13 ธ.ค.61- นายยงยุทธ ติยะไพรัช กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นวิทยากรของสถาบันพัฒนาการเมืองพรรคเพื่อชาติ จังหวัดระนองว่า แท้ที่แล้วปัญหาของชาติไม่ได้อยู่ที่การปลดล็อก ปัญหาของชาติบ้านเมืองอยู่ที่รัฐธรรมนูญที่เรามีใช้ในปัจจุบันนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่แปลก สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือเป็นรัฐธรรมนูญที่ปรับปรุงแก้ไขยากมีเงื่อนไขเยอะแยะไปหมด 

ส่วนที่สองของความแปลกก็คือมีนักยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเป็นผู้นำเหล่าทัพเสียเกินครึ่ง เพราะฉะนั้นสภาพบรรยากาศการเมืองไทยหลังจากยึดอำนาจแล้วมีรัฐธรรมนูญแล้วก็ยังไม่พ้นกลิ่นไอของกองทัพ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต่างชาติทั้งหลายมีข้อสงสัยว่าการเมืองประเทศไทยจะมีความสงบนิ่งหรือไม่นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น 

สรุปว่าการเลือกตั้งครั้งนี้หลังเลือกตั้งเสร็จตนเชื่อว่าบ้านเมืองยังไม่สงบอยู่ดี เพราะถ้าหากประชาชนเลือกพรรคนั้นแล้วชนะถล่มทลาย แต่ปรากฏเจอ สว. 250 เสียงไม่เอาด้วยแล้วไปบวกกับสส.อีก 126 เสียงก็สามารถตั้งรัฐบาลได้โดยที่ขืนใจประชาชนก็จะเกิดวิกฤติศรัทธา แม้ว่าฝ่ายผู้มีอำนาจชนะเลือกตั้งก็จะเกิดวิกฤติอีก เพราะท่ามกลางกฎกติกา ท่ามกลางสรรพอำนาจทั้งหลายที่มาดำเนินการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้คำว่าฟรีแอนด์แฟร์หายไป

“ก็ขอเรียนกับพี่น้องว่าพรรคเพื่อชาติที่ผมมาเป็นทั้งกองเชียร์และภารโรงอยากเห็นรอยต่อทางการเมืองของประเทศเรานั้นเป็นไปอย่างราบเรียบไม่มีคลื่น ไม่ต้องมีปัญหาอะไร ยังเห็นพ้องต้องกันว่าวันนี้ถ้าเราเลือกตั้งแบ่งสีแบ่งอำนาจ สุดท้ายมาประเทศชาติเราก็จะต้องเจอปัญหาวิกฤตอย่างนี้ตลอดไป พรรคเพื่อชาติที่ตนสนับสนุนก็เลยเป็นพรรคที่เป็นเกาะกลางที่จะให้ทุกฝ่ายมาร่วมพูดคุยกัน ที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า Talking Area พื้นที่พูดคุยกัน ไม่ได้แปลว่าคนชอบเผด็จการจะพูดคุยไม่ได้คุยได้ ไม่ได้แปลว่าคนชอบประชาธิปไตยจะต้องกลายเป็นเผด็จการ หรือเผด็จการต้องมาเป็นประชาธิปไตยหรืออะไรต่างๆ เหล่านี้  มาพูดคุยโดยเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อชาติจึงเป็นพรรคเดียวที่ไม่ได้คำนึงว่าจะได้ สส. กี่เสียง จะให้ใครเป็นรัฐบาล แต่เอาปัญหาของชาติเป็นตัวตั้งแล้วมาแก้ไขด้วยกลไกการเลือกตั้ง ตนเลยเห็นว่าพรรคนี้น่าสนับสนุนเลยมาขอเป็นภารโรงให้พรรคเพื่อชาติ” นายยงยุทธ กล่าวทิ้งท้าย.