เอาผู้นำที่ขาดคุณสมบัติที่เหมาะสม รวมถึงรัฐธรรมนูญและยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่จะสร้างปัญหาให้กับประเทศไปอีกนาน ถึงเวลาที่ประเทศจะก้าวไปข้างหน้าด้วยผู้นำที่มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง มีปัญญาเป็นอาวุธ ไม่ใช่ถืออาวุธแต่ขาดสติปัญญา
นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ “รัฐบาลแจก 500 ตอนใกล้เลือกตั้ง บอกคนจนจะอดตาย เหมือนเป็นการยอมรับเองว่า เกือบ 5 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น” ระบุว่า การที่นายสุวิทย์พูดถึงนโยบายแจกเงินคนจนว่ามีความจำเป็นต้องให้ชาวบ้าน เพราะทุกวันนี้คนจนมีมาก ซึ่งนั่นเป็นการยอมรับจากรัฐบาลเองว่าทุกวันนี้ยังมีคนจนอยู่มาก และปากท้องของชาวบ้านไม่ได้ดีขึ้นเลยในช่วงที่รัฐบาล คสช.บริหารประเทศ ถือเป็นคำสารภาพจากปากรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาล ดังนั้นการแจกเงินช่วยคนจนคนละ 500 บาทของรัฐบาลในช่วงปีใหม่ ยิ่งส่อให้เห็นถึงความพยายามในการซื้อเสียงทางอ้อม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |