โรงงานผลิตวัคซีน GPO-MBP โชว์ศักยภาพ พร้อมเป็นศูนย์กลางส่งออกวัคซีนในเอเชีย-แปซิฟิก


เพิ่มเพื่อน    


13ธ.ค.61-เภสัชกร บุญรักษ์ ถาวรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด กล่าวว่า “บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด เป็นโรงงานผลิตวัคซีนร่วมทุนขององค์การเภสัชกรรม(อภ.)  กระทรวงสาธารณสุข บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด และบริษัท ซาโนฟี่ ปาสเตอร์ จำกัด โดยก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปลายปี 2540 ด้วยทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม 300 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการพัฒนาการผลิตวัคซีนที่ได้คุณภาพในระดับสากล เสริมสร้างความมั่นคงด้านวัคซีน และให้การสนับสนุนวัคซีนคุณภาพกับแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ โดยได้ดำเนินการก่อสร้างในปี 2543 ภายใต้การควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท ซาโนฟี่  ปาสเตอร์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนับเป็นโรงงานผลิตวัคซีนระดับอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ได้มาตรฐานดีเยี่ยมแห่งหนึ่งของเอเชีย   รวมถึงเป็นศูนย์กลาง (Hub) ในการส่งออกวัคซีนในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  มีการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านวัคซีนระดับมาตรฐานโลกในการดูแลสุขภาพประชาชนทั่วประเทศและทั่วภูมิภาค นอกจากนี้ การออกแบบสถานที่ก็เป็นไปตามมาตรฐานหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัคซีนในระบบสากล บริษัทฯ ได้เริ่มการผลิตวัคซีนครั้งแรกในเดือนตุลาคม ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตทั้งวัคซีนชนิดผงแห้งและชนิดเหลวถึง 20 ล้านขวดต่อปี

 

บริษัทฯ ได้พัฒนากระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีนหลากหลายชนิด โดยรวมถึงวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ และวัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบเจอี โดยบริษัทฯ ได้ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานการผลิตยาที่ดีจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ปัจจุบันมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญชาวไทยจำนวนกว่า 130 คน และตลอดกว่า 2 ทศวรรษ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต่างมุ่งมั่นตั้งใจและใส่ใจในรายละเอียดในทุกๆ ขั้นตอน เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานระดับสากล ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ ขั้นตอนการผลิต การควบคุมคุณภาพ ผู้จัดจำหน่าย งานด้านวิศวกรรมและการบริหารจัดการทั่วไปของโรงงาน รวมถึงได้มีการคิดค้น วิจัย และพัฒนานวัตกรรม ศึกษาเรียนรู้และรับการถ่ายทอดการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มาโดยตลอดเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยให้กับวัคซีน และให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคมไทย   

พลโท สุชาติ วงษ์มาก กรรมการ บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด กล่าวว่า  ประเทศไทยจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเองด้วยการผลตวัคซีนใช้เองในประเทศ และด้วยศักยภาพและผลงานความสำเร็จของ GPO-MBP ที่ผ่านมาถือเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างมั่นใจว่าประเทศชาติจะมีความมั่นคงทางวัคซีน ทั้งจากการผลิตวัคซีนเพื่อเด็กไทยและเอื้อประโยชน์ในต่างชาติ เช่น วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี ที่ผลิตขึ้นเองและยังสามารถส่งออกไปยัง 15 ประเทศ นำรายได้เข้าประเทศได้อย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาและผลิตวัคซีนเองภายในประเทศให้ครอบคลุมโรคต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด รวมถึงมีการวางกลยุทธ์ในการขยายการผลิตวัคซีน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ และส่งเสริมการประกาศใช้พ.ร.บ. ความมั่นคงด้านวัคซีนจากรัฐบาล”

นพ. ดร. จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวเสริมถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 และมีผลบังคับใช้วันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้นว่า “เปรียบเสมือนตัวกำหนดให้มีกลไกที่เป็นระบบในการส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อให้มีการวิจัย การพัฒนา การผลิต การประกัน การควบคุมคุณภาพ การจัดหา การกระจายวัคซีน และการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคที่เหมาะสมและต่อเนื่องในระยะยาว เป็นการสร้างหลักประกันนโยบายแห่งรัฐเพื่อขับเคลื่อนภารกิจและยุทธศาสตร์วัคซีน และเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะผลักดันประเทศสู่ความมั่นคง สามารถพึ่งตนเองและการเป็นผู้นำด้านวัคซีนในระยะยาว ทำให้ประชาชนเข้าถึงการป้องกันโรคด้วยวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงเป็นธรรม ลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ และทำรายได้เข้าประเทศโดยการส่งออกวัคซีน โดยที่ผ่านมา ยังขาดการรวมพลังระหว่างองค์กรที่มีศักยภาพในการพัฒนางานด้านวัคซีน และขาดความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยผลักดันให้สอดประสานและมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"