14 ธ.ค. ที่ทำการพรรคเพื่อชาติ ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เดินทางมาที่ทำการพรรคเพื่อชาติ เพื่อสนับสนุนแนวทางให้ทุกฝ่ายเสียสละเพื่อบ้านเมือง และประเด็นการแก้ไขปัญหาชาติอื่นๆ โดยมีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ รวมทั้งกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้การต้อนรับ
โดย นายอดุลย์ กล่าวว่า ตนขอขอบคุณนายจตุพร ที่เปรียบเหมือนญาติวีชนคนหนึ่ง ซึ่งเหตุผลการมาเยือนเพื่อให้การสนับสนุนพรรคเพื่อชาติในวันนี้ ตนเองรู้สึกเจ็บใจกับคำพูดของหัวหน้า คสช. ว่าจะเข้ามากำจัดความรุนแรง เพื่อให้คนในชาติมีความสมัคคีปรองดอง แต่การกระทำที่เห็นในช่วง 5 ปีที่ผ่านนั้นล้มเหลว มีเจตนาสืบทอดอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรับได้
ขณะที่มาตรา 44 นั่นเป็นกฎหมายที่มีขอบเขต แต่ขณะนี้ถูกใช้เกินขอบเขต ด้วยการเอามาตรา 44 นั้นล้างกฎหมายที่เป็นหลังของการปกครองประเทศและร่างกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองต้องหาทางแก้ไข
ประการที่สอง มีการค้นพบว่า รัฐบาลนี้มีการทุจริตแทบทุกกระทรวง โดยเฉพาะรัฐบาล คสช. มีส่วนร่วมด้วย ส่วนประเด็นแก้ไขปัญเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องใหญ่ เป็นต้นเหตุการเอื้อนายทุนนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำ โดยไม่รู้ทางแก้ไข เพราะเศรษฐกิจได้พังพินาศลงไปเพราะจากเกิดการบริหารที่ไร้ความสามารถ ถลุงเงินเป็นแต่ใช้เงินไม่เป็น พร้อมฝากบอกรัฐบาล คสช.ด้วยว่าการที่ประชาชนได้รับเงิน 500 บาทจากรัฐบาลนั้นทำใหประชาชนกิดความรู้สึกอัปยศ เหมือนเป็นคนจน
ซึ่งหากรัฐบาลบริหารประเทศดี ประชาชนจะหาเงินได้มากกว่า 500 บาท โดยไม่ต้องให้รัฐบาลข่วยเหลือเลย แต่การเอื้อนายทุนทำให้ประชาชนไม่สามารถหากินได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลเผด็จการ หากเข้าเงื่อนไข คือ การใช้อำนาจเกินขอบเขต, การทุจริตประพฤติมิชอบ, การด้อยความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ถูกไล่ทั้งนั้น
นายอดุลย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ขอบคุณพรรคเพื่อชาติ พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีม็อบแน่นอน แต่สิ่งเดียวที่ประชาชนรอคือพระบรมราชพิธี ดังนั้นอย่างมองว่า ที่ประชาชนรอเพราะกลัวมาตรา 44 หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นข้อเรียกร้องในวันนี้ ว่าขอให้พรรคเพื่อชาติช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมือง อย่าให้มีเรื่องรุนแรง และล้างรัฐบาลที่ด้อยความสามารถ ที่ใช้อำนาจเกิดขอบเขต มีพฤติกรรมทุจริตประพฤติมิชอบนี้ด้วย หากพรรคเพื่อชาติได้เป็นรัฐบาล ขอให้ตรวจสอบด้วยว่า 5 ปี ที่รัฐบาล คสช. มีโครงการอะไรบ้างที่ไม่ถูกต้อง จึงฝากพรรคเพื่อชาติ ทำให้เกิดเป็นรัฐบาลให้ได้ การยืนในหลักการพรรคก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่การทำเพื่อชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าแน่นอน
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ผ่านมา 26 ปีจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 เรายังคงเจอเรื่องเดิม ที่ต่างเพียงแค่ตัวบุคคล แต่เรื่องเศรษฐกิจ ปี 2535 ประชาชนยังไม่เดือดร้อนเท่ายุคนี้ พ.ศ. นั้นเป็นความขัดแย้งเรื่องประชาธิปไตย ไม่ใช่ปัญหาปากท้อง ดังนั้นสิ่งที่ตนเองพยายามเสนอแนวทาง จากประวิติศาสตร์ประเทศตายก่อนแก้ แต่ครั้งนี้ขอแก้ก่อนตาย โดยพร้อมคุยทุกฝ่ายเพื่อหาทางออก ถ้าทุกฝ่ายไม่ร่วมมือกันประเทศคงไปไม่รอด แม้ว่าการเลือกตั้งเกิดขึ้น การพูดคุยกันเป็นสัญญาประชาคมจึงสำคัญ
วันนี้สิ่งที่ทุกคนเรียกร้องเช่นให้ 4 รัฐมนตรีหรือ พล.อ. ประยุทธ์ลาออก คือตราบใด ที่ 4 รัฐมนตรี ไม่ลาออก พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ลาออก แต่หาก 4 รัฐมนตรีลาออกพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นคนเดียวที่ถูกประณาม แต่ขณะนี้ถูกประณามเหมาทั้ง 5 คน เพราะฉะนั้นไม่ใช่ผลดีกับชาติ ซึ่งก่อนหน้านั้นตนเคยอธิบายว่าเป็นทั้งผู้เล่นและกรรมการแต่ครั้งนี้เป็นการทำหน้าใหญ่กว่ากรรมการ ด้วยการสามารถออกคำสั่งกรรมการได้ เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้งภายใต้มาตรา 44 จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่
ซึ่งหากพลังประชารัฐเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แข่งขันกับทุกพรรค และมีอำนาจเหนือกว่า กกต. ปลด กกต.ได้ แล้วจะเลือกกันอย่างไร ขณะที่มีการอธิบายว่า ทุกรัฐบาลไม่มีใครลาออก ซึ่งไม่เหมือนกัน เช่น การใช่งบประมาณต้องขออนุมัติจาก กกต. แต่รัฐบาล คสช. กลับไม่ต้องขอ กกต. แม้เพียงกรณีเดียว และสามารถเป็นหัวหน้าคสช. และมีรายชื่อคาบเกี่ยว พรรคพลังประชารัฐ สามรถปลด กกต.ได้อีกด้วย
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ประเด็นต่อมา คือวิกฤตรัฐธรรมนูญที่ทุกพรรคพูดถึง วาจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เนื่องจากว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียน และออกแบบเพื่อไม่ให้เกิดการแก้ไขได้เลย แต่จะเกิดขึ้นได้อย่างเดียวคือทุกฝ่ายตกลงร่วมกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้ประชาชนต้องการเลือกตั้ง ต้องการรัฐบาลแก้ไขปัญหาชาติ แต่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จะไม่มีพรรคใดได้เสียงจาก ส.ว.250 คนแน่ พร้อมเชื่อว่าทุกฝ่ายเห็นว่ากฎหมายมีปัญหา แต่การที่พรรคเพื่อชาติบอกว่าเป็นเกาะกลางไม่ใช่หมายความว่าไปสนับสนุนเผด็จการ แต่เป็นการพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน
ทั้งนี้ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เมื่อใดก็ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงสปิริทออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.และลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่ในบัญชีผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเป็นการแข่งที่สะอาด สง่างาม ถ้าวันนั้นประชาชนเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ตนก็ยอมรับ แต่วันนี้ไม่มีความยุติธรรม วันนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก เชื่อว่าไม่มีอะไรเสียเปรียบแน่
ส่วนนายสงคราม กล่าวว่า เรื่องที่วีรชนพฤษภา 35 เสนอมานั้นตรงตามอุดมการณ์ของพรรคเพื่อชาติ ที่เป็นพรรคของประชาชน ที่คนในพรรคมีอุดมการณ์เดียวกัน ด้วยความอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ จะเห็นได้ว่าบ้านเมืองขณะนี้ไปไม่ไหวจริงๆ หากปล่อยไป ไม่ใช่แค่เราที่จะจนลง แต่ยังมีคนอีกหลายชนชั้นที่จนไปด้วย และคนทุกคนต่างมีสักศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน
ขณะที่พรรคเพื่อชาติไม่ได้หวังเก้าอี้ ส.ส.มากหรือน้อย แต่คิดว่าจะทำไงให้บ้านเมืองสงบ ไม่โดนปืนจี้หัว เราพี่น้องกัน คนชาติเดียว ต้องคุยกันได้ ดังนั้นพรรคนี้คุยได้กับทุกคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันตามเป้าหมาย ว่าจะทำเพื่อชาติ อีกทั้งขอยกย่องผู้เสียสละเพื่อบ้านเมือง เพื่อชาติ มาโดยตลอดตนไม่เคยลืมผู้เสียสละเพื่อชาติ ไม่เคยลืมวีรชนที่เสียสละเพื่อชาติ พร้อมขอขอบคุณทุกคนที่ไม่ทิ้งอุดมการณ์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |